• Nice Two Meat U สายเกาหลีที่แท้ทรูต้องไปลอง

    สายเกาหลีที่แท้ทรูต้องลอง “ปูดองซีอิ๊วเกาหลี” ไม่ต้องบินไปไกลถึงเกาหลีละจ้า  ถ้าจะพูดถึงร้านปิ้งย่างสุดฮอตตอนนี้ต้อง ‘Nice Two Meat U’ ปิ้งย่างสไตล์เกาหลีที่ใครๆก็ต้องลิ้มลอง กับเนื้อหมูและเนื้อวัวคัดอย่างดี 3ชั้นรมควัน (280 บาท) แนะนำอยากให้ลอง หมูสไลด์ราดซอสก็เลิศ พร้อมเครื่องเคียงมากมายในชุดปิ้งย่าง ทีเด็ด คอหมู (260 บาท) ซึ่งจะต้องนำไปย่างที่อุณหภูมิที่ 40 องศา ให้น้ำมันออกนิดๆจะอร่อยมาก นอกจากนี้ยังมีเมนูเด็ดที่ทุกคนเห็นแล้วต้องซี้ดดดดดดน้ำลายไหล ‘ปูดองซีอิ๊วเกาหลี’ (1,050 บาท) แซ่บ เด็ด ท้าให้ลอง! ซึ่งเจ้าของสาขานี้ คุณเอ ศุภชัย นักปั้นดารามือทองติดใจเมื่อครั้งไปทานที่เกาหลี จนตื้อขอซื้อแฟรนไชส์เข้ามาให้สาวกอาหารเกาหลีเมืองไทยได้ลิ้มลอง และยังมีเมนูอร่อยๆที่ทางร้านคัดสรรส่งตรงจากเกาหลี ทั้งข้าวผัดกิมจิชีส (360 บาท) กลิ่นกิมจิหอมเตะจมูกมาก พนักงานจะมาผัดให้เราที่โต๊ะเลย คอยดูแล 1 คน ต่อ 1 โต๊ะเมนูเกาหลีอื่นๆ อยากให้ลอง ซุปเต้าหู้อ่อน (350 บาท) ตัวน้ำซุปทำจากกิมจิ จับเช หรือผัดวุ้นเส้นเกาหลี (220 บาท) ตัวเส้นเกาหลีเค้าจะมีความเหนียวหนึบอร่อย แต่ละเมนูดีงาม เลอค่า ต้องไปลองกันจ้า

  • ถ่ายรูปชิคๆ เช็คอินที่ ‘ล้ง 1919’

    ถ่ายรูปชิคๆ เช็คอินที่เที่ยว ‘ล้ง 1919’ มาแล้วค่ะคุณขาาาาาา สถานที่เที่ยวแห่งใหม่ในกรุงเทพมหานครของเรานี่เอง โครงการ “ล้ง 1919” (LHONG 1919) แหล่งท่องเที่ยวเชิง Heritage โดดเด่นด้วยศิลปะเชิงอนุรักษ์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ไทยจีน ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์และศูนย์รวมใจของชาวจีนในแผ่นดินไทยให้เราได้สัการะกัน ภายในพื้นที่แห่งนี้รวมร้านช้อปปิ้งจำหน่ายงานดีไซน์ งานฝีมือร่วมสมัยอย่างร้าน SAN สินค้าส่วนใหญ่ส่งออกญี่ปุ่น มีเสื้อผ้า กระเป๋า เฟอร์นิเจอร์เป็นสไตล์จีนแต่ดีไซน์อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือถ้าชอบงานฝีมือของคนรุ่นใหม่ ร้าน Room 5D เป็นการรวมตัวของ 5 ดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ที่สำคัญยังเป็นคนวาดภาพตามมุมต่างๆในล้งด้วย สินค้าแนะนำให้ช้อปติดมือกลับ รูมสเปรย์กลิ่นมะม่วง กลิ่นทุเรียนก็มี เกร๋ๆ ไหมล่ะ และยังมีของตกแต่งบ้านเครื่องประดับที่เป็นงานดีไซน์ บอกเลยว่ารุ่นใหม่แต่ฝีมือเฉียบจากนั้นเดินชมผลงานศิลปะทั้งอาคารไม้และภาพจิตรกรรมฝาผนัง มีร้านอาหารและเครื่องดื่มให้บริการอยู่หลากหลายร้าน อาทิ เพลินวานพาณิชย์ ลมโชย โรงสี ชอบสไตล์ไหนลองแวะเข้าไปเช็คอินกัน แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเราก็คงจะเป็นภาพวาดฝาผนังที่ให้สายแชะได้ถ่ายรูปชิคชิค บอกเลยว่าแต่ละมุมเก๋ๆทั้งนั้นนนนน เสาร์-อาทิตย์นี้ใครว่างๆอย่าลืมมาเช็คอินกันนะ! อ่อ ช่วงเย็นยังมีร้านค้าสตรีทฟู้ดอร่อยๆในย่านนั้นมาออกร้านด้วย ช้อป ชิม ชิล เพลิน!! 

  • ข้าวหมูแดงซอสเผ็ดในตำนาน ที่อำเภอปากช่อง

    หากใครผ่านไปแถวปากช่อง อยากให้ลองร้าน "ข้าวหมูแดงสุพรรณ" ที่ไม่ได้อยู่จังหวัดสุพรรณแต่สูตรมาจากสุพรรณแท้ๆ มีมายาวนานเกือบ 50 ปี ทีเด็ดอยู่ที่น้ำซอสรสเผ็ดนิดๆ หอมเครื่องเทศ เข้มข้น จัดเต็มหมูเเดง หมูกรอบ ไข่ ในราคาเพียง 40 เท่านั้น!!! จานเด็ด "ข้าวหมูแดงรวม" (ธรรมดา 40 บาท / พิเศษ 50 บาท) ครบเครื่องทั้งหมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง รวมถึงไข่ต้ม"เกาเหลาเลือดหมู" (ธรรมดา 40 บาท / พิเศษ 50 บาท)  เครื่องแน่น เลือดชิ้นโต หมูสับ ตับ และจินจูไฉ่ มีสรรพคุณเป็นยาช่วยขับสารพิษในร่างกายหรือจะสั่ง "หมูกรอบ" ทำสดใหม่ทุกวันทอดจนหนังกรอบกรุบๆ หั่นชิ้นหนา ทานกับซีอิ๊วดำบอกเลยว่าฟิน

  • เมนูภูเก็ตพื้นบ้าน หร่อยแรงๆ ต้อง ร้านต้นมะยม

    ใครที่มองหาอาหารรสจัด เผ็ดร้อนตามสไตล์อาหารใต้ ห้ามพลาดกับ "ร้านต้นมะยม" ร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ตแท้ๆ ราคาไม่แรง รสแซ่บถึงใจ เป็นร้านเล็กๆ อบอุ่นเหมือนนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้าน เมนูเด็ด "ขนมจีนแกงไตปลา" (60 บาท/สำหรับ 2 ที่) เพิ่มความหอมด้วยปลาโอย่าง ความพิเศษอีกอย่างคือจะใส่มะละกอแขกดำที่เกือบสุกลงไปเพื่อให้ได้ความกลมกล่อมขึ้น "น้ำพริกปลาฉิ้งฉ้าง" (120-150 บาท)  เป็นน้ำพริกกะปิ โรยหน้าด้วยปลาฉิ้งฉ้างทอดกรอบ "แกงจืดเต้าหู้ปลาเค็ม" (80 บาท) หอมปลาเค็มที่นำไปคั่วกับหมูสามชั้น "ปลาเจี๋ยน" (120-150 บาท) ความอร่อยของจานนี้อยู่ที่ปลาทอดมีความกรอบเข้าไปซึมในน้ำซีอิ๊ว "ผัดหมูเคยเค็ม" (150 บาท) จะใช้หมูเอี่ยมต้อ ที่อยู่ใต้อกตรงราวนมของหมู ซึ่งเป็นส่วนที่หายากมากและมีความอร่อยมาผัดกับเคยเค็มดอง  "แกงปลามงใส่หยวกกล้วย" เมนูที่ไม่ค่อยจะได้ยินกัน สูตรเด็ดอยู่ที่การใส่ส้มแขกลงไปด้วยเพื่อให้รสชาติที่กลมกล่อมขึ้น สัมผัสของปลามงเนื้อจะไม่นิ่มจนเกินไปเวลาทาน

  • อำแดงไต้ฝุ่น มนตร์เสน่ห์ของอาหารฮ่องกง!!!

    "อำแดงไต้ฝุ่น" ไม่ต้องบินไปถึงฮ่องกงก็มีอาหารฮ่องกงเด็ดๆให้ทานถึงในซอย สุขุมวิท32 จัดมาแบบเต็มๆฟูๆเลยทีเดียวแค่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านก็ตกหลุมมนตร์เสน่ห์ของบ้านไทยโบราณอายุกว่า 70 ปี ที่ถูกดัดแปลงมาเป็นร้านอาหาร เป็นอีกร้านดังในย่านนี้ด้วยฝีมือการปรุงอาหารตามสูตรดั้งเดิม อร่อยแบบชาวบ้านต้นตำหรับแท้ๆ หลายๆคนคงสงสัยกับชื่อร้านว่าทำไมต้อง "อำแดงไต้ฝุ่น" เพราะ "อำแดง" เป็นคำนำหน้าสำหรับเรียกผู้หญิงในสมัยรัชกาลที่ 4 ส่วนคำว่า "ไต้ฝุ่น" เป็นวิธีการผัด Spicy Crab จากเกาะฮ่องกงที่เป็นเมนูเด็ดของทางร้านนั่นเองประเดิมด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน "ปูทะเลยักษ์ผัดไต้ฝุ่น" หรือ "Spicy Crab" สูตรต้นตำรับจากฮ่องกงแท้ๆ เจ้าของร้านถึงขั้นไปตระเวนทานเมนูนี้ทั่วเกาะฮ่องกงจนไปเจอสูตรความอร่อยที่อ่าวอาเบอร์ดีนจนได้สูตรความอร่อยมา"เต้าหู้ทรงเครื่องเสฉวน" เต้าหู้ขาวผัดกับเครื่องเทศจีน ที่สำคัญหอมกระเทียมมากๆ"เนื้อปลากะพงต้มบ๊วย อาเม้ง" รสชาติจัดจ้านซึมเข้าถึงเนื้อปลา"ผัดถั่วหวานคั่วพริกแห้งอากิมเน้ย"ปิดท้ายด้วยเมนู "เต้าหู้ทอง" แต่ด้วยความอร่อยจนทำให้ทุกโต๊ะต้องสั่ง ทางร้านจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นชื่อของทางร้านเลย "อำแดงไต้ฝุ่น" ขนมหวานล้างปากสูตรเฉพาะของทางร้าน นำเต้าหู้ไปทอดให้เหลืองกรอบแล้วโรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ป่น

  • Umeno Cafe คาเฟ่สำหรับคนรักเต้าหู้

    ใครที่ชอบทานอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะเต้าหู้ต้องไปลองที่  "Umeno Cafe" คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องเต้าหู้ถั่วเหลืองแถมยังมีประวัติจากญี่ปุ่นยาวนานกว่า 50 ปี แต่ตอนนี้มาเปิดสาขาที่เมืองไทยแล้ว มาเริ่มดูเมนูกันดีกว่า"D.I.Y. YUBA" (220 บาท) ชุดทำฟองเต้าหู้สด ที่ให้ทุกคนได้สนุกไปกับการทำฟองเต้าหู้เอง สามารถคีบทานได้ทีละชิ้นเลย ทานคู่กับซอสวาริโชยุ หอมกลิ่นเปลือกส้มยูสุ หรือจะใส่ขิง งาเพื่อเพิ่มความหอม"Soft Tofu pot with Mabo Sauce" เต้าหู้นุ่มเนื้อเนียนแทบจะละลายในปากที่ผ่านมามีแต่เมนูเบาทอง หากใครอยากหาอะไรที่หนักท้องขึ้นมาหน่อยขอแนะนำ "Spaghetti Tonyu Cream Sauce with Grilled Salmon lkura" โดยเมนูนี้ใช้ถั่วเหลืองแทนครีมซอส"Umeno Salad" สลัดเต้าหู้ทานคู่กับน้ำสลัดหอมงา

  • เฮือนกาฬสินธุ์ อาหารอีสานแซ่บหลาย

    "เฮือนกาฬสินธุ์-สวนดอนธรรม" เป็นรีสอร์ทกลางท้องทุ่งในบรรยากาศหมู่บ้านอีสาน สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของความเป็นอีสานได้อย่างชัดเจนจากสไตล์การตกแต่งร้าน และยังมี "สวนอาหารเฮือนดวงจำปา" ที่มีอาหารขึ้นชื่อทุกอย่างในกาฬสินธุ์ ร้านอาหารบรรยากาศดี ล้อมรอบด้วยต้นไม้ มานั่งรับลมเย็นๆ สูดอากาศบริสุทธิ์บนเรือนไทยพร้อมทานอาหารอร่อยๆในสไตล์อีสานแท้ๆ"กุ้งเผา" มันกุ้งเยิ้มๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มแซ่บๆ เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน"ซุปหน่อไม้อีสาน" ปกติจะใส่เป็นข้าวคั่ว แต่ที่นี่จะใช้เป็นน้ำข้าวเหนียวหมัก เข้มข้น นัวแซ่บถึงรสอีสาน"ต้มปลาช่อนใส่ไข่มดแดงและผักติ้ว" เนื้อปลาช่อนชิ้นใหญ่ๆ แซ่บเต็มคำ แถมยังหอมเครื่องสมุนไพรมาก"ป่นปลาช่อน" คล้ายๆกับน้ำพริก ทานคู่กับผักได้เลย

  • ไก่ในหิน ข้าวมันไก่ของคนรุ่นใหม่ อร่อยแบบไม่ธรรมดา

    "ไก่ในหิน" ร้านข้าวมันไก่ของนักร้องนักดนตรีมากความสามารถอย่าง "เป๊ก และ เคน วง Zeal" แค่ชื่อร้านก็พอจะเดาได้แล้วว่าพิถีพิถันทุกขั้นตอนในการทำกว่าจะออกมาให้ทุกคนได้ชิม พิถีพิถันตั้งแต่ไก่ที่เลี้ยงไปจนถึงข้าวที่มีความแน่น หนึบและนุ่มในตัว บรรยากาศภายในร้านก็เป็นสไตล์โมเดิร์น ให้ความรู้สึกสะอาด สบายตา แถมยังมีมุมถ่ายรูปอีกด้วย ราคาก็ไม่ได้แรง ใครผ่านไปผ่านมาแถวลาดพร้าว-วังหิน อย่าลืมแวะมาอุดหนุนหนุ่มเป๊กและหนุ่มเคนกันนะ"ไก่ล้วนผสม" (ธรรมดา 150 บาท/ พิเศษ 200 บาท)

  • หลงโถวคาเฟ่ คาเฟ่อาหารจีนสุดคูลใจกลางเยาวราช

    เยาวราช ย่านอาหารจีนสุดคลาสสิคที่ใครๆก็ต้องนึกถึง มีคาเฟ่น้องใหม่มาเปิดใจกลางเยาวราชตอนนี้ "หลงโถวคาเฟ่" ร้านอาหารจีนสไตล์โมเดิร์นสุดฮิตที่ได้รับความนิยมจนคิวยาวแบบที่คนผ่านไปผ่านมาถึงกับต้องเหลียวมองว่าเขาต่อคิวทำอะไรกัน“หลงโถวคาเฟ่” หรือ Lhong Tou Cafe มีทั้งติ่มซำ อาหารจีน และขนมหวานสูตรพิเศษ จัดมาในสัดส่วนน่ารักพอดีคำ และเป็นอาหารที่ทานง่าย รสชาติดีนอกจากอาหารจะน่าทานแล้วบรรยากาศร้านก็พิเศษไม่แพ้กัน เพราะมีพื้นที่จำกัดเจ้าของจึงออกแบบร้านให้เป็นเก้าอี้ไม้ 2 ชั้นเพื่อเพิ่มพื้นที่นั่งให้มากขึ้น และยังใช้สัตว์มงคลของจีนมาตกแต่งร้าน เช่น ไก่, กระต่าย, นกกระเรียน, นกยูง เป็นต้น จนเป็นกิมมิคของทางร้านที่ใครๆก็อยากมาถ่ายรูป"โป๊ยเซียนเซต" (129 บาท) เซตข้าวต้มอาหารเช้า 8 เซียน เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 8 อย่าง"ขนมจีบหลงโถว" (69 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ไส้ทำจากหมูผสมกุยช่าย ทานคู่กับน้ำจิ้มผสมหม่าล่า"ซาลาเปาลาวาไข่เค็ม" (29 บาท/ 1 ชิ้น) ซาลาเปาไส้คัสตาร์ดไข่เค็มไส้ไหล"มินิเปาหมูแดง" (49 บาท) ซาลาเปาทอดไส้หมูแดงลูกเล็กน่ารัก"ปอเปี๊ยะกุ้งทอด" (59 บาท)"ทาร์ตเกาลัด" (135 บาท)

  • ข้าวซอยรสชาติเข้มข้นถึงใจต้อง 'น่านบ้านข้าวซอย'

    มาเมืองเหนืออย่างน่านทั้งทีเมนูเด็ดก็ต้องเป็นข้าวซอยอย่างแน่นอน แต่ถ้าอยากทานแบบออรินัลต้องที่ร้าน "น่านบ้านข้าวซอย" ร้านข้าวซอยเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ แต่รสชาติข้าวซอยเข้มข้นถึงใจ หอมเครื่องแกง เส้นนุ่ม เหนียว ที่ร้านจัดเครื่องมาให้แบบแน่นๆ มีให้เลือกทั้งหมูเด้ง ซี่โครง กุ้ง ปลาหมึก อกไก่ ชอบแบบไหนจัดกันได้เลย หรือจะจัดเมนูแปลกๆ เช่น ข้าวซอยกะเพรา, ข้าวซอยผัดซีอิ๊ว เป็นต้น ทางร้านก็ยังมีเพราะทำทุกอย่างเองจึงจับมิกซ์แอนด์แมทช์ได้อย่างลงตัว"ข้าวซอยไก่""ข้าวกั้นจิ๊นทรงเครื่อง" ข้าวคลุกกับเลือดหมู ทานคู่กับหมูหวาน กุนเชียง"ข้าวซอยแห้งหมูเด้ง" ราดน้ำข้าวซอยแบบคลุกคลิก

  • แอ่วเมืองน่าน ทานอาหารท้องถิ่นที่เฮือนภูคา

    มาน่านทั้งทีต้องมาทานอาหารเหนือที่ "เฮือนภูคา" ตามที่คนท้องถิ่นแนะนำ บอกเลยว่าถ้าคนท้องถิ่นแนะนำแล้วยังไงก็ห้ามพลาด อาหารก็อร่อย ราคาไม่แพง วัตถุดิบที่ร้านแทบทุกอย่างปลูกเอง ทำเอง รับรองความสด สะอาด บรรยากาศร้านตกแต่งเป็นสไตล์เหนือ เปิดเพลงเหนือคลอเบาๆ ฟังแล้วเคลิ้มกันเลยทีเดียวมาดูกันว่าเมนูเด็ดๆของทางร้านนั้นมีอะไรบ้างแกงผักอะยิอะเยาะแกงแคไก่บ้านลาบหมูคั่วซี่โครงหมูทอดมะแขว่นชุดออร์เดิร์ฟน้ำพริกเห็ดด่านส้มตำปลากรอบผักเชียงดาคั่วไข่

  • ICONSIAM แลนด์มาร์คแห่งใหม่สุดอลังการ!

    New Destination แห่งใหม่สุดอลังการที่ทั้งฮอตและร้อนแรงแบบที่ใครไม่มาเช็คอินถือว่าพลาดกับ ICONSIAM แลนด์มาร์คแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะมาเดินช้อปปิ้ง ชมนิทรรศการ หรือหาร้านอร่อยๆทานก็เดินกันได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อ และที่สำคัญรับรองว่าถ่ายรูปสวยทุกมุมแน่นอนมาเริ่มกันด้วยบริเวณหน้าห้างริมน้ำที่เป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยสุดๆ ถือเป็นจุดที่หลายๆคนต้องแวะถ่ายรูปเช็คอินกันก่อนเข้าห้างและบริเวณริมน้ำยังมี "พิพิธภัณฑ์ลอยน้ำแห่งแรกของไทย" หรือ "เรือศรีมหาสมุทร" เทียบท่าอยู่หน้า ICONSIAM อีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์จะบอกเล่าพระราชประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสินเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระ 250 ปี แห่งการสถาปนากรุงธนบุรีภายใน ICONSIAM แบ่งออกเป็นโซนต่างๆให้เลือกสรร เริ่มด้วย "โซนTheVeranda" ชั้น G ICONSIAM โซนที่รวมหลากร้านอาหารน่าสนใจมากมาย"ร้านจัมโบ้ ซีฟู้ดส์" ชื่อดังระดับตำนานเปิดมากกว่า 31 ปีแล้ว มีถึง 15 สาขาทั่วเอเชีย และที่ ICONSIAM เป็นสาขาน้องใหม่ล่าสุดส่งตรงมาให้ทุกคนได้ลิ้มลองแบบไม่ต้องไปต่อแถวยาวเหยียดถึงสิงคโปร์ ที่สำคัญน้ำจิ้มรสเด็ดในตำนาน Import มาจากสิงคโปร์ครบทั้ง 12 สูตรอีกด้วยร้าน Jumbo Seafood ชั้น G , Zone ICONLUXE เปิดทุกวันตั้งแต่ 10:00 - 22:00 น. โทร. 099-110-5888 "AWARD-WINNING CHILLI CRAB" เมนูซิกเนเจอร์ ปูยักษ์ใหญ่อลังการ ส่งตรงจากเคนยา เนื้อปูสดและแน่นมาก "STIR FRIED WITH PAPPER AND SPICED SALT DUNGENESS CRAB" ปูยักษ์ผัดซอสพริกเกลือ"SIGNATURE BLACK PEPPER ALASKAN CRAB" ปูอลาสก้าส่งตรงจากรัสเซียผัดซอสพริกไทยดำ"STIR FRIED WITH GOLDEN SALTED EGG CRAB" ปูอลาสก้าผัดซอสไข่เค็ม ร้าน WHITE PLATE BY LOBSTER AND MORE โซนThe Veranda ชั้น G ICONSIAM โทร. 09-5724-7980"โซนสุขสยาม" โซนยอดฮิต เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของ ICONSIAM ที่รวบรวมของอร่อยกว่า 77 จังหวัดมาไว้ในที่เดียว ภายในจะแบ่งออกเป็น 4 โซนตามภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน และยังมีการจำลองแม่น้ำ มีเรือขายของกันจริงๆด้วย ได้ฟีลของตลาดน้ำสมจริงสุดๆ "ร้านกรุงสยาม" กุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ๆ ส่งตรงมาจากอยุธยาทั้งหอม มันเยิ้ม เนื้อแน่นเว่อ โซนสุขสยาม ชั้น G ICONSIAM ใครอยากจะมานั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมสูงต้องมาที่ "โซนICONDiningRooms" เป็นโซนที่ร้านอาหารทุกร้านในโซนนี้จะมีโซนด้านนอกไว้ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบชิวๆ

  • ครัวน่านน้ำ ร้านอร่อยคู่เมืองพิษณุโลกกว่า 17 ปี

    "ครัวน่านน้ำ" ร้านดั้งเดิมของชาวพิษณุโลก เปิดมากกว่า 17 ปี แม้จะเป็นร้านอาหารภาคเหนือแต่เสิร์ฟอาหารไทยหลากหลาย ทั้งเหนือ กลาง ใต้ เป็นร้านอาหารที่บรรยากาศดี ร่มรื่น และตอนเย็นยังมีเล่นดนตรีสด ทานอาหารเคล้าเสียงเพลงไปชิว เป็นอีกร้านที่ควรไปเช็คอินเมนูเด็ด"แกงเนื้อปูใบชะพลูขมิ้น" รับรองความแซ่บ เผ็ดร้อนด้วยเครื่องพริกแกงและเนื้อปูที่ส่งตรงมาจากสุราษฎร์ "หมูทอดขมิ้น ""น้ำพริกไข่ปู" "กุ้งพันหมี่ ""ซี่โครงหมูแซ่บแห้ง"

  • "คั่วไก่ไอ้เครา" คั่วไก่สุดเฟี้ยวฟ้าวแห่งวุฒากาศ

    "คั่วไก่ไอ้เครา" ร้านเด็ดที่หลายคนอยากมาลิ้มลอง ด้วยการคั่วไหม้ๆ หอมกลิ่นกะทะแบบออริจินอลแต่เสิร์ฟมาในรูปแบบใหม่ให้ดูอินเทรนด์ แค่นี้ยังไม่พอวัตถุดิบที่ใช้ก็สดใหม่ ใช้เส้นสดผัด ผักก็เป็นออร์แกนิก คัดสรรทุกอย่างมาอย่างดี รับรองอร่อยเด็ดทุกจาน"คั่วไก่Original ""คั่วพริกเกลือหมูกรอบ" "คั่วไก่ไข่อบเส้นกรอบรวมมิตรทะเล"

  • กินตำ 20 แซ่บยกครกในราคา 20 บาท!!!!

    "กินตำ 20" ร้านส้มตำย่านสายไหม ราคาเริ่มต้นเพียง 20 บาทเท่านั้น!!! แต่ละเมนูทั้งแซ่บและนัวปลาร้าเว่อร์ ใครอยากมาแซ่บมาได้ทั้งสาขาปากเกร็ดและสายไหมเลยจ้าเมนูเด็ด"สามชั้นกรอบตลบแจ่ว ""เซตตำ20 3 เมนูเด็ด" ราคาเมนูละ 20 บาท (ตำไทย, ตำลาว, ตำขนมจีน) "ตำยำปลาร้าทะเล ""ไก่ย่างตกถังสมุนไพร ""แกงเปรอะ "

  • "ซิ่ง ฝู คิทเช่น" ร้านอาหารจีนจานด่วน

    TopListร้านอร่อยถนนจันทน์ ในสไตล์เปรี้ยวปากร้านต่อมาคือ "ซิ่ง ฝู คิทเช่น" ร้านอาหารจีนจานด่วนหลากสไตล์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 15 ปีแล้ว ราคาก็ย่อมเยาว์แต่ทุกเมนูใส่เครื่องมาแน่นๆเลยทีเดียวเมนูเด็ด"ราดหน้าหลักจั๊บ" ราดหน้ารวมมิตรเครื่องแน่น "ก๋วยเตี๋ยวไข่เจียวราดซอสกะเพราะเป็ด" ทีเด็ดอยู่ที่ซอสน้ำแดงสูตรพิเศษของทางร้าน "เต้าหู้ผัดพริกเกลือ" ที่สั่งทำเต้าหู้พิเศษ กรอบนอกนุ่มใน

  • ศรีชา เปิดตำนานโป๊ะแตกจากศรีราชากว่า 40 ปี

    จากตำนาน "โป๊ะแตก" ที่ถูกนายอำเภอในสมัยนั้นขอให้ทางร้านทำเมนูแปลกๆจนเกิดเป็นเมนูเด็ดของร้านศรีราชาซีฟู้ดที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จนเกิดเป็นเมนูใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบันนี้แม้ในปัจจุบันร้านศรีราชาซีฟู้ดจะปิดตัวลงไปแล้ว แต่เคล็ดลับความอร่อยนั้นถูกส่งต่อมาจนกลายเป็นร้าน "ศรี'ชา (Sri'Cha)" ที่นำเอาเมนูพื้นบ้านภาคตะวันออกสูตรเด็ดที่สืบทอดมายาวนานกว่า 40 ปี มาเปิดใจกลางเมืองให้ทุกคนได้ลิ้มลองกันร้านศรี'ชา (Sri'Cha) รีโนเวทบ้าน 2 ชั้นย่านใจกลางสาทรให้เหมือนบ้านพักตากอากาศเลียบชายทะเลเน้นโทนสีฟ้าและน้ำเงิน รอบๆร้านเป็นกระจกทำให้ร้านดูโปร่งโล่งสบายตาและยังมีการตกแต่งด้วยภาพเขียนแนวโมเดิร์นอีกด้วยมาเริ่มกันที่เมนูแรก "นางรมพิมรส" ทางร้านนำหอยนางรมสดๆ ลงไปคลุกเคล้ากับซอสศรีราชาทานคู่กับหอมเจียว กระถิน แล้วโปะลงบนขนมปังอบ ต่อด้วยเมนูต้นตำรับของทางร้าน "โป๊ะแตก" เป็นซุปใสอ่อนๆ ซดคล่องคอ "มัสยาลงสรง" หรือต้มยำปลากะพงรสจัดจ้านที่ใช้ความหอมของพริกแห้งบางช้าง"หอยสะอื้น" ใช้หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ผัดกับกระเทียม โหระพา ให้ได้ความเผ็ดร้อนแบบไทยๆ"หมูญวนทรงเครื่อง" ทางร้านนำหมูมาปรุงกับปลาสละเค็มแล้วนำไปทอด "น้ำพริกขี้กา"ใครอยากมาลองอาหารไทยอร่อยๆที่ร้าน "ศรี'ชา (Sri'Cha)" มากันได้ที่ สาทร ซอย 7 หรือจะมาทาง BTS ลงได้ที่สถานช่องนนทรี

  • Cafe Tropicana คาเฟ่สไตล์ทรอปิคอล มุมไหนก็ถ่ายรูปสวย

    วันนี้เปรี้ยวปากขอเอาใจสาวๆด้วยร้าน "Cafe Tropicana" คาเฟ่สไตล์ทรอปิคอลของนักร้องเสียงเพราะอย่าง “คุณบุรินทร์” ภายในร้านตกตกแต่งสไตล์ทรอปิคอลแค่ก้าวเข้าไปในร้านก็รู้สึกอบอุ่น สบายตา จะมานั่งชิลหรือคุยงานก็เป็นไอเดียที่ดี และที่สำคัญมุมถ่ายรูปเพียบ! สาวๆไม่ต้องห่วงออกจากร้านไปได้รูปกลับไปเป็นอัลบั้มแน่นอน ไม่ใช่แค่มุมถ่ายรูปสวยอย่างเดียวอาหารก็อร่อยและหลากหลายมาก มาดูกันเลยว่ามีเมนูเด็ดๆอะไรบ้างเมนูขายดีอันดับ 1 ของร้าน คือ "มัสมั่นน่องไก่กงฟี" เป็นเมนูที่ร้านคิดขึ้นเองโดยนำไก่ไปหมักเครื่องเทศและนำไปตุ๋นเกือบ 2 ชม. แล้วทอดจนกรอบ ทานกับน้ำมัสมั่นสูตรพิเศษ เสิร์ฟพร้อมข้าวอัญชันต่อด้วยเมนู "ข้าวผัดแหนมกากหมูไข่เจียวฟู" เครื่องแน่นจัดเต็มจนเป็นเมนูขายดีอันดับ 2 แหนมที่ใช้เป็นแหนมทำเองปลอดสารกันบูด หอมกลมกล่อมกำลังดี จัดเต็มสุดอลังการด้วย "Chocolate Indulgent Frappe" ดาร์กช็อกโกแลตปั่น เข้มข้นลงตัว เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมกับบราวนี่"เมี่ยงส้มโอ" เสิร์ฟพร้อมดอกบัว คลายร้อนแบบฟินๆด้วยเมนู "ครัวซองต์แซนด์วิชไอศกรีม" ที่โรยทั้งอัลมอนด์ บลูเบอร์รี่ และเมเปิ้ลไซรัป"Blue Moon"

  • ส้มตำด่านสกัดลาว เด็ด เผ็ด แซ่บ นัวปลาร้า

    วันนี้เปรี้ยวปากพาไปร้านอาหารอีสานสไตล์ไทยแท้แบบลับๆแต่ไม่ลับ! ในตลาดมารวย ซอยหทัยราษฎร์ 54 ที่ร้าน ”ส้มตำด่านสกัดลาว" มาพร้อมกับเมนูอีสานรสจัดจ้าน อร่อยแซ่บ การันตีรสชาติความเด็ด เผ็ด นัว โดยเฉพาะน้ำปลาร้าสูตรของทางร้านที่นัวมากจริงๆ อย่ารอช้ามาเริ่มกันที่เมนูแรก "ตำหอยแครง" หอยแครงสด สั่งมาวันต่อวัน! ใครอยากทานเมนูนี้ต้องโทรจองกันหน่อยนะจ้ะเมนูถัดมาคือ "ตำสายบัว" สายบัวสด กรอบ น้ำปลาร้าซึมเข้าถึงด้านใน"ก้อยหอยเชอรี่" สูตรอีสานแท้ๆ รสจัดจ้าน"ปีกไก่ย่าง" ทางร้านนำไก่ไปหมักด้วยสูตรเฉพาะของทางร้านจนได้ที่ แล้วนำมาย่างบนเตาถ่านจนเหลืองกรอบนอกนุ่มใน"คอหมูย่าง" สูตรลับของทางร้านคอหมูย่างนุ่มๆ กับ ข้าวคั่วกรอบๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ จะมีอะไรดีกว่านี้อีกมั้ย ตอบได้เลยว่าไม่มี!

  • เก้าเล้ง แกงเตี๋ยวเกี๊ยวยักษ์

    ใครชอบทานเมนูเล้งต้องห้ามพลาดร้าน "เก้าเล้ง แกงเตี๋ยวเกี๊ยวยักษ์" ที่ดัดแปลงเมนูเล้งออกมาได้สารพัดเมนู อร่อยได้แบบถึงเครื่อง "เล้ง" วัตถุดิบหลักของทางร้านจะเลือกใช้หัวเล้งเฉพาะส่วนกระดูกอกที่เนื้อเยอะมาต้มจนเปื่อยกลายเป็นเล้งเนื้อนุ่มละมุนลิ้น "เล้งพะโล้" สูตรไทย-เยอรมัน นุ่มละมุนลิ้น กลอมกล่อมเป็นเนื้อเดียวกับซุปข้นรสเปรี้ยวหวาน "เล้งน้ำเงี้ยว" นำเล้งมาผสมผสานเข้ากับขนมจีนน้ำเงี้ยว เป็นสูตรใหม่ของทางร้านที่คงความจัดจ้านเอาไว้ "เล้งเขียวหวาน" เครื่องแกงเข้มข้น เนื้อเล้งนุ่ม เลาะเนื้อออกง่าย "ข้าวสามเซียน" รวมของเด็ดไว้ในจานเดียว ทั้งขาหมู เล้งพะโล้ และหมูตุ๋น อร่อยครบในจานเดียว"บะหมี่หมูตุ๋น"ตามมาอิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูเล้งได้ที่ร้าน "เก้าเล้ง แกงเตี๋ยวเกี๊ยวยักษ์" ตรงข้ามตลาด K รังสิต ลำลูกกาคลอง 1

  • เฮียแบะบางโพ อัศวินข้าวต้ม

    "เฮียแบะบางโพ" ร้านข้าวต้มรสเด็ดจากฝีมือเฮียแบะที่ได้ชื่อว่าเป็น อัศวินข้าวต้ม จากประสบการณ์ที่สะสมมากว่า 58 ปี ตั้งแต่ข้าวต้ม 1 สลึง ส่งต่อสูตรจากรุ่นสู่รุ่นจนในปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว การันตีรสชาติ กลมกล่อมกำลังดี มีเมนูทั้งไทยและจีนให้เลือกหลากหลาย จนมีลูกค้าเก่าใหม่มาไม่เคยขาดเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน "เต้าหู้กระดานทอด" กรอบนอก นุ่มใน ต่อด้วยความหอมปลาอินทรีในเมนู "ยำหมูสับปลาอินทรีเค็ม" รสชาติเปรี้ยว เค็ม กำลังดี มาที่เมนูน้ำๆกันบ้างต้องเมนูนี้เลยใช้ปลาเก๋าใหญ่ถึง 20 กิโลกรัมต่อวัน นั่นคือ "ต้มยำปลาเก๋า" รสแซ่บเด็ด เมนูฮอตที่ลูกค้าชื่นชอบ "ปั๊วเจียงจื้อ" หรือหัวปลาโบราณ สูตรเด็ดจากซัวเถาประเทศจีนปิดท้ายด้วยเมนูสุดเผ็ดร้อน "กุ้งฟูผัดพริกขิง"

  • ครัวครูหมู นั่งทานอาหารพื้นเมืองริมแม่น้ำระยอง

    "ครัวครูหมู" ร้านอาหารกึ่งพิพิธภัณฑ์เล็กๆติดริมแม่น้ำระยอง บรรยากาศสบายๆ ตกแต่งด้วยของเก่า โบราณมากมาย เพราะเป็นบ้านเก่าแก่ของเจ้าเมืองระยองท่านสุดท้าย สร้างไว้เมื่อปี พ.ศ.2475 อาหารก็เป็นแบบพื้นบ้านของจังหวัดระยอง หาทานที่ไหนไม่ได้ รสชาติเด็ดทุกเมนู "ผัดวุ้นเส้นโบราณ" รสชาติกลมกล่อมด้วยเครื่องแน่นๆ หมู หมึก กุ้ง และกระเทียมดอง "แกงระยอง" เป็นอาหารท้องถิ่นหาทานยากมาก ใช้แขนงสับปะรดมาแกงกับหมู รสชาติจะคล้ายแกงป่า "ไข่เจียวโบราณ" ใส่หอมแดง และพริกขี้หนู เน้นไข่เจียวตีฟูๆ กรอบๆ "ผัดพริกแกงปลาอินทรีย์""พล่าสามเกลอ"

  • สีมรกต ร้านข้าวหมูแดงชิ้นโต หอมกลิ่นเตาถ่าน

    เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักร้านในตำนานอย่าง "สีมรกต" ร้านข้าวหมูแดงที่ครองใจคนไทยมากกว่า 70 ปี ด้วยความแน่นของหมูแดงและหมูกรอบชิ้นโตที่หอมกลิ่นเตาถ่าน ยิ่งทานคู่กับน้ำราดสูตรเก่าแก่ของทางร้านคือฟินแม้ว่าข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบจานใหญ่จะเป็นเมนูขึ้นชื่อของทางร้าน แต่ไม่จำเป็นต้องสั่งเฉพาะจานใหญ่เพราะที่นี่มีทั้งแบบจานเล็กและใหญ่ให้ได้เลือกอิ่มอร่อยกันเริ่มด้วย "ข้าวหมูแดง หมูกรอบ(จานใหญ่)" หมูแดงชิ้นโตๆ มาในราคา 110 บาท ใส่ไข่เพิ่มราคา 120 บาทใครกลัวจานใหญ่จะอิ่มเกินไปจัด "ข้าวหมูแดง หมูกรอบ(จานเล็ก)" มาทานให้อิ่มได้แบบพอดีๆในราคา 40 บาทเท่านั้น! เพิ่มไข่ราคา 50 บาท

  • หลานกลมกิ๊ก ร้านอาหารไทย-ซีฟู้ดแน่นๆแบบจัดเต็ม

    "หลานกลมกิ๊ก" ร้านอาหารไทย-ซีฟู้ดของคู่รักสาวเสียงหวาน เปา-เปาวลี และ หนุ่มเอิร์ธ-กานต์ กิจเจริญ ลูกชายซูโม่กิ๊ก ที่หลงรักในการทำอาหารจึงมาเปิดร้านร่วมกันอาหารส่วนใหญ่จะเน้นซีฟู้ดที่สดใหม่ เนื้อแน่น และสูตรลับความอร่อยของหนุ่มเอิร์ธที่คิดข้นขึ้นมาเอง อร่อยกลมกล่อม รสชาติจัดจ้านแบบไทยแท้ "กุ้งอบวุ้นเส้น" ใช้น้ำสต็อกสูตรพิเศษของหนุ่มเอิร์ธอบกับวุ้นเส้นจนได้ที่"ทอดมันหัวปลี" ใช้เฉพาะใจกลางของหัวปลีเอามาคลุกเครื่องเทศแล้วนำไปทอด ทั้งกรอบและหอมมาก "กลมกิ๊กกะเพราถาดไข่ข้น" ซีฟู้ดกะเพราถาดท็อปด้วยไข่ข้นนุ่มละมุนลิ้น"หมึกผัดผงกะหรี่" ปลาหมึกนุ่ม รสชาติเข้มข้นถึงเครื่อง"กุ้งแม่น้ำเผา Super Big" ทางร้านนำเข้ากุ้งมาจากอินเดีย ไซส์ใหญ่ ยักษ์ เนื้อเด้งตามมาอิ่มอร่อยกับซีฟู้ดแน่นๆได้ที่ร้าน "หลานกลมกิ๊ก" ถนนสุคนธสวัสดิ์ ติดโรงเรียนอนุบาลโชคชัย รอบเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-14.30 น. รอบเย็นเปิดตั้งแต่เวลา 17.30-22.00 น.

  • ร้านอาหารบ้านหมอมี อาหารไทยโบราณ ตำนานที่มีชีวิต

    เปรี้ยวปากขอพามาอร่อยแบบไทยๆกันที่ "ร้านอาหารบ้านหมอมี" ร้านอาหารไทยสูตรโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน หลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อ 'น้ำยาอุทัยหมอมี' หรือ 'หมอมี' ทายาทผู้สืบทอดบ้านสุวรรณเวศม แม้เวลาจะผ่านมากว่าหนึ่งศตวรรษสถาปัตยกรรม และบรรยากาศของบ้านยังคงกลิ่นไอย้อนยุคเอาไว้ได้เป็นอย่างดีจาก 'บ้านสุวรรณเวศม' สู่ร้านอาหารบ้านหมอมี ภายในร้านไม่ได้เป็นเพียงร้านอาหารเท่านั้นแต่ยังมีเรื่องราว ประวัติศาสตร์ ตำนานเชิงพิพิธภัณฑ์ของหมอมีอีกมากมาย สามารถเข้ามาสัมผัสถึงกลิ่นไอความเป็นไทยและร่วมร่ำลึกถึงห้วงอดีตกาลได้ที่บ้านหมอมี และที่ร้านอาหารบ้านหมอมียังมีอาหารไทยโบราณอีกมากมายให้ทุกคนได้มาชิมกัน "ข้าวแช่บ้านหมอมี" จัดเครื่องมาแน่นมาก ไม่ว่าจะเนื้อฝอย, หมูฝอย และปลาหวาน ที่สำคัญขายข้าวแช่ขายตลอดทั้งปีเลย!"หมี่กะทิ" พิเศษสุดคือตัวหมี่ผสมน้ำยาอุทัยเข้าไปด้วย "ปลากะพงทอดตะไคร้""แกงจีนจ๊วนไก่" รสชาติเปรี้ยวนิดๆ มีกะทิ คล้ายๆมัสมั่น"มะม่วงหาวมะนาวโห่ลอยแก้ว"

  • น๊อตโตะ ยำปากบาน ยำยั่วๆ แซ่บ เผ็ด นัวสุด

    ช่วงนี้ร้านยำแซ่บๆฮอตฮิตเหลือเกินในโลกโซเชียล เปรี้ยวปากเลยขอพาไปอัพเดทความแซ่บกันที่ร้าน "น๊อตโตะ ยำปากบาน" ยำยั่วๆ แซ่บ เผ็ด นัว ที่จังหวัดจันทบุรี แซ่บทั้งยำแซ่บทั้งแม่ค้ากันไปเลยมีเมนูหลากหลายให้เลือก น้ำยำที่ใช้ก็ต่างกันยำกันชามต่อชาม ของทะเลที่ใช้รับมาวันต่อวันขึ้นจากเรือก็มาส่งถึงร้านเลยรับรองว่าสดใหม่แน่นอน ความแซ่บไม่ต้องพูดถึงแค่เห็นก็น้ำลายสอกันแล้วละ แต่ถ้าใครอยากทานต้องรีบมารับบัตรคิวกันหน่อยเพราะแค่เปิดร้านแปบเดียวก็รับบัตรคิวกันไปหลายคิวแล้วละเมนูซิกเนเจอร์ของร้านต้อง "ยำปากบาน" ชามใหญ่ยักษ์ทานได้ถึง 4 คน! ใช้วัตถุดิบในร้านทั้งหมดมายำ ราคา 500 บาท"ยำปูไข่ดอง" ดองปูไข่กันวันต่อวัน ยำกับน้ำยำและน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ "ยำหอยนางรม" น้ำยำจะใส่พริกเผาและผักกูด ทานคู่กับยอดกระถินและหอมเจียว"ยำสามไข่" ใช้ทั้งไข่ปู ไข่แมงดา และไข่ปลาริวกิว ตามมาทานยำแซ่บๆแบบนี้กันได้ที่ "ร้านน๊อตโตะ ยำปากบาน" ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-19.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) / เปิดให้จองคิวเวลา 10.30 น. / โทร. 08-9561-7292

  • ร้านอาหารท่องนที อิ่มอร่อยกับเมนูพื้นบ้านเมืองจันท์

    มาถึงจันทบุรีทั้งทีต้องมาชิมเมนูพื้นเมืองที่ทำจากผลไม้ที่ "ร้านอาหารท่องนที" อิ่มอร่อยกับฝีมือแม่ครัวท้องถิ่น รสมือดั้งเดิม ในบรรยากาศสบายๆ ติดริมน้ำ และความพิเศษอยู่ที่เมนูพื้นเมืองที่ทำจากผลไม้ ทั้งอร่อยและกลมกล่อมเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ! "ร้านอาหารท่องนที" อยู่ใน "โอเอซิส ซีเวิลด์ จันทบุรี" ที่มีกิจกรรมสนุกๆสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย เช่น โลมาโชว์, ค่ายโลมา, เล่นน้ำกับโลมา, ถ้ำปลาการ์ตูน, สปาปลา, เรือปั่น เป็นต้นเมนูที่ร้านก็ไม่ธรรมดาเป็นเมนูท้องถิ่นเมืองจันท์ที่นำผลไม้มาผสมเข้ากับอาหาร และยังเข้ากับเมนูอาหารได้อย่างลงตัว"มันมั่นไก่ทุเรียน" เครื่องแกงสูตรรุ่นคุณยาย เคล็ดลับอยู่ที่เทคนิคการเลือกทุเรียนและเครื่องแกงที่ทำเองทุกขั้นตอน ทานแล้วหอมมันถึงเครื่องสุดๆ"ผัดเผ็ดเงาะ" ทั้งความเผ็ดร้อนของเครื่องแกงตัดด้วยความหวานฉ่ำๆของเงาะเข้ากันได้อย่างลงตัว "หมูชะมวง" เมนูท้องถิ่นประจำเมืองจันท์"น้ำพริกปูไข่" ใช้ปูทะเล คัดมาเน้นๆ สูตรจากรุ่นคุณยาย "ยำผักกูดกุ้งสด"ได้ทั้งชมโชว์โลมาและทานอาหารท้องถิ่นเมืองจันท์กันแบบเต็มอิ่ม ครบจบในที่เดียวแบบนี้ต้องมาที่ "โอเอซิส ซี เวิลด์" และ "ร้านอาหารท่องนที" อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี / เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. / โทร. 06-3196-2083

  • ลิ้มลองบะหมี่เส้นเปี๋ยง เปี๋ยง เมี่ยน เจ้าแรกในไทยที่ร้าน ยุ้งฉาง

    'เจ่าซ่างห่าว' ค่ะทุกคน วันนี้เปรี้ยวปากมีร้านอาหารจีนเปิดใหม่ที่อร่อยแบบไม่ต้องไปกันถึงเมืองจีนมาแนะนำนั่นก็คือร้าน "ยุ้งฉาง 穀倉 " ร้านอาหารจีนย่านอารีย์ที่นำอาหารในแบบของชาวจีนแต่ละมณฑลแบบผสมผสานในสไตล์ Neo Chinese โดยใช้เทคนิคเฉพาะของ 'เชฟแอ๋ - กุลพล' ที่มีโอกาสได้ไปเรียนรู้ต้นตำรับความอร่อยถึงฮ่องกง การตกแต่งร้านเป็นโรงเตี๊ยมสไตล์จีนที่โดดเด่นด้วยประตูไม้สีน้ำตาลขนาดใหญ่และเฟอร์นิเจอร์ไม้เกือบทั้งหมด ยังมีชั้นวางไหโบราณเพิ่มกลิ่นอายความเป็นโรงเตี๊ยมสไตล์จีนเข้าไปอีกทางร้านเสิร์ฟความอร่อยด้วยเมนูอาหารจีนประยุกต์ ทานง่าย อิ่มอร่อย และที่พิเศษสุดไม่เหมือนใครนั่นคือร้านยุ้งฉางเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทยที่เสิร์ฟเส้น 'เปี๋ยง เปี๋ยง เมี่ยน' เส้นบะหมี่มือดึงชนิดหนึ่งในซีอานที่หลายๆคนยังไม่รู้จัก เส้นบะหมี่ชนิดนี้ทำจากแป้งสาลี มีลักษณะกว้างและยาวกว่าบะหมี่ทั่วไป เนื้อเหนียวนุ่ม หนึบหนับMenu"เปี๊ยงไข่หมักซีอิ๊วซอสน้ำมันงาและหอมเจียว (160 บาท)" เมนูเส้นเปี๋ยงสูตรมังสวิรัติหอมกลิ่นน้ำมันงา และความพิเศษอยู่ที่การเลือกใช้ไข่แดงปลอดสารมาหมักในน้ำซอสและผิวเมลอนจนได้ความหอมมัน"เปี๊ยงหมูแดงรมควันในน้ำซุปกระดูกหมูโครงไก่ (215 บาท)" เส้นเปี๋ยงและหมูแดงรมควันย่างด้วยฟืนชิ้นใหญ่จนได้กลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปกระดูกหมูผสมโครงไก่ให้ทานกันได้อย่างคล่องคอ"ข้าวผัดยุ้งฉาง (S 120 บาท/L 550 บาท)" ใช้วัตถุดิบหลัก 3 อย่าง ได้แก่ หมูแดง หมูสามชั้น และผักดองสับ จะมีกลิ่นหอมหลายมิติทั้งหอมกลิ่นกระทะและหอมกลิ่นการย่าง ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ต้องลองนอกจากเมนูเส้นแล้วยังมีของทานเล่นอย่างเกี๊ยวที่อร่อยไม่แพ้กันต้อง "เกี๊ยวหมูน้ำลายไหล (120 บาท)" จากเมนูดั้งเดิม 'โขวสุ่ยจี' จากมณฑลเสฉวน ถูกปรับมาใช้เกี๊ยวนุ่มสอดไส้หมู มีทั้งรสชาติความเปรี้ยว หวาน และเผ็ดร้อนในสไตล์เสฉวนไม่ต้องบินไปไกลถึงประเทศจีนก็มีอาหารจีนอร่อยๆให้ทานกันถึงซอยอารีย์นี่เอง ใครอยากมาลิ้มลองบะหมี่เส้นเปี๋ยง เปี๋ยง เมี่ยน มากันได้ที่ร้าน "ยุ้งฉาง" อารีย์สัมพันธ์ ซอย 6 เขตพญาไท BTS อารีย์ / ช่วงเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 11.45-14.30 น. และช่วงเย็นเปิดตั้งแต่เวลา 17.30-21.30 น. / โทร. 09-09764686

  • แม่แกลบ ร้านอาหารจิ๋วแต่แจ๋วขวัญใจชาวชุมแสง

    ร้านอาหารเล็กๆในชุมแสงอย่างร้าน "แม่แกลบ" เป็นร้านอาหารพื้นบ้านขวัญใจชาวชุมแสงกับการปรุงรสอาหารไทยแท้แบบฉบับชาวนครสวรรค์ อำเภอชุมแสงอยู่ติดแม่น้ำน่านดังนั้นใครมาทานอาหารต้องห้ามพลาดกับเมนูปลาแม่น้ำที่ทั้งสดและใหม่ วัตถุดิบที่ร้านจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่มีเมนูประจำ ใครจะมาทานสามารถสอบถามกับแม่ครัวได้ว่าวันนี้มีวัตถุดิบอะไร และสามารถขอคำแนะนำว่าจะสามารถทำเมนูอะไรได้บ้างMenu"ต้มยำปลาช่อนพุงไข่""ฉู่ฉี่ปลาแดง" "แกงป่าปลาน้ำเงิน" "ปลาปีกไก่ทอดกระเทียม" "ทอดมันปลากราย"

  • แชมป์บ๊ะจ่าง สุดยอดบ๊ะจ่างจักรพรรดิ

    'เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง' เทศกาลสำคัญของคนจีนเพื่อเป็นการระลึกถึง ชวีหยวน ขุนนางผู้รักชาติแห่งแคว้นฉู่ ปัจจุบันเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง เป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์ พ่อแม่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เปรี้ยวปากก็ไม่พลาดที่จะยกร้านที่เหมาะกับช่วงเทศกาลมาแนะนำนั่นก็คือ "ร้านแชมป์บ๊ะจ่าง" บ๊ะจ่างเครื่องแน่นในตำนาน สืบทอดสูตรมากว่า 80 ปี ทางร้านการันตีด้วยเครื่องแน่นๆ ไม่หวงของ จัดหนัก จัดเต็ม ที่สำคัญคือลูกใหญ่มากและหอมกลิ่นใบไผ่ แม้ว่าจะมีขั้นตอนมากมายกว่าจะได้บ๊ะจ่างหนึ่งลูกแต่ทางร้านก็ไม่ทิ้งเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบ"ร้านแชมป์บ๊ะจ่าง" มีไส้ให้เลือกหลากหลายทั้ง บ๊ะจ่างจักรพรรดิ(300 บาท/ลูก), บ๊ะจ่างใส่ระเบิด(100 บาท/ลูก), บ๊ะจ่างรสดั้งเดิม(65 บาท/ลูก), บ๊ะจ่างมังสวิรัติ(65 บาท/ลูก) เมนูบ๊ะจ่าง"บ๊ะจ่างจักรพรรดิ (300 บาท/ลูก)" สุดยอดวัตถุดิบจากทะเลกว่า 21 อย่าง เรียกได้ว่าเป็นราชันแห่งท้องทะเล มีทั้งหูฉลาม อินทผาลัม และกระเพาะปลาชั้นดีจากทะเลอ่าวไทยของบ้านเรา นำมาตุ๋นน้ำแดงกว่า 10 ชม. "บ๊ะจ่างรสดั้งเดิม (65 บาท/ลูก)" อัดแน่นด้วยวัตถุดิบทั้ง 12 ชนิด ทั้งข้าวเหนียวเขี้ยวงู เนื้อหมู ไข่เค็ม แปะก๊วย'แชมป์บ๊ะจ่าง' มีหน้าร้านอยู่ 2 สาขา คือ สาขาสุขุมวิท 36 และ สาขาอ่อนนุช 28  เปิดตั้งแต่เวลา 9.00 - 18.00 น. บริการจัดส่งทั่วประเทศ สามารถโทรสั่งหรือแอด Line@ ได้ที่ 08-18071863 (สาขาสุขุมวิท 36), 09-2247-8892 (สาขาอ่อนนุช 28) Line: @Champbajang (มีแอด @ ด้านหน้า)

  • รสแกงใต้ by K.Asawin จัดจ้านถึงใจ

    ถ้าพูดถึงอาหารใต้ทุกคนคงนึกถึงเครื่องแกงหอมๆ วันนี้เปรี้ยวปากจะพาไปบุก "ร้านรสแกงใต้ by K.Asawin" ร้านข้าวแกงใต้ฝีมือคนสุราษฎร์ที่ตั้งอยู่ย่านสาทรใกล้วัดแขกให้คนกรุงได้มาทานอาหารใต้แบบถึงเครื่อง รสชาติจัดจ้าน ทุกเมนูวัตถุดิบหลักจะสั่งตรงมาจากทางใต้ และไม่ได้ขายเฉพาะข้าวแกงเท่านั้นยังมี 'ขนมจีนน้ำยาใต้' ขายอีกด้วยเมนูแนะนำ"แกงคั่วกระดูกหมู""แกงเหลืองปลากะพงยอดมะพร้าว""แกงคั่วเห็ดแครง" "หมูหวาน""ขนมจีนน้ำยาใต้"ตามมาทานอาหารใต้อร่อยๆ เครื่องแกงหอมๆ ได้ที่ "ร้านรสแกงใต้ by K.Asawin" ร้านตั้งอยู่ใกล้พระศรีมหาอุมาเทวี ถนนสีลม เปิดตั้งแต่เวลา 07.00-14.00 น. โทร.08-5813-3363

  • ก๋วยเตี๋ยวลุงหนั่น

    มื้อนี้เราจะขอพาไปอร่อยกับเมนูก๋วยเตี๋ยวแบบฟินๆ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงหนั่น ร้านนี้เค้ามีทั้งก๋วยเตี๋ยวแบบน้ำข้นที่รสชาติเข้มข้นอร่อยถึงใจ และแบบน้ำตก(ใส่เลือด) จะสายเนื้อ หรือสายหมูก็ฟินได้เลยจ้าเส้นหมี่หมูน้ำตก (ราคา 60 บาท)ที่นี่เค้าจะมีเต้าหู้ยี้ให้เราทานกับก๋วยเตี๋ยวน้ำตกด้วยแหละ ใส่ไม่ต้องเยอะมาก ก็ได้ความหอมของเต้าหู้ยี้ เหมือนทานสุกี้น้ำตก อร่อยไปอีกแบบเลยละคะเส้นหมี่เนื้อน้ำข้น (ราคา 70 บาท)รวมเนื้อลวก (ราคา 60 บาท)บะหมี่เนื้อแห้ง (ราคา 70 บาท)

  • ย.ยักษ์กินผัก

    กินอิ่มนอนหลับ กินผักนอนสบาย แต่ถ้าไม่รู้จะกินอะไร แอดขอแนะนำร้านนี้เลยค่ะ “ย.ยักษ์กินผัก” ที่อร่อยขนาดว่ายักษ์ยังหันมากินผักเลยค่า มื้อนี้เปรี้ยวปากเลยขอจัดชุดใหญ่ ครบทั้งของคาวแล้วก็ของหวาน แต่ละจานเรียกว่าเด็ดๆ ของร้านทั้งนั้นผัดไทยเส้นบุก  :  อร่อยรสชาติเหมือนผัดไทยปรกติเลยค่ะ แต่แคลอรี่น้อยกว่า คือดีย์สลัดแซลมอนซาชิมิ : เมนูสลัดที่ผักดีมาก กรอบมาก คนชอบกินผักแบบแอดนี่เลิฟเลยค่ะBBQ Pork Rib Mango : เมนูนี้คือดีค่ะ แอดแนะนำให้ทานทุกอย่างพร้อมกัน ทั้งเนื้อ ผัก และมะม่วง เข้ากันมากปลาแห้งแตงโม : เมนูโบราณ ที่แอดอยากให้ลองทานค่ะ สดชื่นจริงๆเมี่ยงปลากะพง : อร่อยมากกก ผักเยอะ แถมน้ำจิ้มยังรสเด็ดอีกด้วย

  • หน่องริมคลอง เมนูไข่ข้นสะท้านพุง

    หน่องริมคลอง เมนูไข่ข้นสะท้านพุง เปรี้ยวปากมาถึงร้านนี้ทั้งเราก็ขอจัดเมนูไข่ข้นเด็ดประจำร้านมาให้ชิมกันค่ะ โอ๊ยแค่แอดคิดถึงตอนถ่าย ก็หิวขึ้นมาเลยค่า...ไข่ข้นปู : ไข่ข้นเนื้อเนียน & เนื้อปูแน้นๆ โอ๊ยอยากกลับไปทานอีกค่ะคุณขา เนื้อปูมานาแบบเป็นตัวเป็นตน ไม่ใด้มาเป็นวิญญาณแต่อย่างใด คือเลิศจริง ไรจริงกะเพรากุ้งราดไข่ข้น : ได้ฟีลความผัดกะเพราที่แตกต่าง เป็นอีกเมนูที่แอดอยากให้ลองค่ะกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาโปะไข่ข้นกุ้ง : คนเลิฟกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาอยู่แล้ว แอดขอให้ลองเมนูนร้เลยค่ะ เด็ดจริงๆที่ร้านหน่องริมคลองจะมีอาหารตั้งแต่ราคา 50 บาทไปถึงหลายร้อยบาท ซึ่งราคาก็สมกับวัตถุดิบที่เขาใช้อยู่ค่า

  • Cafe Chilli Isaan Rustic ร้านอาหารอีสานสไตล์คาเฟ

    เปรี้ยวปากขอพาไปม่วนลิ้นกันที่ "Cafe Chilli Isaan Rustic สาขาซอยร่วมฤดี" ร้านอาหารอีสานสไตล์คาเฟ่กับคอนเซ็ปต์อีสานรัสติกที่ผสมผสานอาหารอีสานและบาร์ค็อกเทลสุดเก๋เข้าไว้ด้วยกัน แต่ยังคงเอกลักษณ์อาหารอีสานแบบต้นตำรับรสชาติเผ็ดร้อนเอาไว้ภายในร้านตกแต่งแบบผสมผสานในสไตล์โมเดิร์นแฝงไปด้วยกลิ่นอายความเป็นอีสาน ทั้งเก้าอี้หวาย หมอนอิงลายผ้าขาวม้า กระจาดชะลอม และงานสานอื่นๆอีกมากมายเมนูแซ่บเด็ด"ไก่ย่างขมิ้นภูเขาไฟ ""ลาบปลาแซลมอน ""ลาบหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ""ส้มตำไหลบัวไข่เค็ม ""แกงเห็ดถอบหน่อไม้ไร่ ""ต้มแซ่บหมูเด้ง "มาตามรอยความแซ่บกันได้ที่ร้าน Cafe Chilli Isaan Rustic ตึกแอทธินีเรสซิเด้นซ์ ซอยร่วมฤดี เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00-23:00 น. โทร.0-2168-5152

  • Haus of KANOM คาเฟ่พาสเทลสีสดใสกับทาร์ตไข่หอมๆ

    "Haus of KANOM" โฉมใหม่ของร้าน KANOM กับโซนคาเฟ่คิ้วท์ๆหวานๆ โดยเฉพาะมุมหน้าร้านต้องห้ามพลาดถ่ายรูปเก็บเอาไว้ อาหารก็มีครบหมดทั้งคาวและหวาน โดยเฉพาะเมนูซิกเนเจอร์อย่าง "ทาร์ตไข่"Recommended Menu "ทาร์ตไข่" ซิกเนเจอร์ของทางร้าน ทำสดใหม่ทุกวัน "โจ๊กฮ่องกงไข่ออนเซ็นปาท่องโก๋ยักษ์""ปาท่องโก๋ยักษ์" มาพร้อมดิปหลากหลายให้เลือก "ปอเปี๊ยะคุณยาย""ขนมผักกาดกุ้งสด"ใครอยากมาชิมทาร์ตไข่สูตรเด็ดต้องมากันที่ร้าน "Haus of KANOM" ซอยสุขุมวิท49 เยื้อง รพ.สมิติเวช เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 07:00-18:00 น. เบอร์โทร.0-2252-8520

  • ผัดไทยถาดบ้านหมอแต๋ว ผัดไทยซีฟู้ดถาดยักษ์

    อาหารสตรีทฟู้ดขึ้นชื่อของเมืองชุมพรแน่นอนว่าต้องเป็นเมนูผัดไทย ที่นิยมมากจนมีถนนที่เรียกว่าถนนสายผัดไทย วันนี้เปรี้ยวปากจะพาไปชิมผัดไทยอร่อยๆกันที่ร้าน "ผัดไทยถาดบ้านหมอแต๋ว" ผัดไทยถาดยักษ์ ซีฟู้ดแน่นๆ แทบจะยกทะเลลงถาดกันเลยทีเดียว Recommended Menu"ผัดไทยทะเลถาด""ทะเลถาด""ทอดมันยักษ์"มาตะลุยผัดไทยถาดยักษ์กันได้ที่ร้าน "ผัดไทยถาดบ้านหมอแต๋ว" ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร เปิดตั้งแต่เวลา 09:30-19:30 น. โทร.08-4051-2059

  • การะเกด ยำยั่วๆ แซ่บๆ จัดจ้านในจานเดียว

    ช่วงนี้ร้านยำฮอตฮิตซะเหลือเกิน เปรี้ยวปากจะขอพาไปเติมความแซ่บกันที่ร้านยำ "การะเกด" ที่ใจป้ำใช้แต่วัตถุดิบดีๆ ทั้งปู กุ้ง หอยตัวโตๆ เนื้อหวานกรอบ แน่น น้ำยำก็แซ่บแถมเลือกระดับความเผ็ดได้อีก ยิ่งทานกับไข่แดงเค็มคือครบรสความนัว! กดสั่งอาหารผ่าน app ดิลิเวอร์รี่ ต่างๆ จะอยู่บ้านหรือนั่งทำงานอยู่ออฟฟิศก็ไม่ต้องออกมาให้เสียอารมณ์ ร้านนี้พี่ๆดิลิเวอร์รี่เค้าคุ้นเคยวิ่งเข้าออกวันละหลายรอบเชียวละRecommended Menu "ยำวันนี้ให้ดีที่สุด (ราคา 699 บาท)""ยำแซลมอน (ราคา 299 บาท)" "ยำขนมจีนทรงเครื่องไข่เค็ม (ราคา 190 บาท)""ยำหมูยอไข่แดงเค็ม (ราคา 190 บาท)"ตามมาเติมความแซ่บกันได้ที่ "ร้านการะเกด" ถนนสุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 36 แยก 5 เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00-20:00 น. ติดต่อที่เบอร์ 06-1758-8223

  • โคตรยำ ยำแซ่บเว่อร์ คิวยาวแค่ไหนยอมรอ

    แค่เห็นลีลาการยำของคุณโบว์เจ้าของร้านก็ต้องขอซี๊ดปากเอาไว้ล่วงหน้ากับร้านยำน้องใหม่จากลพบุรี "ร้านโคตรยำ" ที่ยกมาเปิดแถวๆ MRT ห้วยขวางการันตีความแซ่บซี๊ดด้วยคิวลูกค้าที่มารอกันยาวเว่อร์ๆตั้งแต่ร้านยังไม่ทันเปิดRecommended Menu"โคตรยำ (500 บาท)" มีทั้งกุ้ง หอย หมึก หมูยอ ไส้กรอก และที่ต้องมีทุกจานยอดมะพร้าวอ่อน"ยำกุ้ง 2 โคตร (180 บาท)" ผสมทั้งกุ้งสดและกุ้งสุกเข้าด้วยกัน ใครมากับเพื่อนแล้วชอบคนละสไตล์ก็สั่งเมนูนี้ได้เลยจ้า"ยำปูม้าสุก (220 บาท)""ยำไข่แมงดา (250 บาท)" ไข่แมงดามาทั้งตัว สด ฟินเหมือนกินอยู่ริมทะเล ไม่สดเราไม่ขายพี่โบว์บอกเดี๋ยวเสียชื่อ"ยำหอยนางรม (150 บาท)"ใครที่ตามหาความแซ่บซี๊ดต้องมาลองกันที่ร้าน "โคตรยำ" MRT ห้วยขวางทางออกที่ 4 เปิดตั้งแต่เวลา 15:00-01:30 น. (หยุดทุกวันอังคาร) ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 08-8626-2909

  • บ้านหิรัณยกุล ร้านอาหารบรรยากาศดี ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    "บ้านหิรัณยกุล" บ้านหลังใหญ่สไตล์โคโลเนียลแบบยุโรปเน้นโทนชมพูหวานๆที่เป็นทั้งโฮเทลสุดเก๋และร้านอาหารไทยฟิวชั่นแห่งใหม่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา นั่งจิบเครื่องดื่ม ทานอาหารอร่อยๆ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆของแม่น้ำเจ้าพระยาคำว่า "หิรัณยกุล" แปลว่า สกุลทองคำ เนื่องจากครอบครัวของ คุณจี๊ เจ้าของร้านทำธุรกิจเกี่ยวกับทองคำ จึงตั้งชื่อตามธุรกิจของครอบครัว และเพื่อสืบทอดสมบัติของตระกูลต่อๆไปจึงพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้กลายมาเป็นบ้านหลังใหญ่สไตล์โคโลเนียล ให้บรรยากาศแบบร่วมสมัยทั้งไทยและโปรตุเกสRecommended Menuทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหารไทยทานง่ายในแบบที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี ภายในคอนเซ็ปต์การได้ร่วมโต๊ะทานอาหารกับคนในครอบครัว"กุ้งแม่น้ำเผา (950 บาท)" กุ้งแม่น้ำสดไซส์จัมโบ้ ย่างบนเตาถ่านกลิ่นหอมน่าทาน"ปอเปี๊ยะข้าวซอย (280 บาท)" "กรงทอง (280 บาท)""หมูทอดงาตะกร้าเผือก (320 บาท)""เมี่ยงแซลมอนกลีบบัว (270 บาท)" ทางร้านใช้กลีบบัวแทนใบเมี่ยงเสิร์ฟคู่กับแซลมอนทอดมาทานอาหารไทยชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยากันได้ที่ "บ้านหิรัณยกุล" สามเสนซอย3 (ซอยสามพระยา) เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00-22:00 น. หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 0-2057-9553

  • 1d+Day Artist มาทำให้อารมณ์ดีที่วันดีดี

    ในหัวหินมีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่มากมายแต่จุดเช็คอินอันดับต้นๆต้องยกให้ "1d+Day Artist" ร้านอาหารชิคๆริมทะเลที่มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก เรียกได้ว่าเดินวนถ่ายรูปกันได้แบบไม่มีเบื่อร้านตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ในสไตล์ชาวประมงที่มีเรือจริงปลดระวางให้ได้ไปถ่ายรูปเล่นกัน เมนูอาหารที่นี่จะเป็นฟิวชั่นเน้นเลือกซื้อวัตถุดิบจากชาวประมงในท้องถิ่น รสชาติเป็นเอกลักษณ์ด้วยฝีมือของลูกหลานคนท้องถิ่นเองRecommended Menu "ผัดทะเลใต้ (250 บาท)""คารามารี (150 บาท)""ทอดมันปูม้า (190 บาท)" "ประจวบเหมาะ (320 บาท)" แกงส้มปลาอินทรีย์ "ข้าวไข่ข้นต้มยำกุ้ง (235 บาท)""น้ำแตงโมปั่น (145 บาท)""น้ำสับปะรดปั่น (145 บาท)"ร้าน "1d+ Day Artist" อยู่ที่ ซอยหัวหิน 105 เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00-22:00 น. หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 08-7656-9995

  • นัวหัวหิน อร่อยนัวไม่ใส่ผงชูรส

    ตามกลิ่นหอมมาฝากท้องกันที่ร้านอาหาร Local ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาทำเป็นเมนูอาหารที่สำคัญไม่ใส่ผงชูรสแต่อร่อยนัวสมชื่อร้าน "นัวหัวหิน" ร้านนัวหัวหิน เป็นร้านที่มีส่วนร่วมในโครงการเชฟฝีมือดีของหัวหินที่ถ่ายทอดออกมาเป็นอาหารสุดพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศของหัวหิน  เมนูอาหารที่ร้านมีความหลากหลายแม้จะดูบ้านๆแต่เน้นวัตถุดิบที่สด สะอาดและไม่ใส่ผงชูรสตามคอนเซ็ปต์ของทางร้าน และความอร่อยนัวนี้มีรางวัลการันตีด้วย 2 เมนูพิเศษที่ได้รางวัลชนะเลิศอันดับ 2 Cooking Contest ของหัวหินมาอีกด้วย นั่นคือเมนู "หมูบ้านนอก" และ "ไส้กรอกบ้านใน"Recommended Menu"หมูบ้านนอก (130 บาท)" หมูย่างราดด้วยซอสแกงขี้เหล็ก เสิร์ฟพร้อมกับหมี่ญวนทอดกรอบ "ไส้กรอกบ้านใน (85 บาท)" เมนูผสมผสานที่เอาไส้กรอกเยอรมันมามิกซ์รวมกับเมี่ยงแบบไทยๆ อร่อยเข้ากันอย่างลงตัว"ปลากะพงหมกตะไคร้ (150 บาท)" ปลากะพงนึ่งหอมกลิ่นสมุนไพร "ส้มตำไส้กรอกเยอรมัน (90 บาท)""ต้มแซ่บไส้กรอกเยอรมัน (100 บาท)""พานาคอตต้ากล้วยบวชชี (45 บาท)"อร่อยนัว ฟิน กันได้ที่ร้าน "นัวหัวหิน" อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.30-21.00 น. ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 08-3909-0666

  • ไร่พลิศา ฟาร์มผักออร์แกนิคสดๆ

    "ไร่พลิศา" ฟาร์มผักออร์แกนิคสดๆมีทั้งผักสวนครัวและผลไม้ปลอดสารพิษที่เปรียบเหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อขายผักกันในราคาย่อมเยา"คุณตุ๋ย" เจ้าของร้านอาหารไทยในออสเตรเลียที่ประสบความสำเร็จโดยเฉพาะการทำไร่ออร์แกนิค Boon Luck Farm (ไร่บุญรักษ์) ที่ได้ใบรับรองเป็นไร่ปลอดสารพิษ 100% จากความสำเร็จและประสบการณ์ของคุณตุ๋ยในการทำฟาร์มจึงส่งผลให้เธออยากกลับมาทำฟาร์มที่เมืองไทยโดยนำความรู้และรูปแบบของไร่บุญรักษ์มาพัฒนาพื้นที่รกร้างและแห้งแล้งกว่าร้อยไร่ไร่พลิศาเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้ามาท่องเที่ยวเชิงเกษตรสามารถเข้ามาถ่ายรูปเช็คอินได้โดยไม่เสียค่าบริการใดๆ แล้วยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเก็บผักเก็บไข่มาปรุงอาหารด้วยตัวเองอีกด้วยภายในไร่มีร้านอาหารเล็กๆไว้ต้อนรับ "ครัวพลิศา" โดยเลือกใช้วัตถุดิบสดๆในไร่ทั้งผักสดและผลไม้ต่างๆมาปรุงอาหารจานเด็ดให้ได้ทานกัน "น้ำพริกกะปิปลาทูสด" "ต้มจืดหมูเด้งจิงจูฉ่าย" "ผัดวุ้นเส้นชะอมกุ้ง" "ไร่พลิศา" ต.ทับใต้ อ.หัวหิน เปิดตั้งแต่เวลา 9.00-20.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) โทร. 08-1385-0453

  • ห้องอาหารพูนเลิศ ข้าวหน้าไก่ระดับตำนาน

    มาตามหาข้าวหน้าไก่ในตำนานที่ห้าแยกพลับพลาไชยอย่าง "ห้องอาหารพูนเลิศ" สูตรต้นตำรับแท้จีนกวางตุ้งที่สืบทอดมาจนถึงรุ่นที่ 3 เปิดมากกว่า 100 ปีแล้ว จุดเด่นอยู่ที่น้ำราดข้าวหน้าไก่ที่ยังคงสูตรเดิม การันตีความอร่อยด้วยลูกค้าที่แน่นร้านทั้งขาประจำและขาจร"ข้าวหน้าไก่ (ธรรมดา 40 บาท)""บะหมี่ราดหน้าไก่ (40 บาท)""โกยซีหมี่ (60 บาท)"ตามรอยความอร่อยของข้าวหน้าไก่ได้ที่ "ห้องอาหารพูนเลิศ" ร้านตั้งอยู่ที่ห้าแยกพลับพลาไชย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เปิดตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 0-2688-9254

  • จานเดียวซีฟู้ดตู้มๆ "อะเหน่" ตลาดน้อย

    ใครมาเดินชิลที่ตลาดน้อยต้องมาแวะเติมพลังกันที่ "ร้านอะเหน่" ร้านอาหารไทยสไตล์จีนมาพร้อมซีฟู้ดแน่นๆอย่างกุ้งและปู ปรุงรสใหม่จานต่อจานไม่ใส่ผงชูรส เน้นความเรียบง่ายและวัตถุดิบซีฟู้ดที่สดใหม่เท่านั้น!หลายคนคงจะสงสัยในชื่อร้าน "อะเหน่" คุณอ๊อนเจ้าของร้านจึงเล่าถึงที่มาว่า อะเหน่ มาจากภาษาจีนไหหลำ แปลว่า คุณยาย นั่นเอง เพราะคุณอ๊อนนั้นมีความตั้งใจอยากเปิดร้านนี้เพื่อเป็นของขวัญให้คุณยายอีกด้วย  ย่านตลาดน้อยล้วนเต็มไปด้วยห้องแถวที่สร้างติดกันมายาวนานกว่า 50 ปี ร้านอะเหน่จึงคงโครงสร้างเดิมเอาไว้ ทั้งประตูเหล็กแบบสมัยก่อน และผนังอิฐมอญ รวมไปถึงใช้โต๊ะและเก้าอี้แบบร้านน้ำชาจีน สร้างบรรยากาศให้กลมกลืนไปกับคนย่านนี้ได้เป็นอย่างดี"ข้าวผัดอะเหน่ (215 บาท)" ข้าวผัดกุ้งแม่น้ำเพิ่มความหอมมันด้วยการผัดมันกุ้งกับข้าว"ข้าวขยำไข่ปู (245 บาท)" ข้าวหอมมะลิขยำกับไข่ปูผสมมันปู ท็อปด้วยเนื้อก้ามปูพูนจานโรยด้วยพริกขี้หนูซอย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด "โคตรปูหม่าล่าราดข้าว (255 บาท)" เนื้อปูผัดซอสหม่าล่า ให้เนื้อปูมาแบบล้นจาน "ข้าวผัดปูตู้ม (265 บาท)" ข้าวหอมมะลิผัดกับกระเทียมและเนื้อปู เวลาทานจะได้กลิ่นไหม้จากสไตล์การผัดแบบจีน "โคตรปูซอสไข่เค็มมันปูราดข้าว (265 บาท)" เนื้อก้ามปูคั่วกระเทียมราดซอสไข่แดงเค็มเน้นๆ "ร้านอะเหน่" ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ตรงข้ามซอยเจริญกรุง 20 เปิดตั้งแต่เวลา 10.30-20.30 น. ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 08-06277498

  • ตำนานความอร่อยสวรรคโลก โกเฮง จีนไหหลำ

    ร้านที่โด่งดังในหมู่นักชิมและคนท้องถิ่นสวรรคโลกต่างยกนิ้วให้คือ "โกเฮง" ร้านอาหารจีนไหหลำระดับตำนานที่เปิดมานานกว่า 100 ปี โด่งดังในเรื่องความอร่อยของเมนูที่มีเอกลักษณ์ปัจจุบันเจ้าของร้านโกเฮงคือ เจ๊เนี้ยว เป็นทายาทรุ่นที่ 2 ที่ช่วยทำร้านมานานกว่า 40 ปี เจ๊เนี้ยวเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนคุณพ่อมาเริ่มเปิดร้านขายข้าวมันไก่เป็นอันดับแรก ต่อมาจึงมีคนแนะนำให้ขายอาหารตามสั่งเพื่อความหลากหลาย คุณพ่อของเจ๊เนี้ยวจึงเริ่มขายอาหารตามสั่ง ทุกเมนูของที่ร้านจะมีถั่วลันเตาเป็นส่วนผสมถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างนึงเมนูแนะนำ"ไก่อบโกเฮง (ไซส์เล็ก 280 บาท/ไซส์ใหญ่ 300 บาท)""สตูลิ้นหมู (เริ่มต้น 150 บาท)""ทอดมันปลากราย (เริ่มต้น 150 บาท)""แกงป่าปลาซ้ง (150 บาท)""ตับหมูโอชา (150 บาท)"มาลองชิมความอร่อยของเมนูไหหลำได้ที่ "ร้านอาหารโกเฮง" ถ.หน้าเมือง ต.เมืองสวรรคโลก เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-20.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-5564-1616

  • ก๋วยเตี๋ยวกระเพาะหมูลุงจิตร บ้านรักไทย จังหวัดพิษณุโลก

    ของดีของหมู่บ้านรักไทยต้องยกให้กับร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านๆแต่ความอร่อยยาวนานกว่า 40 ปี กับร้าน "ก๋วยเตี๋ยวกระเพาะหมูลุงจิตร" ด้วยรสชาติก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยถูกปากโดยเฉพาะเมนูกระเพาะหมูที่นุ่มกำลังดี สด สะอาด ไม่มีกลิ่น เหล่าลูกค้าจึงติดใจมาทานกันอย่างต่อเนื่อง ราคาก็เพียงชามละ 30 บาทเท่านั้น!"เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกระเพาะหมูแห้ง""เส้นเล็กต้มยำกระเพาะหมู""ร้านก๋วยเตี๋ยวกระเพาะหมูลุงจิตร" ตั้งอยู่ที่บ้านรักไทย อ.เนินมะปราง ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30-16.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-6203-9866

  • ห้องอาหารเชลียง อาหารไทยโบราณ ณ โรงแรมชินะปุระ จังหวัดพิษณุโลก

    ตามมาสัมผัสความอร่อยของอาหารไทยโบราณกันที่ "ห้องอาหารเชลียง โรงแรมชินะปุระ จังหวัดพิษณุโลก" กับหลากหลายอาหารโบราณด้วยฝีมือเชฟที่มีความถนัดในด้านอาหารไทยเป็นพิเศษ ทั้งรสชาติและการตกแต่งจานสวยงามจับตามากๆ "โรงแรมชินะปุระ หรือ Shinnabhura Historic Boutique Hotel"  โรงแรมเชิงท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมาย ที่มาของชื่อโรงแรม "ชินะปุระ" มาจากคำว่า "ชิน" หมายถึง "พระพุทธเจ้า" หรือ "ผู้ชนะ" อีกนัยหนึ่งยังพ้องกับชื่อพระพุทธรูปสำคัญของเมืองพิษณุโลกนั่นคือ "ชินราช" ซึ่งหมายถึง "ราชาผู้ชนะกิลเลส" อีกด้วย ส่วนคำว่า "ปุระ" หมายถึง "เมือง" ดังนั้น ชินะปุระ จึงหมายถึง เมืองแห่งผู้ชนะ หรือ เมืองแห่งชินราช นั่นเอง"ห้องอาหารเชลียง" เปิดให้บริการทั้งอาหารเช้า กลางวัน และมื้อค่ำ อาหารแต่ละเมนูล้วนถูกคัดสรรมาแล้วจากเชฟที่มีความถนัดในด้านอาหารไทยเป็นพิเศษรอบเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 6.30-10.30 น.รอบกลางวันเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-17.00 น.รอบเย็นเปิดตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น."เมี่ยงคำกลีบบัวหลวง""ยำส้มโอกุ้งแม่น้ำสองแคว""ยำมังคุดมหาเทวี""กรกฎสองทัพ""หัวปลีทอดกรอบกุ้งสดน้ำยำทรงเครื่อง""โรงแรมชินะปุระ พิษณุโลก" ตั้งอยู่บน ถ.สีหราชเดโชชัย อ.เมืองพิษณุโลก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-5521-9888

  • บ้านเบญจมาศ ตำรับความอร่อย อาหารไทยชาววัง

    เปรี้ยวปากขอพาทุกคนมาลิ้มรสตำรับอาหารไทยชาววังในบรรยากาศแห่งยุคสยามกันที่ร้าน "บ้านเบญจมาศ" ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตคนไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เมนูต่างๆก็สวยงามประณีตสุดๆและแต่ละเมนูผ่านการคัดสรรมาจากฝีมือเชฟรางวัลการันตีการแข่งขันโอลิมปิก "ร้านบ้านเบญจมาศ" ตัวร้านโดดเด่นด้วยอาคารสไตล์โคโลเนียลสีครีมนวลตา ตัดกับซุ้มประตูโค้งด้านหน้าตึกซึ่งเก๋ไก๋โดดเด่นมากเข้ามาภายในร้านก็มีพนักงานของร้านที่แต่งชุดไทยประยุกต์ นุ่งโจงกระเบนคอยต้อนรับพร้อมส่งรอยยิ้ม ส่วนเมนูก็สวยงามประณีตเหมาะมานั่งฟังเพลงเคล้าไปกับการทานอาหารที่แสนละเมียดละไม"ข้าวปรุงน้ำพริกเจ้าจอม (350 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน ข้าวคลุกน้ำพริกลงเรือเสิร์ฟคู่กับแซลมอน ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสูตรน้ำพริกลงเรือของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5"ส้มฉุนกรุ่นกลิ่นส้มซ่า (140 บาท)" เมนูของหวานหาทานยากเสิร์ฟมาในโถแก้วอย่างสวยงาม เป็นผลไม้ลอยแก้วที่ทำจากผลไม้ไทยตามฤดูกาล แล้วนำมาปรุงด้วยน้ำเชื่อมกลิ่นผิวส้มซ่าทานคู่กับน้ำแข็งทุบละเอียด หวานเย็นชื่นใจ"ข้าวมันไก่ฝรั่งเศส (320 บาท)" เป็นเมนูที่ผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมตะวันออกและวัฒนธรรมตะวันตก"แกงพะแนงเป็ดรมควันใส่ผลไม้ (390 บาท)" แกงพะแนงปรุงจากพริกแกงสดใหม่ทุกวัน ใส่เนื้ออกเป็ดรมควันเนื้อแน่นและผลไม้ไทยอย่างลิ้นจี่"พุดดิ้งกล้วยโอชารส (180 บาท)" พุดดิ้งสไตล์ไทยที่ทำจากกล้วย ทานคู่กับซอสน้ำดอกกุหลาบรสเปรี้ยวอมหวาน เนื้อพุดดิ้งนุ่มละลายในปากตามมาชิมและชมความงามของตำรับอาหารไทยชาววังได้ที่ "ร้านบ้านเบญจมาศ" ตั้งอยู่ใน ซ.อารีย์ 1 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-2279-8055

  • ข้าวต้มปลาสะพานเหลือง

    "ข้าวต้มปลาสะพานเหลือง" ร้านเด็ดที่ไม่มีสาขาที่ไหนด้วยข้าวต้มสูตรของพ่อเจ๊หมวยเจ้าของร้าน ถือเป็นเจ้าเก่าที่พิถีพิถันทั้งการคัดสรรวัตถุดิบและเคี่ยวน้ำซุปให้หอมอร่อยนานหลายชั่วโมง "ข้าวต้มไข่ปลา (150 บาท)" "ข้าวต้มปลากะพง (เนื้อปลา 150 บาท/ท้องปลา 200 บาท)" "ข้าวต้มรวมมิตร (200 บาท)" มีทั้งเซี่ยงจี๊ กระเพาะหมู หอยนางรม และบะเต็ง "ยำหัวปลา (200 บาท)""ร้านข้าวต้มปลาสะพานเหลือง" อยู่ตรงข้ามซอยจุฬาฯ 30 ถนนบรรทัดทอง ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 16.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.08-7419-2265

  • ช้อป แชะ ชิม เชิงเกษตรกันที่ "ดูบัวคาเฟ่ (DUBUA Cafe)"

    ก่อนกลับมาแวะกินแวะเที่ยวแลนด์มาร์คของนครปฐมกันที่ "ดูบัว คาเฟ่ (DUBUA Cafe)" ในบรรยากาศทุ่งดอกบัวไม่เหมือนใคร ใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็ได้มาสัมผัสบรรยากาศสวยๆแบบนี้กันแล้ว"ดูบัวคาเฟ่ (DUBUA Cafe)" นอกจากจะเป็นคาเฟ่ท่ามกลางทุ่งดอกบัวสวยๆแล้วรอบๆยังเป็นที่เที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เป็นเหมือนหมู่บ้านแสดงวิถีชีวิตของชาวนครปฐม และยังมีกิจกรรมให้ทำเพียบทั้งปั่นจักรยาน ถีบเรือ ฟาร์มสัตว์ คาเฟ่ และร้านอาหาร โดยภายในคาเฟ่ถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆมากมาย"โซนโรงนา" มีสัตว์ต่างๆให้เยี่ยมชมมากมายโดยไฮไลท์ของที่นี่คือสัตว์ในฟาร์มที่ไม่ดุ และยังสามารถเข้าไปถ่ายรูปแบบใกล้ๆได้อีกด้วย"โซนร้านอาหารและคาเฟ่" มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ไว้ให้บริการ"โซนกาดบ้านควาย" เป็นเหมือน Walking Street เล็กๆที่มีผลิตภัณฑ์จากภายในชุมชนมาขาย ที่โซนนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.00-18.30 น.และที่สำคัญห้ามพลาดแชะภาพสวยๆบนสะพานไม้ทอดยาวข้ามบึงบัวกว้างใหญ่ที่มีบัวหลากหลายสายพันธุ์ ยิ่งใครมาช่วงเช้าที่บัวบานจะได้ภาพที่สวยสุดๆ หรือจะมาเดินเล่นชมวิวสวยๆก็ชิลไม่แพ้กันมาชิลกับคาเฟ่ใกล้กรุงได้ที่ "ดูบัวคาเฟ่ (DUBUA CAFE)" ถนนบางพระ - นราภิรมย์ อ.นครชัยศรี ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) หรือติดต่อสอบถาม โทร. 09-7024-0842

  • OHACHI ข้าวหน้าหมูย่างไซส์ยักษ์ย่านอารีย์

    วันนี้ขอพาเหล่าสายกินแหลกมาวัดกระเพาะกันที่ "OHACHI" กับเมนูดังข้าวหน้าหมูย่างสไตล์ญี่ปุ่นไซส์ยักษ์ หมูย่างเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอสหอมๆ หวานๆ เค็มๆ ที่มีให้เลือกถึง 4 ไซส์ไซส์อนุบาล (128 บาท) / 300 กรัม ไซส์มาตรฐาน (168 บาท) / 500 กรัม ไซส์มาสเตอร์ (238 บาท) / 800 กรัมไซส์ด็อกเตอร์ (388 บาท) / 1,300 กรัมใครอยากมาลองหมูย่างสไตล์ญี่ปุ่นชามยักษ์มากันได้ที่ร้าน "OHACHI" โครงการสนั่นนภา ติด BTS อารีย์ รอบเช้าเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-14.00 น. และรอบเย็นเปิดตั้งแต่เวลา 16.00-20.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์)สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 09-2538-9449

  • ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อน่าล่อในสวน

    "ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อน่าล่อในสวน" ร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อชิคๆเปิดใหม่ในนครปฐมที่อยู่ในร่องสวนบรรยากาศเย็นสบาย นั่งทานปากหม้อไปชมสวนไปชิลสุดๆมานั่งห้อยขาชมสวนก่อนเริ่มทานปากหม้ออร่อยๆกัน ที่นี่มีปากหม้อให้เลือกถึง 8 ไส้ด้วยกัน ทั้งไส้กะหล่ำม่วง, ไส้หมู, วุ้นเส้น, กุยช่าย, ถั่วงอก, แครอท, ข้าวโพด และไส้หวาน น้ำซุปก็จะมีทั้งน้ำใส, ต้มยำโบราณ, ต้มยำน้ำข้น และเย็นตาโฟ"ปากหม้อทะเลหมอก (70 บาท)""ปากหม้อเย็นตาโฟต้มยำ (ธรรมดา 40 บาท/ทะเล 60 บาท)""ปากหม้อห่อกุ้งสะดุ้งทั้งสวน (70 บาท)""ปากหม้อขอเผือก (50 บาท)""ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อน่าล่อในสวน" อยู่ที่ปากซอยวัดไร่ขิง 1 อ.สามพราน ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6849-6933

  • ข้าวใหม่ปลามัน อิ่มอร่อย ณ อัมพวา

    "ข้าวใหม่ปลามัน"  ร้านอาหารสไตล์บ้านนาบรรยากาศดีที่อัมพวา ร้านตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นที่นำวัสดุทางธรรมชาติอย่างไม้ไผ่มาตกแต่งจึงดูโปร่งโล่งสบายและตัวร้านยังอยู่กลางน้ำริมป่าชายเลนอีกด้วยวัตถุดิบที่ทางร้านใช้จะเน้นไปที่ปลา ปู กุ้ง หอย หมึกที่เลี้ยงตามธรรมชาติหรือรับมาจากชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนจึงทำให้ได้ของที่สดใหม่ต่อวัน อาหารของที่ร้านจึงถูกเรียกว่าเป็น "อาหารของคนมีบุญ" เพราะได้ทานอาหารจากธรรมชาติแล้วยังได้ช่วยเหลือชาวบ้าน และทุกสิ้นปีทางร้านจะปันผลกำไรเข้าสู่กองทุนสวัสดิการชุมชนอีกด้วย"แกงคั่วลูกสามสิบกรรเชียงปู (400 บาท)" ลูกสามสิบ ผักพื้นถิ่นของสมุทรสงครามออกเพียงปีละครั้งเท่านั้น!"ยำยอดหนามพุงดอ (180 บาท)" "ยอดหนามพุงดอผัดไข่ (150 บาท)" "น้ำพริกกะปิชะครามปลาหมอเทศ (150 บาท)""ร้านข้าวใหม่ปลามัน"  อยู่ ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา  ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-20.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08-4971-7293

  • ชอนมัน (Cheonman) กับหลากหลายเมนูสตรีฟู้ดจากเกาหลี

    สายอาหารเกาหลีต้องห้ามพลาดกับร้าน "ชอนมัน(Cheonman)" ที่มีหลากหลายเมนูสตรีฟู้ดของเกาหลีมารวมไว้แบบถึงเครื่อง วัตถุดิบสั่งตรงมาจากเกาหลีเพื่อคงรสชาติแบบต้นฉบับเอาไว้การตกแต่งร้านก็เป็นสไตล์เกาหลีแนวสตรีทๆ แม้แต่อุปกรณ์อย่างกระทะ จาน ชาม ช้อนยังส่งตรงมาจากเกาหลีอีกด้วย "ซุปกิมจิ (119 บาท)""ไก่ทอดชีสกระทะร้อน (259 บาท)" มีทั้งแบบซอสเผ็ดและซอสหวาน"จูกูมิ (499 บาท)" เมนูปลาหมึกผัดซอสกับหมูสไลด์ เสิร์ฟพร้อมข้าวผัดแบบกรอบและไข่กุ้งเด้งเต็มปาก "ร้านชอนมัน(Cheonman)" อยู่ซอยจุฬาลงกรณ์ 5 ตรงข้ามสวนหลวงสแควร์ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 15.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.06-2556-6526

  • "ยิ้ม ยิ้ม ภัตตาคาร" ภัตตาคารแต้จิ๋วแห่งแรกในเยาวราช

    "ยิ้ม ยิ้ม ภัตตาคาร" ภัตตาคารแต้จิ๋วแห่งแรกในเยาวราชที่มีมายาวนานกว่า 100 ปีแล้ว ภัตตาคารแห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารเดียวกับภัตตาคารตั้งใจอยู่กับหลากหลายเมนูอาหารจีนสูตรแต้จิ๋วแท้ๆ ทีเด็ดอยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่"ข้าวอบหนำเลี๊ยบ""ฮื่อแซ" ปลาดิบจีน ปลาที่นำมาทำคือ ปลาซ่งฮื้อ หรือ ปลาซ่ง ทานคู่กับน้ำจิ้มถั่วและผักเคียง"คะน้าฮ่องกง" คะน้าฮ่องกงผัดปลาตาเดียวแห้ง"อีหมี่" หมี่ผัดนำมาดาดกรอบโรยหน้าด้วยแฮมสับ เวลาทานทานกับน้ำตาลและจิ๊กโฉ่ว"หัวปลาหม้อไฟ" เกียมบ๊วยขิง หัวปลาซ้ง น้ำซุปรสเปรี้ยวคล่องคอ คล้ายต้มยำ"ขนมจีบแต้จิ๋ว" ขนมจีบหมูผสมกุ้งแห้ง เห็ดและหน่อไม้ฝรั่งมาอิ่มอร่อยกับอาหารจีนแต้จิ๋วแบบแท้ๆ กันได้ที่ "ยิ้ม ยิ้ม ภัตตาคาร" ซอยเยาวพานิช ถนนเยาวราช ร้านเปิดทุกวัน รอบเช้าตั้งแต่เวลา 11.00 - 14.00 น. รอบเย็นตั้งแต่เวลา 17.00 - 22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-224-2205

  • TokyoHot ขนมโตเกียวหลากไส้สุดครีเอท

    ร้านขนมโตเกียวร้านนี้จะทำให้ทุกคนต้องลบภาพจำของโตเกียวแบบเดิมๆไปเลยกับร้าน  "Tokyo Hot (โตเกียวฮอท)" ร้านขนมโตเกียวที่มีตั้งแต่ไส้เบสิกไปจนถึงไส้ทาโก้ จนกลายเป็นขนมฟิวชั่นหลากสีสัน และรับรองว่าเครื่องแน่นแบบไม่มีหวง"ขนมโตเกียวฮอต" ไส้ต้มยำกุ้ง เครื่องต้มยำขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูดผสมกับซอสต้มยำที่เข้ากันกับกุ้ง"ขนมโตเกียวไส้ทาโก้" เครื่องทาโก้แบบฉบับเม็กซิกันลงไปแบบครบเครื่องทั้งหัวหอม มะเขือเทศ และผักกาดแก้ว ราดด้วยซอสรสเข้มข้น"ขนมโตเกียวไส้บราวนี่สังขยาไข่เค็ม""ขนมโตเกียวไส้ไก่ย่างบาร์บีคิวหม่าล่า" ความเผ็ดร้อนที่ต้องลอง ไก่ย่างเสิร์ฟมาคลุกเคล้ากับสับปะรด มะเขือเทศ เจือรสชาติให้หอม และร้อนแรงอีกนิดด้วยขิง ก่อนจะโรยผงหม่าล่าลงไปเพิ่มความเผ็ดร้อน"ขนมโตเกียวไส้กะเพราหมูสับไข่เจียว" ไข่เจียวหนา ๆ ก่อนจะวางกะเพราหมูสับรสเข้มคลาสสิกลงไปลิ้มลองความอร่อยของหลากหลายไส้โตเกียวสุดครีเอทกันได้ที่ร้าน "Tokyo Hot (โตเกียวฮอท)" อยู่ที่ซอยเจริญกรุง 24 ถนนเจริญกรุง ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 13.00-19.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1583-0408

  • อิ่ม อร่อย กับกั้งเน้นๆที่ "ผัดไทยกั้ง ราชพฤกษ์"

    "ร้านผัดไทยกั้ง" ย่านราชพฤกษ์เกิดจากความชื่นชอบทานกั้งของเจ้าของร้านจึงมาเปิดเป็นร้านที่มีแต่เมนูกั้งนั่นเอง! และด้วยความชื่นชอบทานกั้งที่สดใหม่ของเจ้าของร้านดังนั้นวัตถุดิบหลักอย่างกั้งจึงถูกส่งตรงมาจากทะเลสุราษฎร์ธานี รับประกันความสดใหม่แน่นอน"ผัดไทยกั้ง (เริ่มต้น 89 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน เคล็ดลับอยู่ที่น้ำผัดไทยสูตรของคุณแม่ที่ผัดให้รสชาติเข้าถึงเส้น เวลาทานจะหอมกลิ่นกระทะ"ก๋วยเตี๋ยวแกงส้มหม้อไฟทรงเครื่อง (199 บาท)" ในหม้อแน่นไปด้วยหลากหลายซีฟู้ด ทั้งหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์, ปลาหมึก, กุ้ง และกั้งตัวโตๆ ท็อปด้วยไข่ชะอม ด้านล่างเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวนุ่มๆ ทำจากข้าวหอมมะลิเข้ากันได้ดีกับน้ำแกงส้ม"ขนมจีนน้ำยากั้ง (109 บาท)" กั้งมาทั้งตัวและตัวน้ำยายังทำมาจากกั้งอีกด้วย"กั้งผัดพริกเกลือ (เริ่มต้น 199 บาท)" เมนูนี้ชูรสด้วยขมิ้นและเม็ดพริกไทย ถึงเครื่องมากๆอิ่มอร่อยไปกับกั้งแบบเน้นๆ ได้ที่ "ร้านผัดไทยกั้ง" อยู่บนถนนราชพฤกษ์ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9221-9666

  • เฮียไก่ซีฟู้ด ยกซีฟู้ดสดๆ มาไว้ที่ราชพฤกษ์

    "เฮียไก่ซีฟู้ด" ร้านซีฟู้ดสดๆ ตำนานความอร่อยส่งตรงจากหาดใหญ่ คัดวัตถุดิบสดใหม่มาเสิร์ฟกันถึงโต๊ะอาหาร สูตรอาหารก็มาจากทางใต้สูตรจากรุ่นคุณแม่ของเฮียไก่ รับรองรสชาติจัดจ้านตามแบบฉบับใต้แท้ๆ"หมึกกล้วยซาชิมิ (ตัวละ 200 บาท)" ปกติจะกินปลาหมึกสดๆ ต้องกินบนเรือไดหมึกถึงจะได้ปลาหมึกที่สดและหวาน จานนี้เป็นปลาหมึกกล้วยเป็นๆ ที่ตกหน้าตู้ แล่มาให้ทานแบบซาชิม จิ้มกับวาซาบิและโชยุ"กุ้งแม่น้ำอบชีส" กุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่จากสงขลา เนื้อกุ้งหวานฉ่ำราดด้วยครีมซอสแล้วอบด้วยมอสซาเรลล่าชีสเยิ้มๆ"ยำปูไข่ดอง (550 บาทขึ้นไป / ขึ้นอยู่กับขนาดของปู)" ปูไข่ธรรมชาติที่ดองด้วยสูตรน้ำปลาของทางร้านเพิ่มความจัดจ้านด้วยน้ำยำรสแซ่บ"ปลาเก๋าไฟหม้อไฟต้มเผือก (ขีดละ 150 บาท)" ปลาเก๋ามีความนุ่ม ไม่คาว สไลด์ลงจานพร้อมให้จุ่มเนื้อปลาลงในหม้อซุปต้มเผือกรสชาติมันกลมกล่อม"หอยหลอดผัดฉ่า (300 บาท)" หอยหลอดจากทะเลสตูล รสชาติเข้มข้นด้วยเครื่องผัดฉ่า"หอยชักตีน (350 บาท)" หอยชักตีนส่งตรงมาจากกระบี่ เวลาทานต้องดึงตีนหอยออกมาจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดจัดเต็มกับซีฟู้ดแน่นๆ สดๆ กันได้ที่ "ร้านเฮียไก่ซีฟู้ด" โครงการสวนดอกลำเจียก ถนนราชพฤกษ์ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.30-22.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2624-6287

  • Zheng Dou Seafood & Chinese Restaurant

    พาทุกคนมาอิ่มแบบจุกจุกกับอาหารจีนที่ "Zheng Dou (เจิ้งโต่ว) Seafood & Chinese Restaurant" ร้านอาหารสไตล์จีนระดับภัตตาคารเจิ้งโต่ว ตามความหมายของภาษาจีน เจิ้ง มาจากแซ่ เจิ้ง (郑) และ โต่ว (斗) ที่มาจากชื่อเล่นของคุณอภิชัย เตชะอุบล เจ้าของร้านเจิ้งโต่ว ใช้สัญลักษณ์เป็นรูปลิงเนื่องจากเป็นปีนักษัตรของคุณอภิชัยด้วยเช่นกัน และลิงในความหมายเชิงสัญลักษณ์ของปีนักษัตรก็เป็นความหมายที่มงคล "เจิ้งโต่วแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์" ได้ยกความพรีเมียม จากต้นตำรับมาเสิร์ฟถึงแหล่งกลางใจเมืองอีกแห่ง คือที่ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยยังคงคุณภาพของอาหาร วัตถุดิบ และเชฟที่มาจากฮ่องกง ภายใต้บรรยากาศร้านแบบจีนร่วมสมัย และยังคงเสน่ห์และเอกลักษณ์ของความเป็นจีนดั้งเดิม แต่ดูผ่อนคลายสบายๆ ตามสไตล์โมเดิร์นเพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ และเมนูสุดพิเศษที่ทุกจานเต็มไปด้วยคุณภาพ"บะหมี่ล็อบสเตอร์ผัดซอส XO (659 บาท)""ข้าวผัดเจิ้งโต่ว (เริ่มต้น 280 บาท)""ปูนึ่งข้าวเหนียวสูตรโบราณ (850 บาท)""BBQ Combo (เริ่มต้น 450 บาท)""ข้าวเหนียวงาทอด""ก๋วยเตี๋ยวหลอดเจิ้งโต่ว""ปอเปี๊ยะทอด"ตามมาอิ่มอร่อยกับอาหารสไตล์จีน-ฮ่องกงได้ที่ร้าน "Zheng Dou Seafood & Chinese Restaurant" Central World ชั้น 6 ใกล้ลิฟต์แก้ว ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 21.00 น.) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 06-5724-8507

  • จกโต๊ะเดียว ตำนานเกี๊ยวกุ้ง แป้งบาง เนื้อแน่น

    "จกโต๊ะเดียว" ตำนานร้านเกี๊ยวกุ้งที่เยาวราชมาเปิดที่ Central World แล้วโดยคอนเซปต์ของร้านคือมีแค่โต๊ะเดียวตามชื่อร้าน จะมาทานกันทีต้องจองกันเป็นเดือนๆ เลย "นายสมชาย ตั้งสินพูลชัย" หรือใครๆก็เรียกว่า "เฮียจก" พ่อครัวใหญ่ควบตำแหน่งเจ้าของร้านเล่าให้ฟังว่าเศรษฐีรวยติดอันดับ 1 ถึง 10 ของประเทศไทยโทรมาลงชื่อต่อคิวชิมอาหารสูตรเด็ดและเป็นลูกค้าประจำของร้านจกโต๊ะเดียว สาขาเยาวราช เพราะติดใจในรสชาติและวัสดุเกรด A  สมัยก่อนเฮียจกไม่ได้ทำร้านอาหารเหมือนทุกวันนี้บ้านเฮียจกเป็นซัพพลายเออร์ส่งอาหารทะเลเกรด A รายใหญ่ส่งให้กับภัตตาคารชื่อดังทั่วประเทศ ส่งผลให้เฮียจกติดนิสัยชอบอาหารดีๆ เมื่อมีความสนใจเรื่องทำอาหารมากขึ้นก็เริ่มศึกษาเดินหน้าออกไปถามไถ่พ่อครัวเก่งๆ โดยมีเหล่าเพื่อนๆ เป็นแรงสำคัญในการสนับสนุน ที่ไหนดีไม่ว่าใกล้ไกลเฮียจกจะลองไปชิมมาหมด ชิมเสร็จก็จะกลับมาลองทำผิดๆ ถูกๆ อยู่เป็นปี ซึ่งเมื่อทุกคนรอบข้างบอกว่ารสชาติอาหารโอเคผ่าน ร้านขายอาหารเล็กๆ แห่งนี้จึงเกิดขึ้นโดยมีจุดประสงค์เล็กๆ ว่าจะให้ร้านแห่งนี้เป็นสถานที่สังสรรค์ของเพื่อนฝูง และจุดเปลี่ยนที่ทำให้จกโต๊ะเดียวโด่งดังก็มาถึงเพราะเพื่อนคนนึงนำเสนอเรื่องราวและความอร่อยของอาหารที่ร้านนี้ไปเขียนลงในนิตยสารชื่อดัง ส่งผลให้ร้านนี้ได้รับการตอบรับแบบอบอุ่นหนาฝาคลั่งจากผู้คน และที่สำคัญไม่ว่าคุณจะเป็นใครจะเข้ามากินอาหารที่นี่คุณต้องโทรมาเช็กคิวก่อนว่าโต๊ะของเราว่างเมื่อไหร่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครอยากมาลองชิมรสชาติอาหาร แต่ในวันนี้ทางทีมงานร้านจกโต๊ะเดียวยกครัวมาที่ Central World ชั้น 7 โซน Beacon ฝั่ง Isetanเมนู Signature ที่ได้รางวัลการันตีโดย MICHELIN GUILD นั่นก็คือ "เกี๊ยวกุ้งลวก (100 บาท)" เนื้อกุ้งเด้งๆ ใครมาที่ร้านก็ต้องสั่งมาทานเป็นอันแรก เมนู "ข้าวต้มกระดูกหมู(100 บาท)" โดยเฮียจกได้เป็นคนเคี่ยวน้ำซุปนานกว่า 6 ชม. ซึ่งน้ำซุปจะหอมหวานเข้าถึงรสชาติ"บะหมี่เกี๊ยวแห้ง (100 บาท)"มาชิมความอร่อยของร้าน "จกโต๊ะเดียว" ได้ที่ทั้งสาขาเยาวราชและที่ Central World ชั้น 7 โซน Beacon ฝั่ง Isetan ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.09-9629-2449

  • นิดผัดหมี่โคราช ความอร่อยของเส้นหมี่ตะคุ

    มาถึงเมืองปักธงชัยก็ต้องมาลอง "เส้นหมี่ตะคุ" กันที่ร้านนี้เลย "นิดผัดหมี่โคราช" เจ้าดังของปักธงชัย เปิดขายมากกว่า 30 ปีแล้ว และที่ อ.ปักธงชัย จะใช้เส้นหมี่ตะคุในการทำผัดหมี่ เอกลักษณ์ของเส้นนี้คือเส้นจะยาว เหนียวนุ่ม ส่วนชื่อ หมี่ตะคุ ก็มาจากบ้านตะคุ อ.ปักธงชัย นั่นเอง โดบแต่ละอำเภอเส้นที่ใช้ทำผัดหมี่ก็จะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป เช่น หมี่พิมาย, หมี่กระโทก, หมี่กูดจิก เป็นเส้นหมี่ที่มีชื่อเสียงของแต่ละอำเภอ ผัดหมี่โคราชของปักธงชัยจะแตกต่างจากที่อื่นคือใช้ซอสน้ำแดงคล้ายเย็นตาโฟลงไปผัด ทำให้ดูมีสีสันน่าทานและเส้นไม่แห้ง ต่างจากของอำเภออื่นๆ ที่จะผัดให้แห้งคล้ายกับผัดไทย"ผัดหมี่โคราช (30 บาท)""ไก่น้ำแดง (ปีกไก่ชิ้นละ 15 บาท, ข้อไก่ 2 ชิ้น 5 บาท)""นิดผัดหมี่โคราช"  อยู่ที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6648-2863

  • Casa Sapparod ร้านใหม่เอาใจคนรักสับปะรด

    แค่เดินเข้ามาในร้าน "Casa Sapparod" ในซอยเจริญกรุง 44 ก็ได้กลิ่นอายของสับปะรดแทบยกสวน! กับการตกแต่งร้านแบบเก๋ๆ ที่เน้นหนักไปทางสับปะรด และไม่ใช่แค่การตกแต่งแต่รวมไปถึงส่วนผสมของเมนูภายในร้านที่มีสับปะรดเป็นส่วนผสมหลักมาประยุกต์กับเมนูต่างๆ อีกต่างหาก ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เครื่องดื่มเมนูก็เน้นสับปะรดทั้งนั้น เรียกได้ว่าเอาใจคนรักสับปะรดโดยเฉพาะเลยทีเดียว"Casa Sapparod" ใช้สับปะรดเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารแต่ละเมนู และสับปะรดของที่นี่ล้วนถูกคัดสรรมาจากฟาร์มออร์แกนิคทั้งนั้น รับรองว่าไม่มีสารพิษ ภาชนะที่ทางร้านใส่มาก็เป็นภาชนะที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ อย่างเซรามิก ดินเผา หรือแม้แต่นำวัสดุธรรมชาติมาใช้อย่าง กะลามะพร้าว ผลสับปะรด ที่ย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ไอเดียเก๋มากๆในประเทศไทยของเรามีสับปะรดอยู่หลายสายพันธุ์ แต่ที่ทางร้านนำมาใช้จะเป็นพันธุ์ท็อปๆ อย่างสับปะรดภูแล(จ.เชียงราย) ลูกเล็กๆ กรอบหวาน, พันธุ์ภูเก็ต จะลูกใหญ่สุด รสชาติหวานหอมคล้ายมะพร้าว และพันธุ์ที่ร้านใช้เป็นส่วนประกอบเยอะที่สุดคือ พันธุ์ปัตตาเวีย และ ศรีราชา ทั้งสองพันธุ์นี้ลูกจะสวย เนื้อจะเยอะ"ขนมจีนซาวน้ำ (270 บาท)" เป็นอาหารคลายร้อนในฤดูร้อน แต่ที่ร้านนี้มีให้ทางกันทั้งปีเลย เสิร์ฟมาพร้อมกุ้งลวก, ส้มโอ, ไข่นกกระทา, มะกรูด, ขิงอ่อน, หอมแดง และกระเทียม สับปะรดที่ใช้เป็น พันธุ์ภูเก็ต แถมยังท็อปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสับปะรดอีกด้วย วิธีทานก็คือราดน้ำกะทิลงไปเลย"ข้าวผัดสับปะรด (หมู,ไก่,เจ 220 บาท/ ซีฟู้ด 280 บาท/ Giant 490 บาท)" สูตรของร้านจะรวมทุกมิติของข้าวผัดที่รวมสับปะรดทุกพันธุ์ที่มี ผัดกับข้าวออร์แกนิคจากฟาร์ม จ.นครปฐม เนื้อสัตว์ก็จะมีเบคอนที่หมักเอง คอหมู และกุนเชียงหั่นเต๋า"หมูปิ้งราดพะแนง (240 บาท)" ซึ่งจะเห็นว่าที่เสียบไม้จะมีสับปะรดอยู่ เมนูนี้จะเลือกใช้พันธุ์ ปัตตาเวีย รสชาติหวาน ฉ่ำเนื้อมาก ทานคู่กับซอสพะแนงเข้มข้น เสิร์ฟมาในกะลามะพร้าวเก๋ๆล้างปากต่อด้วยของหวานกับเมนู "พุดดิ้งสับปะรด (170 บาท)" เป็นครีมมะพร้าวราดด้วยซอสสับปะรด มีบิสกิตบางกรอบท็อปมาด้วย เสิร์ฟมาในสับปะรดลูกเล็กๆ น่ารักๆสายสับปะรดเลิฟเว่อร์ต้องห้ามพลาดร้าน "Casa Sapparod" อยู่ที่ซอยเจริญกรุง 44 ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2004-5727

  • จางวางอิ่ม The White Pagada เต็มอิ่มกับอาหารไทยโบราณ

    "จางวางอิ่ม The White Pagada" ร้านอาหารไทยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากจะได้อิ่มเอมใจกับความอบอุ่นของบ้านแบบโบราณแล้ว ยังได้ชมทัศนียภาพของเกาะเกร็ดกันได้อย่างเพลินๆชื่อร้านแปลกหูอย่าง จางวางอิ่ม นั้นมาจากคำว่า จางวาง เป็นคำที่ใช้เรียกตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งตำแหน่ง จางวาง เทียบเท่ากับทหารมหาดเล็กในปัจจุบัน และคำว่า อิ่ม ก็มาจาก อิ่มท้อง อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มเอมที่ได้มาบ้านหลังนี้บ้านหลังนี้อายุกว่า 70 ปี เดิมเป็นที่ตั้งของตระกูล "ไพศาลสุข" ซึ่งโครงสร้างบ้านงดงามอยู่แล้วแม้จะผ่านการปรับปรุงแต่ก็ยังคงตัวบ้านไว้ให้มีชีวิตอีกครั้ง มานั่งชิลทานอาหารชมวิวคุ้งน้ำสุดตระการตาที่มีแม่น้ำ 3 สายมาตัดกันที่หน้าเรือนพอดี แล้วตัวเรือนเองก็เปิดรับลมเต็มที่"แม่สะเดาเย้ายวนกุ้ง (150 บาท)" เมนูน้ำปลาหวานสะเดา หลายคนจะเคยเห็นทานเคียงกับปลาดุกย่าง แต่ที่ร้านจางวางอิ่มอยู่ติดริมน้ำก็ต้องมีกุ้งแม่น้ำเผาเสิร์ฟเคียง"น้ำพริกคู่ตุนาหงัน (280 บาท)"  ตุนาหงัน แปลว่า คู่หมั้นคู่หมาย ล้อจากวรรณคดีเรื่อง อิเหนา เป็นน้ำพริกปลาชิงชัง (ปลากรอบ) จากกระบี่ เสิร์ฟคู่กับ สะตอทอด"ผัดมะเขือยาวเหยาปลาเค็ม (220 บาท)" เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการเสด็จประพาสของร.5  ปกติจะเห็นมะเขือยาวย่าง หรือ ยำ แต่ที่ร้านจะนำไปทอดแล้วผัดกับปลาเค็ม"จางวางปราณ (Set ใหญ่ 2,499 บาท)" เมนูที่รวมซีฟู้ดจากปราณบุรีมาไว้ในถาดเดียว หมึก กุ้ง หอย ต่างๆ แล้วมีปูดองซีอิ๊ว เสิร์ฟมาตรงกลาง ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดใครที่ชอบทานอาหารไทย ชมวิวแม่น้ำ มากันได้ที่ร้าน "จางวางอิ่ม The White Pagoda" ตั้งอยู่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-00.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-5525-9242

  • View Arun - Rooftop Restaurant & Bar

    ใกล้วาเลนไทน์แบบนี้ใครกำลังหาร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ต้องที่นี่เลย "View ARUN - Rooftop Restaurant & Bar" ที่มาพร้อมวิว 180 องศา ริมแม่น้ำเจ้าพระยาและยังมีพระปรางค์วัดอรุณฯ ตั้งสง่าเหมาะแก่การนั่งดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า นอกจากนี้ยังมีอาหารไทยประยุกต์ครบรสทั้ง 4 ภาคให้เลือกสรร เริ่มที่เมนูภาคกลางตัวแรก "แกงส้มชะอมกุ้ง (290 บาท) " ใช้เนื้อปลาช่อนมาทำเป็นเครื่องแกง รสชาติกลมกล่อม ใส่ไข่ชะอม กุ้ง และดอกโสนต่อที่ภาคเหนือกับเมนู "ข้าวซอยปูไข่ออนเซ็น (320 บาท) " ข้าวซอยรสชาติพื้นบ้านสไตล์ภาคเหนือ เปลี่ยนวัตถุดิบจากน่องไก่มาเป็นปู ท็อปด้วยไข่ไก่ออนเซ็นมาที่ภาคอีสานเมนู "ใบเหลียงผัดไข่ (250 บาท) " ผักพื้นบ้านของภาคใต้ ที่นี่จะผัดให้มีกลิ่นไหม้กระทะนิดๆ เพื่อให้มีความหอม"น้ำตกหมูนุ่ม (250 บาท)" หมูหมักสูตรพิเศษ ทำให้มีความนุ่ม เด้ง เข้ากันได้ดีกับรสชาติของน้ำตก ปิดท้ายด้วยของหวานสไตล์ฝรั่งเศส "มิลเฟย (320 บาท) " นำมาประยุกต์ให้ทานง่ายขึ้น รสชาติหวานของมาสคาโปน ตัดกับความเปรี้ยวปากของสตรอว์เบอร์รี กีวี่ และองุ่นจดลิสต์พิกัดหวาน Before Valentine ไว้เลยที่ร้าน "View ARUN - Rooftop Restaurant & Bar" อยู่ซอยตรงข้ามวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ร้านเปิดทั้งหมด 2 รอบ คือ รอบเช้า เปิดตั้งแต่เวลา 12.00-15.00 น.  และรอบเย็น เปิดตั้งแต่เวลา 16.00-24.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-221-5654

  • ป้าน้อยก๋วยเตี๋ยวต้มยำ

    "ป้าน้อยก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัย" ร้านระดับตำนานขวัญใจชาวสวนพลูที่มีเส้นให้เลือกหลากหลาย เพราะนอกจากเส้นธรรมดาๆ ที่เคยเห็นกันทั่วไปแล้วยังมี เส้นโซบะสด โซบะกรอบ เซี่ยงไฮ้ เส้นแก้ว เส้นขนมจีน อีกด้วย และทีเด็ดอยู่ที่น้ำซุปต้มยำที่ใส่น้ำพริกเผาสูตรโบราณทำสดใหม่วันต่อวัน อร่อย ครบรส แบบไม่ต้องปรุงเพิ่มกันเลยทีเดียว "โซบะกรอบต้มยำน้ำตก (40-45 บาท)" เป็นทั้งต้มยำและน้ำตกในชามเดียว เส้นโซบะกรอบใส่ก๋วยเตี๋ยวที่ยังไม่เคยเห็นที่ไหน เครื่องก๋วยเตี๋ยวใส่มาแน่นๆ ทั้งซี่โครงหมูตุ๋นที่ตุ๋นกับเครื่องยาจีน 9 ชนิด หมูสับที่ป้าน้อยผัดรวนกับกระทะ นอกจากนี้ยังมีตับ หมูนุ่ม ลูกชิ้น เครื่องแน่นชามจริงๆ"ก๋วยเตี๋ยวต้มยำเส้นขนมจีน (40-45 บาท)" เส้นขนมจีนเข้ากันได้ดีกับน้ำต้มยำ และอีกทีเด็ดของชามนี้อยู่ที่น้ำพริกเผาสูตรโบราณทำสดใหม่วันต่อวัน"ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำ (40-45 บาท)" เครื่องแน่นๆ ตัวน้ำซุปต้มยำเผ็ดเปรี้ยวครบรสเด็กเส้นมาตามรอยความอร่อยกันได้ที่ "ร้านป้าน้อยก๋วยเตี๋ยวต้มยำ" อยู่ที่ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 15 ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.30-17.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1208-0070

  • ตุ้งแช่เตาถ่าน ราดหน้านมสด

    "ร้านตุ้งแฉ่เตาถ่าน" ย่านบรรทัดทอง ที่ใช้เตาถ่านในการทำอาหารเพื่อคงความหอมให้กับเมนู และเมนูไฮไลท์ของที่นี่ต้องยกให้กับ "ราดหน้านมสด" ที่นอกจากจะใช้เตาถ่านทำอาหารแล้วยังใช้น้ำมันหมูในการปรุงอาหารด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นเคล็ดลับที่สืบทอดมาจากอากง เอามาพัฒนาและสานต่อ อย่างกากหมูเจียวเพื่อจะใช้น้ำมันก็เอามาให้ลูกค้าให้ทานเล่นคู่กับเมนูแบบเพลินๆ ได้ และความพิเศษของทุกเมนูอยู่ที่ หมูหมัก ที่ยังคงความเป็นหมู ไม่ได้นุ่มจนเกินไป หมักกันแบบธรรมชาติด้วยซีอิ๊วและสมุนไพรจีนที่ช่วยให้หมูนุ่ม และที่สำคัญทุกเมนูไม่ใส่ผงชูรสด้วย"เหลาะหนีหมู (50 บาท)" เป็นราดหน้านมสด เกิดจากความชอบเจ้าของร้านที่ลองเอานมข้นจืดมาใส่ในน้ำราดหน้า ตัวน้ำราดจะมีรสชาติครีมๆ ไม่เหนียวจนเกินไป ลูกค้าบางคนก็บอกว่าคล้ายๆ ทานคาโบนาร่าในเวอร์ชั่นราดหน้า"เส้นใหญ่ราดหน้าต้มยำ (60 บาท)" เมนูนี้จะมีทั้งความเป็นราดหน้าและต้มยำผสมผสานกัน"เส้นหมี่ผัดซีอิ๊ว (50 บาท)" เมนูสร้างชื่อของร้าน จากการผัดด้วยเตาถ่านจะทำให้เส้นไม่สูญเสียความชื้นและสุกโดยทั่วกัน ค่อยๆ คั่วให้ตัวเส้นเปลี่ยนสีแล้วใส่ซีอิ๊วดำเพื่อเพิ่มความหอม"ร้านตุ้งแช่เตาถ่าน" ตั้งอยู่ที่ถนนบรรทัดทอง ตรงข้ามซอยจุฬาฯ 12 และ 14 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-5341-5294

  • Bar Mee ร้านเด็กเส้นน้องใหม่ สไตล์ Fine Dining

    "Bar Mee" ร้านน้องใหม่ที่เสิร์ฟมาในสไตล์ Fine Dining ห้ามปรุงเพิ่ม! การันตีความอร่อยโดยเชฟชาวสิงคโปร์ เชฟวิลเมนต์ ลีออง ที่คิดค้นรสชาติและรสสัมผัสมาอย่างลงตัว เชฟอยากให้ลูกค้าได้ทานก๋วยเตี๋ยวแบบรสชาติความเป็นก๋วยเตี๋ยวจริงๆ ไม่ต้องปรุงเพิ่มให้วุ่นวาย บวกกับวัตถุดิบที่เลือกและคัดสรรมาในชามนั้นๆ แล้ว"ซอสเพสโต้เขียวหวาน (120 บาท)" เมนูนี้ใช้เส้นสปาเก็ตตี้หมึกดำ ทานกับซอสเพสโต้เขียวหวานสูตรที่เชฟนำเครื่องแกงสมุนไพรปั่นหยาบแล้วนำไปเคี่ยวจนได้ซอสที่หอม เสิร์ฟพร้อมไข่แดงและเป็ดชาชู"ซุปต้มยำโฮมเมด (150 บาท)" เบสท์หลักของเมนูนี้คือซุปต้มยำ เส้นที่ใช้จะเป็นเส้นเล็ก น้ำซุปสูตรของเชฟจะเข้มข้นมาก เสิร์ฟมาพร้อมกับมะพร้าวอ่อน ลูกชิ้นปลา ฮือก้วย ผักกาดแก้ว และเมนูนี้ยังมีแบบแห้งอีกด้วย ก็จะได้รสชาติที่แตกต่างกันออกไป"ซอสฮอยซินสูตรโบราณ (120 บาท)" บะหมี่หยกเหนียวนุ่ม ราดด้วยซอสสูตรพิเศษที่มีความหอม หวาน และเค็มแบบลงตัวในสไตล์จีน ทานคู่กับหมูแดงติดมัน และฮือก้วยชิ้นโต คลุกซอสให้เข้ากันก่อนทานใครอยากมาพิสูจน์รสชาติก๋วยเตี๋ยวแบบไม่ต้องปรุง มากันได้ที่ร้าน "Bar Mee" ตึก SVL House ถนนสุรศักดิ์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1723-2650

  • ครัวจำแลงแปลงกาย อาหารใต้แปลงกายในแบบฉบับสงขลา

    เมนูอาหารใต้ที่ถูกแปลงกายมาในแบบฉบับสงขลาที่แต่ละเมนูต้องร้องว้าว กับร้าน "ครัวจำแลง แปลงกาย" ที่จำแลงเมนูอาหารจากสูตรในครอบครัวมาให้ทุกคนได้ทาน ในสไตล์อาหารฟิวชั่นหรือฟิวฉันที่นำความโมเดิร์นเข้ามาผสมผสานกับอาหารใต้และวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยม คอนเซ็ปต์ของชื่อร้าน "ครัวจำแลง แปลงกาย" มาจากคำ 2 คำ คือคำว่า "จำแลง" คือ จำแลงเมนูอาหารจากสูตรในครอบครัวมาให้ทุกคนได้ทานกัน และคำว่า "แปลงกาย" คือ สไตล์อาหารฟิวชั่น หรือที่ทางร้านเรียกว่า ฟิวฉัน คือนำความโมเดิร์นเข้ามาใส่ในตัวอาหาร มาเริ่มที่เมนูแรก "ขนมจีนน้ำยาปูอลาสก้า (2,499 บาท/ตามน้ำหนักตัว)" ปกติจะเห็นแต่ขนมจีนน้ำยาปูธรรมดา แต่ทางร้านจัดแจงแปลงกายร่ายมนต์ใส่ปูอลาสก้ายักษ์นำเข้าจากญี่ปุ่นลงไป แล้วลูกค้าไม่ต้องแกะเนื้อปูเลย สามารถตักทานเนื้อเน้นๆ ได้เลย ทางร้านโขลกเครื่องแกงกันเอง วัตถุดิบพริกแกงก็สั่งตรงมาจากสงขลาเลย"สปาเกตตีไตปลาแห้งกุ้งมังกร (1,499 บาท/ตามน้ำหนักตัว)" เส้นสปาเกตตีลวกแบบสุกพอดีกรุบๆ ผัดเคล้ากับเครื่องแกไตปลาสูตรเด็ดที่เคี่ยวมาอย่างดี รสชาติเผ็ดเป็นเอกลักษณ์ ท็อปด้วยกุ้งมังกรลายเสือตัวใหญ่"ข้าวยำกุ้งล็อบสเตอร์ (999 บาท/ตามน้ำหนักตัว)" เมนูทีเด็ด ปกติข้าวยำจะเจอแต่สมุนไพรไม่มีเนื้อสัตว์ แต่ที่นี่เป็นแบบพรีเมี่ยมแปลงกายมาทั้งทีก็จัดล็อบสเตอร์ให้เลย และหัวใจหลักของเมนูนี้คือ น้ำบูดู ที่ร้านคัดสรรเจ้าเด็ดมาเอง เคี่ยวนานถึง 12 ชม."คั่วกลิ้งหอยเชลล์ (290 บาท)""หมูทอดกะปิ (170 บาท)""แกงเหลืองยอกมะพร้าวอ่อนปลาแซลมอน (350 บาท)"ใครอยากมาลองเมนูใต้แปลงกายมากันได้ที่ร้าน "ครัวจำแลง แปลงกาย" รามคำแหง ซอย 4 ใกล้กับโรงพยาบาลแพทย์ปัญญา วันจันทร์-ศุกร์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1918-2222

  • Paka Restaurant เปิดตำรับอาหารไทยโบราณฉบับป่าก์

    "Paka Restaurant" ร้านอาหารไทยโบราณแบบดั้งเดิมที่เข้าถึงได้ง่าย ในลักษณะโฮมเมดรวมถึงประยุกต์กับพื้นฐานความรู้ดั้งเดิมของครอบครัวเจ้าของร้านที่เป็นครอบครัวขุนนางโบราณ แล้วก็ใช้วัตถุดิบในปัจจุบันมาร่วมด้วย เจ้าของร้านอย่าง "เชฟภูมิ-จักรภูมิ บุณยาคม" เล่าให้ฟังว่าไอเดียของชื่อร้านมาจากคำโบราณพยางเดียวที่จำง่าย "ป่าก์" มาจากรากศัพท์คำว่า ปากะ หมายถึง การทำอาหารหรือการรับรสทางปาก และยังพ้องไปกับตำราอาหารเล่มแรกของไทย ที่มีชื่อว่า "แม่ครัวหัวป่าก์" คือ คนที่เก่งในเรื่องการทำอาหาร และนอกจากเชฟภูมิแล้วยังมีหุ้นส่วนอย่าง "คุณเอี๊ยด-สกุลชัย สามเสน" ลูกชายคนโตของ "เชฟป้อม-หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล" มาร่วมกันรังสรรค์เมนูอาหารไทยโบราณ"ปีกไก่ยัดไส้ซอสส้มซ่า (190 บาท)" เมนูทานเล่น ปีกไก่ในส่วนของปีกบนไปจนถึงปีกปลาย เลาะเอากระดูกออกทั้งหมดแล้วยัดไส้ด้วยวุ้นเส้น หมูสับ และเห็ดหอม ปรุงรสคลุกกับซอสส้มซ่ารสเปรี้ยวหวานที่มีกลิ่นหอมเฉพาะ"ข้าวมันเพชรราตรีส้มตำโบราณ (220 บาท)" ส้มตำโบราณที่ใส่กล้วยดิบและมะละกอสุกเคล้ากับน้ำยำที่มีกุ้งแห้งป่น ทานคู่กับข้าวมันเพชรราตรี ข้าวหอมมะลิพันธุ์เพชรราตรี สุดยอดพันธุ์ข้าวที่เกิดจากการแตกตัวของข้าว 1 กอ ใน 2 หมื่นกอ"พะโล้ไข่เค็มโบราณ (270 บาท)" สูตรวังเทวะเทสว์ เมนูเอ็กซ์คลูซีฟที่เชฟป้อมถ่ายทอดสูตรมาแบบละเอียด เป็นพะโล้ที่ไม่ใส่ซีอิ๊วและเครื่องพะโล้แบบจีน แต่มาในสไตล์ต้มเค็ม ใช้ไข่คุณภาพ ไข่เป็ดไล่ทุ่งที่เอามาทำเป็นไข่เค็ม"ผัดไทยเจ้าสมุทร (ประมาณ 900 บาท) / ต้องโทรมาจองก่อนล่วงหน้า" ผัดไทยเส้นจันท์ ผัดกับน้ำมันหมูและซอสผัดไทยใส่มันกุ้งเสวย แปลงกายจากกุ้งสดที่เราคุ้นเคยเป็นอัดแน่นไปด้วยบรรดาเจ้าสมุทร ทั้งปูทาราบะ หอยเชลล์ อูนิ ไข่ปลาแซลมอน และกุ้งแม่น้ำ"เค้กมะกรูด (189 บาท)" มะกรูดคนส่วนใหญ่คิดว่าเอามาใช้ในเมนูคาว แต่โบราณเอามทำเป็นของหวานได้ด้วย"Paka Restaurant" อยู่ใกล้กับร้านโกโรตี ถนนนครไชยศรี ร้านเปิดทั้งหมด 2 รอบ คือ รอบเช้า ตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. และรอบเย็น ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-5942-6950

  • ร้านผงชูรส อร่อยได้ ไม่ใส่ผงชูรส

    มาถึงร้านอาหารอีสานที่ชื่อร้านสะกิดหูเอามากๆกับ "ร้านผงชูรส" แรงบันดาลใจของคุณส้มเจ้าของร้านซึ่งเค้าแพ้ผงชูรสแต่ก็ชอบทานอาหารอีสานเลยเกิดไอเดียนี้ขึ้นมา และแน่นอนว่าร้านอาหารอีสานร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรสแต่ก็ยังรสชาติแซ่บๆ ไว้แน่นอนคำว่า "ผงชูรส" ที่ทางร้านเลือกนำมาใช้ให้ความหมาย คือ การชูรสชาติของวัตถุดิบในเมนูต่างๆ ตามสโลแกนของร้าน "อร่อยได้ ไม่ใส่ผงชูรส" เริ่มกันด้วยออเดิร์ฟอย่างเมนู "ปลาร้าปลาหมึก (155 บาท)" ที่เปรียบเทียบได้กับเมนูปลาหมึกวาซาบิของญี่ปุ่น แต่เปลี่ยนเป็นใช้ปลาหมึกดองในน้ำปลาร้าแทนมาถึงเมนูเส้นขนมจีนแซ่บๆ "ข้าวปุ้นซาวน้ำปลาแดดกากหมู (155 บาท)" เส้นขนมจีนคลุกเคล้ากับน้ำปลาร้าต้มสุกสูตรร้อยเอ็ด ปรุงรสอย่างดีด้วย กะปิ กระเทียมดอง โรยด้วยเม็ดกระทิน กากหมู และเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกแห้งแทนพริกป่น เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง ไข่ทรงเครื่องเพื่อมาทานคู่กับปลาร้าและผักเคียงอย่างชะอมและกะหล่ำปลีต่อด้วยเมนูที่แปลงกายมาอย่างแนบเนียนเพิ่มเติมคือความเฮลตี้ "ตำอโวคาโดไข่แดงเค็มหมี่กรอบ (255 บาท)" อโวคาโดสุกคลุกเคล้ากับน้ำส้มตำไทยเข้มข้น ใส่ถั่วลิสง ใส่ไข่แดงดิบ ท็อปด้วยหมี่กรอบ"ซั่วปลาหมึกเส้นไข่แดงเค็ม (185 บาท)" ปลาหมึกหั่นเส้นและนำไปกริลจนสุกแบบพอดี จากนั้นนำไปตำกับน้ำปลาร้ารสชาติกลมกล่อม ใส่ไข่แดงเค็ม หรือใครที่ไม่ทานปลาร้าก็สามารถแจ้งทางร้านได้เลยแต่ละเมนูแปลงกายมาได้อย่างแนบเนียนที่สำคัญแซ่บได้แบบไร้ผงชูรสคือดีงามจริงๆ ใครอยากมาลองมากันได้ที่ร้าน "ผงชูรส" ถนนสีลม ซอยสีลม 3 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 12.00-21.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-2504-1198

  • หมูตกครก อาหารอีสานรสเด็ด

    มาเติมความแซ่บกับร้านอร่อยขวัญใจชาวราษฎร์บูรณะกับร้าน "หมูตกครก" ที่ขายทั้งส้มตำและก๋วยเตี๋ยวมานานกว่า 20 ปี มีลูกค้าติดอกติดใจกันเยอะมากจนมาเปิดเป็นร้านอาหารอีสานแบบเต็มตัว รับรองความแซ่บเด็ดจัดจ้านไม่แพ้ใครแน่นอน"หมูตกครก (90 บาท) " ใช้คอหมูย่างถ่านแทนเส้นมะละกอ สามารถเลือกเป็นตำปูหรือตำไทยก็ได้ตามชอบ"เมี่ยงกุ้ง (100 บาท)" กุ้งมาเป็นตัวๆ ทานพร้อมเส้นหมี่ลวกที่ม้วนมาเป็นคำๆ ราดด้วยน้ำจิ้มสูตรแซ่บของทางร้าน คล้ายกับน้ำจิ้มซีฟู้ด หอมกลิ่นผักชีลาว"เห็ดโคนญี่ปุ่นทอดน้ำปลา (90 บาท)" เมนูทานเล่นที่ไม่ว่าโต๊ะไหนก็ต้องสั่ง ทานกันได้แบบเพลินๆ"ตำเตี๋ยว (95 บาท)"  เมนูส้มตำที่ใช้เส้นเล็กแทนเส้นมะละกอ เสิร์ฟมากับหมูกระจกไว้ทานคู่กันนอกจากนี้ยังมี "ตำหมี่หมูกรอบ (90 บาท)" ที่ใช้เส้นหมี่ข้าวกล้องลวก ตำผสมกับกะปิพอให้มีกลิ่นหอมๆ"ยำพะโล้ไข่เค็ม (90 บาท)" ใช้ไข่เค็มต้มเป็นพะโล้ มายำกับพริกขี้หนูสวนและมะนาว แต่ไม่ทิ้งรสชาติของความเป็นพะโล้ อร่อยลงตัวสายส้มตำห้ามพลาดกับร้าน "หมูตกครก " ร้านอยู่ระหว่างซอยราษฎร์บูรณะ 24-22  เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-5804-2735

  • กะเพราตาแป๊ะ

    จัดจ้านในย่านอโศกต้องร้านนี้เลย "กะเพราตาแป๊ะ" เมนูตามสั่งขวัญใจทั้งคนไทยและต่างชาติ รสชาติเผ็ดซี้ดแน่นอน โดยจานหลักของที่ร้านคือกะเพราที่เริ่มต้นจากตาแป๊ะทำเมนูกะเพราส่งขายในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ และพัฒนาจนมาทำร้านกะเพราแบบจริงจังจนกลายเป็นร้านนี้ความเผ็ดซี้ดของกะเพราร้านนี้มาจากพริกถึง 5 ชนิด เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติ ประกอบไปด้วย พริกจินดาแดงแบบสด, พริกจินดาแห้ง, พริกไทยดำป่น, พริกขี้หนูสวน และพริกชี้ฟ้าเหลือง นอกจากพริกแล้วความพิเศษของกะเพราะที่ร้านคือใบกะเพราที่ใช้เป็นกะเพราแดงป่า จากสวนที่จังหวัดอ่างทอง กระเทียมใช้ทั้งแบบกลีบใหญ่ทำให้รสชาติดีและกระเทียมกลีบเล็กที่ให้ความหอม"กะเพราหมูสับ (60 บาท)" ใช้สันคอหมูที่มีมันแทรกมาแบบพอดี ทำให้นุ่มขนาดที่ว่ารวนหมูสับให้แห้งแต่ยังคงความฉ่ำข้างในกับซอสที่ผัดให้น้ำซอสซึมลงไปในหมู"กะเพราหมูบะช่อสูตรคุณยาย (140 บาท)" นึกถึงตอนคุณยายต้มแกง ปั้นหมูบะช่อลงไปเป็นก้อนใหญ่ๆ เลยลองนำมาผัดกับกะเพรากลายเป็นเมนูที่ห้ามพลาด ซึ่งหมูบะช่อปั้นก้อนก็ปรุงรสมาเรียบร้อยแล้วด้วยเครื่องเทศ พริกไทย รากผักชี และข่าอีกเมนูที่ควรลอง "ต้มหมูสับเกี่ยมบ๊วย (120 บาท)" รสชาติเปรี้ยวเค็มตัดเลี่ยน ซดได้ง่ายคล่องคอ"กะเพราปลากะพงทอดเผ็ดที่สุดในโลก (400 บาท)" เมนูกะเพราจากพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก คือแคโรไลน่า ริปเปอร์ เป็นพริกที่มีความหอมและเผ็ดที่สุดในโลกใครอยากพิสูจน์ความเผ็ดซี้ดของกะเพราจากร้าน "กะเพราตาแป๊ะ" ถนนอโศกมนตรี ตรงข้ามประสานมิตรพลาซ่า  ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-20.30 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติมโทร 09-1756-3724

  • Monster Yum

    ถ้าพูดถึงความแซ่บซี้ดก็คงนึกถึงอะไรไปไม่ได้นอกจากเมนูยำ และคราวนี้เปรี้ยวปากขอพาทุกคนมาจัดจ้านกันถึงย่านบรรทัดทองกับร้าน "Monster Yum" ร้านยำสุดแซ่บ พูดถึงยำก็ต้องนึกถึงปลาร้า ปลาร้าของที่ร้าน สะอาด ต้มสุก ปรุงเครื่องมาอย่างดี ไม่ต้องกลัวเหม็นคาว"ยำรวมมอนสเตอร์ (499 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน รวมทุกอย่างไว้ในจานเดียวครบ ทั้งหมูยอ ไส้กรอก ทะเล ปูม้า แซลอนสด หอยแครงลวก หอยนางรม ปลาหมึก กุ้ง และไข่แดงเค็ม"ยำหมูยอ (139 บาท)""ยำหอยแครง (169 บาท)" ทางร้านจะแกะหอยมาให้ครึ่งฝาก ล้างตัวหอยจนสะอาด"ยำคนละชั้น (159 บาท)" ยำหมูสามชั้นทอด หมูสามชั้นหมักอย่างดี หมูสามชั้นขนาดนำไปยำแล้วยังกรอบอยู่เลย"ยำไข่มอนสเตอร์ (129 บาท)" ไข่เยี่ยวม้าสีทอง ไข่แดงเป็นยางมะตูม เท็กเจอร์คล้ายๆ ไข่เยี่ยวม้าปกติ หน้าตาสวยงามน่าทาน"หมูคลุกฝุ่น (89 บาท)" หมูหมักข้าวคั่ว ทอดสุกพอดี ไม่แห้งแข็ง ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วร้าน "Monster Yum" สาขาบรรทัดทอง อยู่ที่ถนนบรรทัดทอง ตรงข้าม Stadium One ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1482-4242

  • ทอดมันกวางตุ้งสีนวล ทอดมันโบราณชิ้นยักษ์

    มาย่านเจริญกรุงแน่นอนว่าต้องนึกถึงเหล่าเมนูสตรีทฟู้ด และห้ามพลาดเลยกับความอร่อยระดับตำนานกว่า 30 ปี "ร้านทอดมันกวางตุ้ง สีนวล" ร้านทอดมันโบราณสูตรกวางตุ้ง ชิ้นใหญ่เท่าฝ่ามือ ด้วยส่วนผสมของเนื้อปลาอินทรีย์แท้และปรุงรสตามสูตรเฉพาะของทางร้านพร้อมทานกับข้าวสวยร้อนๆ ได้เลยทอดมันกวางตุ้งมีทั้งแบบ "ทอดมันกวางตุ้งสูตรดั้งเดิม (ชิ้นละ 10 บาท)" และแบบ "ทอดมันกวางตุ้งสูตรผสมพริกแกง (ชิ้นละ 10 บาท)""ขนมจีบฮ่องเต้ /จีบปู-จีบกุ้ง (ไม้ละ 50 บาท)""ซาลาเปาทอด /ไส้ครีม,ไส้หมูแดง,ไส้หมูสับ (ลูกละ 35 บาท)"มาเที่ยวเจริญกรุง ชมงานศิลป์ เดินเล่นแล้วหิวๆ ก็แวะมาทานทอดมันร้อนๆ กันได้ที่ร้าน "ทอดมันกวางตุ้งสีนวล" ร้านอยู่ถนนเจริญกรุง ตรงข้ามโรบินสันบางรัก ร้านเปิดทุกวันเวลา 8.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2701-1807

  • ชิงน์ อาริง อาริง Shing A Ring A Ring

    ร้านน้องใหม่แกะกล่องกับบรรยากาศสุดโรแมนติกที่ "ชิงน์ อาริง อาริง Shing A Ring A Ring" ที่นี่จำลองโบสถ์ไว้ในสวนสวยสไตล์ยุโรปพร้อมคอนเซ็ปต์ที่อยากให้ทุกคนกอบโกยเอาความสุขทั้งบรรยากาศและรสชาติอาหารอร่อยกลับไปเมนูที่ร้านจะเป็นอาหารไทยโบราณเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าคนไทย"เนื้อเค็มต้มกะทิ (250 บาท)" แกงโบราณที่หาทานยากมาก มักใช้เนื้อแดดเดียวหรือเนื้อเค็มมาต้มกับน้ำกะทิจนเข้าเนื้อและเปื่อยนุ่ม"ม้าฮ้อ+ม้าอ้วน (180 บาท)"  ของว่างไทยในรัชกาลที่ 2 ม้าฮ้อ เป็นเครื่องเคียงกินแกล้มกับผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว แต่ที่นี่มีส้มสดให้ด้วย เวลากินทำให้รู้สึกสดชื่นในทุกคำ ม้าอ้วน คล้ายหมูเด้งปรุงรส ราดด้วยไข่แดง แล้วนึ่งจนฟู "เกี๊ยว 6 รส ชิงน์อาริงอาริง (220 บาท)" เกี๊ยวหลากรสในเสิร์ฟเดียว มีทั้งเกี๊ยวไส้ไข่ปู ไข่เค็ม กุ้ง หมู เนื้อปู และไข่กุ้ง เอกลักษณ์อยู่ที่น้ำจิ้ม เต้าหู้ยี้ กระเทียมโทนดอง ทำให้ทานได้รสเปรี้ยวหวาน"คอหมูย่างผัดไข่เค็มไชยา (180 บาท)" ใช้สันคอหมูคุโรบุตะ นำไปหมักและย่างมาแบบนุ่มๆ ผัดเข้ากับไข่เค็มไชยาที่จัดมาให้แบบเน้นๆ ได้รสชาติที่ทานกับข้าวก็อร่อย"ชิงน์อาริงน้ำพริกหมูย่าโม (180 บาท)" เผาวัตถุดิบเครื่องเทศทุกอย่างก่อนตำเพื่อให้กลิ่นของวัตถุดิบออกมาแบบเต็มๆ แล้วเอาไปผัดกับหมูสับ เคียงกับผักอย่างขมิ้นขาว มะเขือ แตงกวา"Love You Fruity Much (320 บาท)" เจแปนนิสชีสเค้ก สอดไส้ด้วยครีมเนยสดและผลไม้สด "Make Me Nuts (320)" เจแปนนิสชีสเค้ก สอดไส้และปาดด้วยครีมถั่ว แต่งหน้าด้วยผลไม้อบแห้ง ได้ความหวานนุ่มของเนื้อเค้ก หอมความมันจากถั่วต่างๆ และตัดความเปรี้ยวนิดๆ ด้วยผลไม้แห้ง ร้าน "ชิงน์ อาริง อาริง Shing A Ring A Ring" อยู่บนถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ตรงข้ามตลาดสนามหลวง 2 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-00.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5665-6994

  • คาเฟ่สไตล์ตุรกี พระนครแซ่บ คาเฟ่

    คาเฟ่เปิดใหม่ในอยุธยาที่ดังมากในโซเชียลกับร้าน "พระนครแซ่บ คาเฟ่" มาในสไตล์อาหรับที่เจ้าของร้านได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศตุรกี มีจัดมุมไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันได้แบบเพลินๆ และนอกจากตัวร้านที่มาในสไตล์อาหรับแล้วยังมีขนมสไตล์ตุรกีและอาหารอีสานแซ่บๆ อีกด้วยตัวร้านแบ่งออกเป็นทั้งหมด 2 ชั้น ฝั่งคาเฟ่(ชั้นบน) สามารถนำขนมขึ้นมาทานได้เท่านั้น ตกแต่งในสไตล์อาหรับสวยๆ และมีอุปกรณ์ตกแต่ง เช่น สร้อย ผ้า ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาใส่ถ่ายรูปสวยๆ และฝั่งร้านอาหาร(ชั้นล่าง) จะมีบริการห้องแอร์ไว้ให้นั่งทานอาหาร"Turkish Coffee (120 บาท)" เซตกาแฟตุรกีพร้อมขนตุรกีที่อิมพอร์ตมาจากประเทศตุรกี "เซตชาทับทิม (100 บาท)" ชาทับทิมมาพร้อมขนมจากตุรกีหรือ "Turkish Delight (ซื้อแยกชิ้นละ 15 บาท)" ตัวขนมค่อนข้างหวานและมีสีสันสวยงามเหมาะทานคู่กับชาให้ตัดรสชาติกัน"ตำหลวงพระบาง (50 บาท)" "ออเดิร์ฟอีสาน (180 บาท)""แกงเห็ด (80 บาท)"ใครแวะมาอยุธยาต้องไม่พลาดมาเช็คอินกันที่ร้าน "พระนครแซ่บ คาเฟ่" ร้านอยู่ห่างจากแยกทุ่งมะขามหย่อง 400 เมตร จ.อยุธยา ฝั่งคาเฟ่ เปิดเวลา 8.30-18.00 น. และ ฝั่งร้านอาหาร เปิดเวลา 10.00-20.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่ม โทร. 08-9171-7068

  • ก๋วยเตี๋ยวเรือเสือร้องไห้ ก๋วยเตี๋ยวเรือสไตล์คาเฟ่

    มาอยุธยาก็ต้องไม่พลาดแวะทานเมนูก๋วยเตี๋ยวเรือ แต่ร้านนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือแบบเข้ายุคสมัยมาก เป็นแนวกึ่งคาเฟ่สวยๆ กับ "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเสือร้องไห้" ที่เจ้าของร้านอยากทำร้านให้สะดวกกับทุกคนในครอบครัว ไม่ร้อน นั่งสบาย ผู้ใหญ่เด็กมาได้หมดถึงร้านจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือแนวคาเฟ่แต่สูตรอาหารก็คงรสชาติอร่อยแบบคนอยุธยาเพราะว่าแม่ครัวเป็นคนอยุธยาแท้ๆเริ่มด้วยเมนู "เส้นเล็กหมูน้ำตก (55 บาท)" เส้นเล็กเหนียวนุ่ม เสิร์ฟมากับน้ำซุปเลือดหมูสดๆ พร้อมเครื่องเคียงมากมาย"ลิ้นวัวย่าง (180 บาท)" เสิร์ฟพร้อมพริกเกลือมะนาว และน้ำจิ้มซีฟู้ด"เสือร้องไห้ฉ่าน้ำปลา (150 บาท)" เนื้อเสือร้องไห้ติดมัน หมักมานุ่มๆ มาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดพริกตำ และไข่ดองน้ำปลา"กะเพราคอหมูย่าง (75 บาท)" ผัดมาแห้งกำลังดี หอมใบกะเพรา ทานคู่กับไข่ดองน้ำปลา"เกาเหลาหมูน้ำตก (หม้อไฟ 150 บาท)""เกี๊ยวกรอบทรงเครื่อง (40 บาท)" แป้งเกี๊ยวไส้หมูเด้งโรยด้วยผักกุยช่ายชุบแป้งทอดมาเที่ยวอยุธยาลองแวะมาทานก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยๆ บรรยากาศสวยๆ ได้ที่ "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเสือร้องไห้" ร้านอยู่ตรงข้ามสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.อยุธยา เปิดทุกวัน 10.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2408-4848

  • อบอวล (ประชาชื่น)

    อีกหนึ่งร้านอร่อยย่านประชาชื่น "ร้านอบอวล" ที่เด็ดเรื่องเมนูอบวุ้นเส้น มีให้ท็อปปิ้งให้เลือกหลากหลาย ทั้งกุ้ง ปู หอย เบคอน ลูกค้าสามารถเลือกความอร่อยลงหม้อเองได้เลย ตัววุ้นเส้นที่ใช้ก็เป็นวุ้นเส้นจากถั่วเขียวแท้ 100% วุ้นเส้นจะไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอล สาวๆ ทานได้ไม่มีอ้วน ที่ร้านคัดมาเฉพาะแต่วัตถุดิบคุณภาพ และเป็นสูตรอบวุ้นเส้นที่คิดค้นขึ้นมาเองในครอบครัว"กุ้งลายเสืออบวุ้นเส้น (189 บาท)" กุ้งลายเสือตัวอวบๆ ส่งตรงจากมหาชัยทุกเช้า ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดเพิ่มความอร่อยเด็ด"ปูก้อนอบวุ้นเส้น (189 บาท)" เนื้อปูใส่มาแน่นๆ สดๆ ส่งตรงจากสุราษฎร์ธานีทุกวัน"อบรวมทะเล (299 บาท)" ใส่มาทั้งหอยแมลงภู่ กุ้งลายเสือ ไข่กุ้ง เนื้อปูก้อน"ข้าวปูคั่วพริกเกลือ (219 บาท)""ผัดหมี่กระเฉดกุ้ง (99 บาท)" อีกหนึ่งเมนูที่ลูกค้าสั่งกันเยอะมากๆ ที่ร้านเลือกกระเฉดแบบกรอบไม่เหนียวไม่แข็ง มาพร้อมกุ้งลายเสือตัวโตๆ เต็มคำตามมาอิ่มอร่อยกันได้ที่ "ร้านอบอวล" อยู่ถนนประชาชื่น ปากซอย 17 เปิด 11.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9222-1485 ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook หรือ Line@: @aobauan_aobauan

  • TOOK PAK ถูก-ปาก เมนูอร่อยเหมือนรสมือแม่

    "TOOK PAK ถูก-ปาก" ร้านดังจากลำปาง มาพร้อมคอนเซ็ปต์เมนูอร่อยเหมือนคุณแม่ทำให้ทานหรือ Home Cooking นั่นเอง วันนี้ส่งตรงความอร่อยมาให้ทุกคนได้ลิ้มลองกันที่ใจกลางสามย่าน ที่มีดีกรีรางวัล Trip Advisor Awards ถึง 2 ปีซ้อนบรรยากาศภายในร้านเน้นการตกแต่งโทนสีสันสดใส มีกระจกใสรอบๆ เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ และตกแต่งด้วยโคมไฟดีไซน์เก๋ๆ ดูโปร่งโล่งสบาย"ข้าวผัดกองทัพปู (350 บาท)" จัดปูมาให้แบบเน้นๆ ไม่มีกั๊ก รวนด้วยไฟแรง หอมกลิ่นกระทะ"ปูจ๋า (320 บาท)""ไข่เจียวปูก้อน (280 บาท)" กรรเชียงปูก้อนแทรกอยู่ทุกอณูของไข่ ทำเป็นก้อนปอนด์เหมือนเค้ก"หมูผัดกะปิ (150 บาท)" กะปิที่ใช้เป็นสูตรเฉพาะที่มีความหอม เหมาะกับการทำหมูผัดกะปิโดยเฉพาะ"ผัดสามเหม็น (180 บาท)" เมนูไทยๆ คล้ายผัดวุ้นเส้น เมนูนี้ประกอบไปด้วยสามเหม็นอย่าง ชะอม สะตอ และกระเทียมโทนผัดกับกุ้งใครอยากอร่อยกับเมนู Home Cooking แบบนี้ ตามมาได้ที่ร้าน "TOOK PAK ถูก-ปาก"  อยู่ในโครงการ Stadium One เปิด 10.00-21.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1635-5667 หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Line@: @tookpak

  • สว่างบะหมี่ก้ามปู ร้านบะหมี่ระดับตำนาน

    เสิร์ฟความอร่อยแบบไม่เผ็ด แต่รับรองเด็ดทุกเมนู มีให้เลือกเพียบ!!คัดสรรวัตถุดิบชั้นยอด เตรียมต้อนรับลูกค้าที่มาเยือน ให้ได้กินของดีของอร่อยร้านเก่าแก่ เพิ่มสาขาใหม่ บนแลนมาร์คยอดฮิต WRU พร้อมพงษ์ ขนมจีบ ติ่มซำ ทำสดใหม่!! มั่นใจว่าได้กินของอร่อยชัวร์ๆเมนูบะหมี่หมูแดง เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม มาพร้อมหมูแดงย่างเตาถ่านหอมๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปหอมหวาน เข้ากันสุดๆเมนูเกี๊ยวกุ้งน้ำ เมนูเบาๆ แต่ความอร่อยไม่เบาเลยจ้า เพราะในชามมีเกี๊ยวกุ้งชิ้นใหญ่ เคี้ยวเต็มคำ รสชาติหวานกลมกล่อมเมนูข้าวผัดหมูย่างเตาถ่าน เมนูข้าวยอดฮิต เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ก็ชอบ กินยังไงก็ไม่มีเบื่อ เมนูข้าวผัดปู  เนื้อปูทะเลหวานๆ ผัดกับข้าว ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ตสูตรเด็ดของร้าน เอ้า!!! วางช้อนไม่ลงแล้วจ้า โต๊ะรองรับมีเยอะ ไม่ต้องกลัวไม่มีที่นั่ง บรรยากาศดี แถมรอบข้างยังมีร้านของหวานอื่นๆ ไปที่เดียวคุ้มจริงๆ 

  • ครัวบุญปาก แซ่บคักกับอาหารอีสานสุดจัดจ้าน

    อร่อยบอกต่อขอมาเติมความแซ่บที่ร้าน "ครัวบุญปาก" เจ้าแม่เดลิเวอรี่อาหารอีสานที่เพิ่งจะมีหน้าร้านอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน วัตถุดิบคัดของดีจากทั่วไทยทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก แต่ละเมนูก็จะมีของดีของเด็ดตามฤดูกาลมาเป็นวัตถุดิบ บางเมนูเป็นเมนูที่หาทานได้ยาก อย่าง ปลาช่อนพุงไข่ ที่จะสามารถหาทานได้เพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น"มั่วยั่วลงเล (390 บาท) " เมนูจานเด็ดเป็นตำโคราชแต่ใส่สารพัดซีฟู้ดลงไป คอส้มตำห้ามพลาด"ยำปูนาไข่ดอง (250 บาท)" ปูนาจะมันเป็นพิเศษ และเก็บสดๆ คลีนปลอดสาร ทางร้านนำมาดองเองสูตรพิเศษแล้วก็นำมายำ โดยยำที่ร้านจะแตกต่างจากยำเจ้าอื่นเพราะใช้เป็นปูนาดอง ยิ่งมันปูเคาะออกมาคลุกข้าวอร่อยมากๆ"ขนมจีนพุงไข่ปลาช่อน (550 บาท)" อีกหนึ่งเมนูเฉพาะฤดูกาลที่ต้องบอกว่ามีทานเพียงปีละครั้งเท่านั้น ทั้งพุงปลาช่อนและไข่มันๆ ที่สำคัญเป็นปลาช่อนบ่อดิธรรมชาติ"แกงจืดปลาหมึกยัดไส้ (250 บาท)" ปลาหมึกยัดไส้หมูสับสูตรของทางร้าน ซดน้ำแกงจืดๆ แก้เผ็ดได้ดีเชียวอร่อยแซ่บแถมมีเมนูหาทานยากแบบนี้ ใครอยากมาตามรอยมากันได้ที่ "ร้านครัวบุญปาก" ซอยพระรามเก้า 62 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.30-20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2636-6454 หรือทาง Line@: @bunya_bunpak

  • ไทยนิยม ร้านอาหารไทยรวมทุกภาคตั้งแต่เหนือจรดใต้

    "ร้านไทยนิยม" ร้านอาหารไทยที่เสิร์ฟอาหารไทยตั้งแต่ภาคเหนือจรดใต้ แล้วแต่ละเมนูยังปรุงพิเศษสูตรเฉพาะของทางร้านให้ความแตกต่างจากรสชาติเดิมๆ และที่สำคัญยังเป็นร้านอาหารไทยที่ได้รับการันตีระดับมิชลิน บิบกูร์มองด์ 2 ปีซ้อนอีกด้วยนอกจากร้านไทยนิยมจะเสิร์ฟอาหารแบบเหนือจรดใต้แล้ว ทางร้านยังเตรียมวัตถุดิบเองทุกอย่างตั้งแต่เครื่องแกงที่ตำเอง ไส้อั่วที่ยัดไส้เอง จึงมีรสชาติอาหารที่จัดจ้านและตอบโจทย์สำหรับเหล่าครอบครัวตอนนี้ที่ร้านมีคอนเซ็ปต์อาหาร "สิงห์เหนือเสือใต้"  ที่จะนำอาหารที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ เช่น น้ำพริกอ่อง, น้ำพริกหนุ่ม, ไส้อั่ว มาเจอกับอาหารใต้ เช่น แกงเหลืองปลากะพง, แกงปูเส้นหมี่, หมูฮ้องมาเริ่มกันด้วยสิงห์เหนืออย่าง "ชุดเชียงใหม่คอมโบ (390 บาท)" ชุดรวมมิตรของอร่อยจากเชียงใหม่ ประกอบไปด้วย ไส้อั่วสูตรไทยนิยม, หมูสามชั้นทอดกาดหลวง, แคปหมู, น้ำพริกหนุ่ม, น้ำพริกอ่อง และผักเครื่องเคียงต่างๆต่อด้วยเสือใต้กับเมนู "แกงเหลืองปลากะพงหน่อไม้ดอง (275 บาท)" เมนูเด็ดที่มิชลินแนะนำ! ปลาที่ใช้เป็นปลากะพงษ์ยักษ์จากทะเลอันดามันกับหน่อไม้ดองและเครื่องแกงสุดแซ่บตำรับไทยนิยม"แกงปูใบชะพลู เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่ (390 บาท)" แกงคั่วเนื้อปูแน่นๆ ในกะทิเข้มข้น"หมูฮ้อง (220 บาท)" แกงพะโล้ของภาคใต้ เคี่ยวหมูจนเปื่อยจนน้ำซอสซึมเข้าไปในเนื้อหมูอร่อยถึงเครื่องแบบนี้ต้องห้ามพลาด "ร้านไทยนิยม" อยู่ในเวิ้งทางเข้าอาคารมหาทุน พลาซ่า ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2044-1010 หรือติดต่อทาง Line@: @thainiyombkk

  • The Hay - Equestrian Center & Eatery คาเฟ่น้องม้า

    อีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ย่านบางบอนกับร้าน "The Hay - Equestrian Center & Eatery" ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ในโรงเรียนสอนขี่ม้าที่ใครชอบสายกิจกรรมสนุกๆ อิงธรรมชาติเบาๆ ต้องห้ามพลาด เป็นร้านที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว ที่สำคัญมีกิจกรรมขี่ม้าให้ได้ลองฝึกกันอีกด้วยจุดเริ่มต้นของร้านนี้เกิดจากครอบครัวที่ชอบการขี่ม้าและมีพื้นที่ซึ่งปล่อยม้าเลี้ยงเอาไว้ จึงคิดจะทำเป็นพื้นที่ที่ได้ประโยชน์เลยเปิดเป็นโรงเรียนสอนขี่ม้า มีม้าแคะไว้ต้อนรับทักทายอยู่ด้านหน้า และก็มีร้านอาหารไว้สำหรับบริการลูกค้าทั้งที่มาเรียนหรืออยากมานั่งทานอาหารชมน้องม้ากันด้วยถ้าใครสนใจอยากจะมาเรียนขี่ม้าก็สามารถเข้ามาเรียนได้ ที่นี่รับสอนตั้งแต่คนที่ยังไม่มีพื้นฐานการขี่ม้ามาก่อนเลยจนถึงคนที่มีประสบการณ์ มีคอร์สให้เลือกหลายแบบทั้งเรียนเป็นรายครั้งหรือเป็นคอร์สยาวๆ ก็สามารถเลือกได้ด้วยความที่เป็นฟาร์มม้าภายในร้านอาหารจึงตกแต่งในสไตล์เคบินไม้แถบสแกนดิเนเวีย และเพดานที่สูงให้ความรู้สึกโล่งสบาย นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ใหญ่ภายในร้านช่วยเพิ่มความสดชื่นอีกด้วย เมนูอาหารก็มีหลากหลายทั้งยุโรป อาหารไทยกลาง และอาหารใต้เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ "ปลาหมอจุกเคย (290 บาท)" เป็นเมนูอาหารใต้พื้นบ้านจากอำเภอเชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยใช้ปลาหมอมายัดไส้กะปิ(เคย) ที่ตำกับเครื่องเทศ แล้วนำปลาไปทอดจนกรอบเมนูอาหารใต้ขายดี  "น้ำพริกกุ้งเสียบ (280 บาท)" ใช้กุ้งตัวใหญ่ตำกับสูตรน้ำพริกของเชฟที่เป็นคนใต้แท้ๆ อร่อยถึงเครื่องแน่นอนอีกหนึ่งเมนูทานเล่น "Pizza Mustang & Percheron (490 บาท)" มาถึงฝั่งอาหารยุโรป "สเต๊กปลาหิมะซอสแซฟฟรอน (680 บาท)" เหมาะสำหรับคนรักเมนูสเต็ก"ต้มยำกุ้งแม่น้ำ (380 บาท)" เมนูภาคกลางที่ต้องสั่งกันทุกโต๊ะ ใช้กุ้งแม่น้ำไซส์ใหญ่ ตัวน้ำต้มยำเป็นสูตรของทางร้านเอง อร่อยเข้มข้นทั้งอิ่มอร่อยและได้ทำกิจกรรมสนุกๆ มากันได้ที่ร้าน "The Hay-Equestrain Center & Eatery" ซอยเอกชัย 131 เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2408-3672

  • อาอู๊กี่ บะหมี่เกี๊ยว สุดยอดบะหมี่กวางตุ้ง

    "ร้านอาอู๊กี่ บะหมี่เกี๊ยว" บะหมี่กวางตุ้งออริจินัลจากจงซาน ประเทศจีน ที่ตกทอดมากว่า 100 ปี บะหมี่ที่นี่จะเส้นเล็กและทำจากไข่เป็ด ความพิเศษของเส้นประเภทนี้คือถ้าใส่น้ำซุปเข้าไปจะไม่ขึ้นอืดง่ายและสีจะไม่ซีดนอกจากเส้นบะหมี่ที่ทำเองแล้วเกี๊ยวก็ยังเป็นโฮมเมดอีกด้วย โดยเกี๊ยวจะมีทั้งหมด 2 ไส้ คือ 'เกี๊ยวกุ้งผสมหมู' จะใช้กุ้ง 1 ตัวต่อเกี๊ยว 1 ลูก ผสมกับน้ำมันงาทำให้หอมมากยิ่งขึ้น และ 'เกี๊ยวหมู'  ซึ่งจะมีขนาดลูกที่เล็กกว่า'หมูแดง' ก็เด็ดไม่แพ้กันเพราะนำหมักเข้าเนื้อให้ดีก่อนจะนำไปย่างในเตาถ่านจนหอมและนุ่ม ท็อปด้วยปูก้อนแน่นๆ"บะหมี่หมูแดง (เริ่มต้น 40 บาท)""บะหมี่หมูแดงเกี๊ยวกุ้งเนื้อปู (170 บาท)"ใครที่ชื่นชอบเมนูบะหมี่ไข่ เครื่องแน่นๆ มากันได้ที่ "ร้านอาอู๊กี่ บะหมี่เกี๊ยว" ซอยเอกชัย 51 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น.(หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2453-2043

  • ข้าวต้มปลา ครัวบ้านเจ๊ใหญ่

    ใครผ่านไปผ่านมาบนถนนเส้นบางบอนจะต้องเห็นร้านสตรีทฟู้ดริมทางเด็ดๆ ที่เรียงรายกันโชว์ความสดของอาหารทะเลโดยเฉพาะร้านข้าวต้มซีฟู้ดอย่าง "ร้านข้าวต้มปลา ครัวบ้านเจ๊ใหญ่""ปูทะเลผัดพริกเกลือ (ราคาตามน้ำหนัก/ ราคากิโลกรัมละ 1,800 บาท)" ปูทะเลตัวใหญ่ๆ เนื้อแน่นๆ สั่งสดใหม่ทุกวันโดยปูที่ใช้เป็นปูทองหลาง  แล้วนำมาผัดสไตล์พริกเกลือสูตรของทางร้าน"กุ้งแม่น้ำเผา (ราคาตามน้ำหนัก/ ราคากิโลกรัมละ 1,400-1,800 บาท)" เป็นกุ้งตกธรรมชาติ ส่งตรงจากอัมพวา จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรแซ่บของทางร้าน"ต้มยำปลาคัง (260 บาท)" ใช้ปลาคังแม่น้ำจากนครสวรรค์ จังหวัดนี้ขึ้นชื่อเรื่องปลาแม่น้ำ ชิ้นใหญ่ เนื้อแน่น"ข้าวต้มรวมมิตร (200 บาท)" มีทั้งปลาเก๋า กุ้ง และหอยนางรม"แกงคั่วไข่ปลาริวกิวหน่อไม้ดอง (400 บาท)" "ข้าวผัดมันปูพริกสด (100 บาท)" "ร้านข้าวต้มปลา ครัวบ้านเจ๊ใหญ่"  อยู่ริมถนนกาญจนาภิเษก ติดประกันสังคมเขตพื้นที่ 7 ร้านเปิดวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 14.00-23.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 12.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9033-8767

  • ครก KROK สารพัดข้าวน้ำพริกฝีมือเชฟมิชลิน

    "ร้านครก (KROK)" โปรเจกต์ความอร่อยที่เป็นการรวมกันของคุณเสือ คุณวา และทีมเชฟจากร้าน 80/20 อย่างเชฟโจ เชฟณิว และเชฟซากิ แตกไอเดียเป็นร้านที่จับต้องได้ ขายเมนูสามัญประจำบ้านที่กินได้ทุกวันอย่าง “น้ำพริก” พร้อมด้วยเครื่องเคียงและผักพื้นบ้านเมนูน้ำพริกเป็นอาหารที่อยู่คู่คนไทยมานาน แต่เหล่าเชฟมีดีกรีมิชลินสตาร์ทั้งที เมนูง่ายๆ จึงเต็มไปด้วยความพิเศษ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ ทั้งเนื้อสัตว์ เครื่องปรุง ผักต่างๆ ถูกทำมาในรูปแบบใหม่แล้วนำมาจัดเป็นเซตเก๋ๆ ทำให้ทานง่ายมากขึ้น และกิมมิคพิเศษอีกอย่างของร้านคือสามารถ 'สร้างจานของตัวเอง' ได้ โดยเลือกน้ำพริก โปรตีน และเครื่องเคียงต่างๆ ตามเมนูได้เลย"ข้าวไก่แดงน้ำพริกกุ้งเสียบ (150 บาท)" น้ำพริกกุ้งเสียบทำจากกุ้งแห้งและกะปิคุณภาพดี ตากให้แห้ง คลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ตำกับครกจนได้น้ำพริกกุ้งเสียบฉบับร้านครก ส่วนของไก่ใช้สะโพกไก่ออร์แกนิคจากฟาร์มไก่ มาหมักกับข้าวอังคัก(ข้าวแดงหมัก) และเครื่องเทศต่างๆ แล้วนำไปตุ๋น 1 ชั่วโมง แล้วนำมาย่างด้วยเตาถ่านทำให้มีกลิ่นถ่านในเนื้อไก่ด้วยทานคู่กับข้าวหอมมะลิจากยโสธร ไข่ซูวีระดับไข่ออนเซ็น รวมทั้งผักสดและผักลวกออร์แกนิค"ชุดซุปเปอร์เมกะครก (450 บาท)" เป็นชุดเอาใจคนชอบน้ำพริก เพราะจะได้น้ำพริกถึง 4 แบบด้วยกัน น้ำพริกกุ้งเสียบ, น้ำพริกมะเขือเผา, น้ำพริกปลาย่าง, น้ำพริกกะปิ และผักสามารถเลือกได้ตามชอบ โดยผักจะถูกเปลี่ยนไปตามฤดูกาล มาพร้อมข้าวผัดกระเทียม 2 จาน และไข่ออนเซ็น "ข้าวเต้าหู้ตุ๋นซอสขิงน้ำพริกมะเขือเผา (120 บาท)" น้ำพริกมะเขือเผา ใช้ส่วนผสมหลักคือ มะเขือยาว, พริกจินดา, หัวหอมแดง นำมาย่างเตาถ่านแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงด้วยเครื่องเทศ ตำให้เข้ากัน ส่วนเต้าหู้ตุ๋น ใช้เต้าหู้ขาวมาตุ๋นให้พอเหมาะ แล้วนำไปทอดชั่วครู่เพื่อให้มีส่วนนอกของเต้าหู้นั้นมีความกรอบ ราดด้วยซอสขิงเคี่ยว เมนูนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ เพราะไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทั้งส่วนของโปรตีนและน้ำพริก ทานคู่กับไข่เจียวร้อนๆ เข้ากันมากไอศกรีมเมนูใหม่ฝีมือเชฟซากิ "ไอศกรีมโฮมเมด (80 บาท)" ตัวเนื้อไอศครีมเป็นรสไวท์มอลต์ และช็อคโกแลต ซึ่งเป็น 70% ดาร์คช็อกโกแลต ราดด้วยน้ำปลาคาราเมล และท็อปปิ้งด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์เคลือบน้ำตาลไอซิ่ง จากนั้นโรยด้วยน้ำพริกชิโอะโคจิสูตรของทางร้านครับ "ร้านครก (KROK)" อยู่บนถนนโยธา แขวงตลาดน้อย เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8940-3406

  • บ้านลลิณ

    "บ้านลลิณ" คาเฟ่อาหารไทยสไตล์ Comfort Food ที่มีความอร่อยระดับติดดาวด้วยฝีมือสองสาวจาก MasterChef Thailand พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้แก่ทุกท่านด้วยสารพัดเมนูอาหารไทยทานง่าย ท่ามกลางบ้านไม้เก่าแก่สุดคลาสสิกและวิถีชีวิตชีวิตของคนในชุมชนย่านพระนครบ้านลลิณ เกิดจากไอเดียของ คุณพลอย-ณัฐณิชา บุญเลิศ และ คุณน้ำฝน-ลักษณาวดี ศรีพรสวรรค์ สองสาวเพื่อนรักจากรายการ MasterChef Thailand ตัดสินใจมาเปิดร้านอาหารแห่งนี้ด้วยกัน โดยนำเอาความถนัดด้านอาหารที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารไทยทานง่ายสไตล์น้ำฝน หรือขนมหวานและเครื่องดื่มแบบไทยประยุกต์สไตล์พลอยบ้านลลิณเป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนตรอกศิลป์-ตรอกตึกดิน ย่านพะรนคร รอบๆ ตัวบ้านเป็นสนามหญ้าสุดร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้และพืชผักสวนครัวที่ทางร้านลงมือปลูกเอง และใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารโดยดอกไม้ที่นำมาตกแต่งนั้นสามารถทานได้ทั้งหมดตัวบ้านลลิณมีทั้งหมด 2 ชั้น บริเวณชั้้นล่าง มีโซนเคาน์เตอร์บาร์ให้นั่งทานอาหาร รายล้อมไปด้วยของตกแต่งร้านแนวย้อนยุค ทั้งของเล่นและเครื่องดื่มยอดฮิตในอดีต ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในวัยเด็กตามมาด้วยบรรยากาศสบายๆ บริเวณชั้น 2 ของบ้านไม้ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้แนววินเทจที่ถอดแบบความเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อนออกมาได้อย่างดีนอกจากเมนูอาหารไทยต่างๆ แล้วทางร้านยังเปิดให้ทานอาหารไทยในรูปแบบ "โอมากาเสะไทย" อีกด้วย โดยเปิดให้จองเฉพาะรอบวันเสาร์-อาทิตย์ ทุกสิ้นเดือน มีจำนวน 10 เมนู ราคาท่านละ 2,500 บาทเริ่มทานกันด้วยเมนู "ปลาแห้งแตงโม (69 บาท)" ของว่างโบราณที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของหวาน เมนูนี้จะเอาปลาย่างไปคั่วจนแห้งกรอบ แล้วปรุงรสด้วยสูตรของทางร้าน ยิ่งอากาศร้อนๆ สั่งมาทานจะรู้สึกสดชื่นมากๆสาย Vegan จะต้องชอบจานนี้ "ปอเปี๊ยะเห็ดหอมทอด (69 บาท)" ไส้ปอเปี๊ยะคุณยายของคุณพลอยเป็นคนลงมือผัดไส้เอง ตามสูตรของคุณยาย ไส้ปอเปี๊ยะจะมีทั้งเห็ดหอม วุ้นเส้น และผักต่างๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มไก่ และผักสด"ก๋วยเตี๋ยวผัดไข่เค็มกุ้ง (129 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เป็นเมนูกึ่งๆ ผัดผงกะหรี่และผัดไข่เค็ม จุดเด่นอยู่ที่ผัดจานต่อจานด้วยไฟแรงจนแห้ง ทำให้มีกลิ่นหอมของกระทะ ใส่หอมใหญ่ พริกชี้ฟ้า ขึ้นฉ่าย ต้นหอม และโรยด้วยกระเทียมเจียว ให้รสชาติเข้มข้น หอมมันจากไข่เค็มแดง มีกลิ่นผงกระหรี่แซมด้วยนิดๆ"ข้าวคอหมูย่าง ไข่ต้มผักสด (99 บาท)" จานนี้ทีเด็ดอยู่ที่คอหมูย่าง ที่จะนำหมูไปหมักก่อนและนำเข้าเครื่องซูวีนานถึง 6 ชม. เสร็จแล้วจึงนำมาย่าง เนื้อหมูที่ได้จึงนุ่ม ฉ่ำ และนิ่มมาก ทานคู่กับไข่ต้มยางมะตูมและผักสด เสิร์ฟพร้อมแจ่วมะขามเปียกสูตรของทางร้านส่วนเมนูขนมหวานเป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นเบเกอรี่และวัตถุดิบของไทยมารวมเข้าไว้ด้วยกัน เช่น นำวัตถุดิบหลักของขนมไทยบางชนิดมาเป็นส่วนผสมของเบเกอรี่ เริ่มด้วยเมนู "สโคนงาดำ น้ำตาลโตนด (69 บาท)" เป็นสโคนที่ใส่ผงงาดำคั่วลงไป ตรงกลางมีน้ำตาลโตนดเยิ้มๆ สูตรของทางร้าน เสิร์ฟคู่กับซอสกะทิควันเทียน รสชาติหอม มัน และเครื่องดื่มสไตล์ไทยประยุกต์ "น้ำผึ้งส้มจี๊ด (69 บาท)" ส้มที่ใช้มาจากสวนของบ้านน้ำฝนและพลอย ปลอดภัยเรื่องสารพิษ เป็นออร์แกนิค 100% ใส่ส้มเป็นลูกๆ คั้นสดๆ พร้อมน้ำผึ้ง ดื่มแล้วสดชื่น ชุ่มคอ"เค้กแตงไทยน้ำกะทิ (79 บาท)" ตัวนี้คุณพลอยได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูขนมไทยอย่างแตงไทยน้ำกะทิ ตัวเค้กจะเป็นเนื้อบัตเตอร์ผสมกับเนื้อแตงไทยเป็นชิ้นๆ ราดด้วยซอสกะทิควันเทียนและเครื่องดื่ม "บ๊วยแตงโมโซดา (69 บาท)" ใช้บ๊วยดอง ใส่ไซรัปแตงโม และโซดา รสชาติหวาน หอม เค็มนิดๆ ใส่น้ำมะนาวลงไปเพิ่มความสดชื่น ชุ่มคอใครที่อยากทานอาหารไทยในสไตล์คาเฟ่อบอุ่น ก็มากันได้ที่ร้าน "บ้านลลิณ" ตั้งอยู่ที่ ชุมชนตรอกตึกดิน-ตรอกศิลป์ ถนนดินสอ ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1333-5998

  • ก๋วยเตี๋ยวเรือ โกแบ๋น ก๋วยเตี๋ยวในสวนสุดร่มรื่น

    วันนี้เปรี้ยวปากขอพาทุกคนไปชิมก๋วยเตี๋ยวเรือในสวน "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ โกแบ๋น บางกร่าง-ในสวน" ที่ใครๆ ก็ประทับใจทั้งรสชาติและบรรยากาศในสวนสุดร่มรื่น"โกแบ๋น-พรชัย อ้นอุ่น" เจ้าของร้านเล่าให้ฟังถึงที่มาของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือในปัจจุบันว่า "เปิดขายก๋วยเตี๋ยวเรือมากกว่า 30 ปี แต่ก่อนเช่าที่เขาอยู่ แต่พื้นที่ตรงนี้เป็นของเราเองก็เลยเอามาทำเป็นร้าน ประกอบกับอยากให้ลูกค้ามากินแล้วสบาย ร่มรื่น เลยตั้งใจทำให้นั่่งกินในสวน แต่ราคายังเท่าเดิม ชามละ 15 บาท"ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ร้านมีให้เลือกทั้งหมูและเนื้อ ราคาชามละ 15 บาท แต่ถ้าพิเศษเครื่องแน่นๆ ราคา 40 บาทนอกจากนี้ยังมีอาหารทานเล่นอื่นๆ อีก ทั้งหมูสะเต๊ะ, เกี๊ยวทอด และขนมถ้วย ที่ใครๆ ต้องนึกถึงเวลาทานก๋วยเตี๋ยวเรือ"ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ โกแบ๋น บางกร่าง-ในสวน" อยู่ในซอย 80000 สามัคคี ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-2445-6966

  • Camin Cuisine & Cafe ครบเครื่องเรื่องอาหารใต้

    "ร้านขมิ้น Camin Cuisine & Cafe" ร้านอาหารใต้ที่ยกวัตถุดิบอาหารทะเล รวมถึงพริกแกงใต้แท้มารวมไว้ที่ร้านนี้เลย บรรยากาศสวนสวยร่มรื่น ตกแต่งด้วยกิมมิกศิลปะของทางใต้อย่างโคมไฟริ้วหางปลากัด บรรยากาศรอบๆ ร้านเป็นสไตล์สวนกลางเมือง ร่มรื่นสดชื่น มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียวขจี เหมาะกับการมาพักผ่อน พักสายตาในวันหยุด ภายในร้านตกแต่งสไตล์อบอุ่น รวมทั้งใช้เทคนิคงานศิลปะทางภาคใต้ในการตกแต่ง ซึ่งที่ร้านมีจุดเด่นที่โคมไฟโดยโคมไฟได้แรงบันดาลใจมาจาก หางของปลากัด ซึ่งเป็นสัตว์น้ำประจำชาติไทยและมีสายพันธุ์เฉพาะของภาคใต้ที่สีสวยงามมากนอกจากนี้ที่นี่ยังโดดเด่นในเรื่องอาหารใต้ที่เป็นรสชาติปักษ์ใต้แท้ๆ มีเมนูให้เลือกหลากหลายโดยทางร้านจะคัดสรรวัตถุดิบส่งตรงมาจากทางใต้เลย"น้ำปลาหวาน (เครื่องดื่ม 120 บาท)" "โกปิกอและ (เครื่องดื่ม 140 บาท)""ไก่กอและ (190 บาท)" เป็นอาหารมลายูปักษ์ใต้ เพราะคอนเซ็ปต์ของร้านคือเป็นอาหารใต้แท้ๆ แบบต้นตำรับ เมนูใต้แท้ๆ บางเมนูไม่ค่อยมีใครทำขายแต่ทางร้านยกมาให้ทุกคนได้ชิมกัน"ข้าวยำน้ำบูดู (160 บาท)" น้ำบูดูสูตรเฉพาะที่ส่งมาจากทางใต้โดยตรง รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมผักเคียง"ใบเหลียงผัดไข่ (150 บาท)" ใช้ใบเหลียงที่คัดเฉพาะยอดอ่อน ส่งตรงมาจากทางใต้เลย ผัดกับไข่และกระเทียม ปรุงรสชาติแบบต้นตำรับของทางใต้"ยำผักกูดกรรเชียงปู (550 บาท) " ใช้ผักกูดสด หวาน กรอบ คลุกกับน้ำยำสูตรปรุงพิเศษของทางร้าน กินกับกรรเชียงปูไซส์ใหญ่พิเศษเนื้อแน่น ส่งจากแพปลาโดยตรง"น้ำพริกระกำ (210 บาท) " น้ำพริกพื้นบ้านภาคใต้ ครบรสและยังมีกลิ่นหอมของระกำ ทานกับเครื่องเคียงหลากหลาย ทั้งหมูหวาน, กุ้งหวาน และปลากรอบ ทานคูู่กับผักกูดลวก, สะตอย่าง, สะตอดอง"ร้านขมิ้น Camin Cuisine & Cafe" อยู่ปากซอยประเสริฐมนูกิจ 2 ร้านเปิดทุกวัน 10.00 – 21.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5615-6615

  • ขนมจีนไหหลำโกหลุ่น

    "ร้านขนมจีนไหหลำโกหลุ่น" เปิดมากกว่า 20 ปี เป็นร้านขนมจีนสูตรไหหลำแท้ๆ ซึ่งเป็นของแปลกแต่อร่อยและหากินยาก โดยเจ้าของร้านเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำทั้งคู่ คือ 'คุณจรูญ จันทร์รัศมีวิไล หรือ โกหลุ่น' และภรรยา 'คุณมัสมณ จันทร์รัศมีวิไล'  จึงถือเป็นร้านแรกๆ ที่ขายขนมจีนไหหลำที่รับรองเลยว่าอร่อยเหมือนต้นตำรับแน่นอน'ขนมจีนไหหลำ' รูปร่างคล้ายก๋วยเตี๋ยวแต่เส้นคล้ายอูด้ง แต่ใหญ่กว่าสปาเก็ตตี้ มีความเหนียวนุ่มไม่เละ และไม่เปรี้ยว เพราะหมักไม่เหมือนขนมจีนทั่วไป ทางร้านจึงสั่งโรงงานผลิตให้เป็นไปตามสูตรของทางไหหลำแท้ๆ โดยขนมจีนไหหลำจะแบ่งออกเป็น 2 เมนู คือ น้ำใสและน้ำข้น เครื่องก็มีให้ทั้งหมูสด, กระเพาะหมู, หมูกรอบ, ผักดอง, ต้นหอม, งา, กระเทียมเจียว และทีเด็ดอยู่ที่ 'น้ำจิ้มกะปิไหหลำ'  ที่ทางร้านทำเองตามสูตรของไหหลำเช่นกัน รสชาติมีความเค็มและเผ็ดเข้ากันลงตัว จะจิ้มหรือราดลงไปในขนมจีนก็ได้ ตามแต่คนชอบ"ขนมจีนไหหลำน้ำใส (50 บาท)""ขนมจีนไหหลำน้ำข้น (50 บาท)"ใครอยากลิ้มลองความอร่อยของขนมจีนไหหลำสูตรต้นตำรับแท้ๆ มากันได้ที่ "ร้านขนมจีนไหหลำโกหลุ่น" ตั้งอยู่ปากซอยมหรรณพ 2 ใกล้ศาลเจ้าพ่อเสือ ย่านเสาชิงช้า ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 7.00-15.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9010-2123

  • อำไพโภชนา ตำนานความอร่อยเมืองปทุมธานี

    "อำไพโภชนา" ร้านดังของเมืองปทุมฯ ที่เป็นตำนานมากว่า 50 ปี กับเมนูเด็ดอย่าง 'ขาหมูตุ๋นยาจีน'  ที่โด่งดังตั้งแต่ขายอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย จนย้ายมาอยู่ที่ปทุมธานี โดยสูตรความอร่อยต่างๆ เป็นของคุณอำไพ ที่รับหาที่แม่ครัวใหญ่ ทำอาหารเอง โดยมีลูกชายคนเล็กเป็นลูกมืออยู่ในครัว ปัจจุบัน 'คุณแอน-รุ่งฬิยา เมฆนิมิตตานนท์' ลูกสาวคนเดียวของคุณอำไพ เรียนจบด้านการทำอาหารนานาชาติจากอเมริกาก็กลับมาช่วยงานที่ร้านนอกจากร้านอำไพโภชนาแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อนได้ลองออกไปเปิดตลาด มี Food Truck เป็นของตัวเอง เพราะร้านกำลังจะเปิดโรงงานขายขาหมูเลยอยากจะกระจายให้คนรู้จักร้านในหลายๆ พื้นที่ เน้นขายขาหมูหมั่นโถว ข้าวขาหมู Food Truck ออกขายทุกเย็น วันจันทร์,พุธ และศุกร์"ขาหมูตุ๋นยาจีน (300 บาท)" เป็นสูตรเก่าแก่ของทางร้าน ใช้เวลาตุ๋นอย่างต่ำ 10 ชั่วโมง กว่าจะได้ขาหมูเนื้อนุ่ม รสชาติกลมกล่อม ทานคู่กับ "หมั่นโถวนึ่ง/ทอด (20 บาท/ชิ้น)""ผัดวุ้นเส้นไหหลำ (80 บาท)" เป็นสูตรไหหลำแบบดั้งเดิมแท้ๆ ผัดกับเห็ดหอม เห็ดหูหนู ฟองเต้าหู้ และน้ำซุปสูตรของทางร้าน ผัดจนน้ำซุปแห้งและตัววุ้นเส้นดูดน้ำซุปที่รสชาติกลมกล่อมเข้าไป"สะตอผัดกุ้งกะปิ (120 บาท)""ออส่วน (120 บาท)" เมนูขายดีของทางร้าน ใช้หอยนางรมสดๆ"หอยลายผัดพริกเผา (100 บาท)""ต้มจืดเกี่ยมฉ่ายกระเพาะหมู (100 บาท)" ใช้เกี่ยมฉ่ายที่ดองเอง ต้มกับหมูสับที่ปั้นเป็นก้อนและกระเพาะหมูที่ล้างมาสะอาด ไม่เหม็นคาว ซดแล้วโล่งคอ"ร้านอำไพโภชนา" อยู่ในโครงการ M.T. City คลองหลวง ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4994-8985

  • หมูทอดบันบัน เค้กข้าวเหนียวหมูทอดสุดฮอต

    "ร้านหมูทอดบันบัน" ร้านดังในโซเชียลที่มีเมนูซิกเนเจอร์อย่างเค้กข้าวเหนียวหมูทอดก้อนโต แต่ก่อนมีขายแค่ทาง Facebook แต่ลูกค้าติดใจกันเยอะมาก จึงมาเปิดหน้าร้านซึ่งในปัจจุบัน มีถึง 3 สาขา คือ สาขารามคำแหง, สาขาโพธิ์แก้ว และสาขาบางใหญ่นอกจากเค้กข้าวเหนียวหมูทอดที่ฮอตฮิตแล้วยังมีเมนูหมูทอดให้เลือกอีกหลายแบบ เมนูยอดฮิตต้องยกให้หมูสามชั้นออริจินัล เมนูขายดีตลอดกาลของร้าน หรือว่าจะเป็นหมูสามชั้นก็มีให้เลือกทั้งแบบออริจินัลและทอดน้ำปลา ที่มีการหมักข้ามวันจนซอสซึมเข้าไปเนื้อหมู และสันคอหมูย่างก็ไม่ธรรมดา หมูนุ่ม รสชาติกลมกล่อม ย่างมาหอมกำลังดี แม้แต่ตัวข้าวยังผสมเองเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ทำให้ได้ข้าวที่หอมและนุ่มมาก"ข้าวราดหมูสามชั้นออริจินัล+สันคอหมูย่าง (50 บาท/ พิเศษ 60 บาท)" เพิ่ม "ไข่ดองซีอิ๊ว (15 บาท)" และ "ต้มยำขาหมู (69 บาท)""ข้าวราดสันคอหมูทอด+หมูสามชั้นทอดน้ำปลา (50 บาท/ พิเศษ 60 บาท)" และ "ฟักไก่มะนาวดอง (69 บาท)""เค้กหมูสามชั้นออริจินัล+สันคอหมูทอด (699 บาท)" เมนูเด็ดที่โด่งดังในโซเชียล เหมาะสำหรับสั่งในโอกาสพิเศษ หรือคนที่ชอบทานหมูทอด เด็ดจนมีออเดอร์แน่นทุกวัน ใครที่อยากทานต้องสั่งกันล่วงหน้าเลยทีเดียวสาวกหมูทอดต้องมาลองชิม "ร้านหมูทอดบันบัน สาขารามคำแหง" อยู่ในซอยรามคำแหง 24 แยก 30 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3694-4156

  • ก๋วยจั๊บอุบลนิยมโภชนา ก๋วยจั๊บญวนย่านรามคำแหง

    ถ้าพูดถึงย่านที่ละลานตาไปด้วยร้านอาหาร ก็ต้องนึกถึง "ย่านรามคำแหง" ขึ้นมาในใจหลายๆ คนอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะตรอกซอกซอยไหนก็มีแต่ของอร่อย ที่สำคัญกินได้ทั้งวันเรียกว่า อร่อยแบบ 24 ชั่วโมง กันเลยทีเดียว"ร้านก๋วยจั๊บอุบลนิยมโภชนา" สูตรจากอุบลราชธานีแท้ๆ ตัวเส้นก๋วยจั๊บญวนใช้เป็นเส้นสด เส้นจะเหนียวนุ่ม กำลังดี และวัตถุดิบต่างๆ ก็ออเดอร์มาจากเจ้าดังของอุบลฯ เลย มั่นใจได้ว่าสด ใหม่ ตลอดแน่นอน ถ้าพูดถึงก๋วยจั๊บญวนก็ต้องนึกถึงหมูยอ หมูยอของที่ร้านก็ส่งตรงมาจากอุบลฯ เช่นกัน มีความกลมกล่อม หอมพริกไทย นุ่ม และเนื้อเยอะมาก นอกจากนี้ในชามยังมีหมูเด้งทำเอง ใช้เนื้อสันติดมัน เนื้อเลยเด้งนุ่ม และยังมีกระดูกหมูอ่อนที่ตุ๋นมาจนเปื่อยอีกด้วย"ก๋วยจั๊บญวน (ธรรมดา 50 บาท / เพิ่มไข่ 60 บาท)""ยำหมูยอ (70 บาท)" ยำจานต่อจาน ใช้มะนาวสด รสชาติจัดจ้าน"ร้านก๋วยจั๊บญวนอุบลนิยมโภชนา" ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 24 แยก 10 ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันเสาร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1654-4295

  • ร้านในตำนานย่านรามคำแหง อภิโภชน์ ราดหน้ายอดผัก

    อีกหนึ่งร้านตำนานย่านรามคำแหงที่เปิดมากว่า 40 ปี กับลีลาการผัดหอมๆ "ร้านอภิโภชน์ ราดหน้ายอดผัก" ร้านตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 24 และแน่นอนว่าเมนูเด็ดของร้านต้องเป็น 'ราดหน้า' ตามชื่อร้านอย่างแน่นอน แต่ทีเด็ดเลยก็คือน้ำราดหน้าที่ทั้งหอมหอมและรสชาติเข้มข้น ซึ่งแป้งหมักที่ใช้ในการทำน้ำราดหน้าก็เป็นสูตรพิเศษที่ทางร้านปรุงรสชาติไว้เรียบร้อยแล้ว"เส้นใหญ่ราดหน้า (45 บาท)""เส้นหมี่กรอบราดหน้า (50 บาท)"นอกจากเมนูราดหน้าแล้วที่ร้านยังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย ทั้งผัดซีอิ๊ว ข้าวหมูแดง ปอเปี๊ยะสด หมูสะเต๊ะ ครบเลยทีเดียวเป็นอีกหนึ่งร้านระดับตำนานในย่านรามคำแหง "ร้านอภิโภชน์ ราดหน้ายอดผัก" ร้านอยู่ในซอยรามคำแหง 24 ห่างจากปากซอย 100 เมตร ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.30-19.00 น.(หยุดทุกวันพฤหัสบดีที่ 4 ของเดือน) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-5929-3626, 0-2718-5004

  • Boru ร้านอาหารญี่ปุ่น ดงบุริสารพัดหน้า

    เอาใจสาวกอาหารญี่ปุ่นในบรรยากาศแสนอบอุ่นที่ "ร้าน Boru" กับเมนูดงบุริ หรือข้าวหน้าต่างๆ ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมรอย่างสร้างสรรค์ เน้นวัตถุดิบสดใหม่ อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ และส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่นกันเลย'ร้าน Boru' ถือเป็นการขยายครัวมาจาก 'ร้าน Umami' ร้านอาหารญี่ปุ่นออนไลน์เจ้าเก่าที่บุกเบิกเมนูไข่ดอง Delivery ส่งความอร่อยถึงหน้าประตูบ้านมากว่า 8 ปี จึงมาเปิดหน้าร้านให้ลูกค้าได้มาทานกัน และคอนเซ็ปต์ร้านก็มาจากชื่อร้าน Boru ที่แปลว่า ชาม ในภาษาญี่ปุ่น ร้านจึงเสิร์ฟเมนูเป็นชาม หรือก็คือเมนูดงบุริ ที่มีให้เลือกสารพัดหน้าเมนูดงบูรินอกจากมีหน้าต่างๆ ให้เลือกมากมายแล้ว ที่สำคัญก็คือข้าว ทางร้านนำเข้าข้าวมาจากเมืองนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องข้าว ตัวข้าวมีความพิเศษเพราะเป็นข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ไม่เหมือนพื้นที่อื่นๆ ในญี่ปุ่น มีขั้นตอนการปลูกที่ใส่ใจ มีรสชาติอร่อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับข้าวญี่ปุ่นพันธุ์อื่นๆ บ่งบอกถึงการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ของญี่ปุ่น จึงทำให้ได้ข้าวที่หอม นุ่ม เหมือนนั่งทานอยู่ที่ญี่ปุ่น"Boru Tokushu (490 บาท)" โดดเด่นด้วยปลาอายุย่างเกลือ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นราชินีแห่งสายน้ำ ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น คัดมาแบบมีไข่ทุกตัว ปลาแต่ละตัวใหญ่ล้นชาม ท็อปด้วยเกลือเห็ดทรัฟเฟิล, แซลมอนสับจากนอร์เวย์, ทูน่าสับ, ไข่ปลาแซลมอนเกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากญี่ปุ่น, ไข่ดองพิเศษของทางร้าน และตกแต่งด้วยสาหร่ายเทมปุระ"Boru Takai Tempura (390 บาท)" ปลาไหลเทมปุระตัวใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางชาม ซึ่งตัวปลาไหลก็นำเข้าจากญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมกุ้งเทมปุระ 2 ตัว และผักต่างๆ ที่เชฟเลือกสรรมาแล้ว เท่านั้นยังไม่พอยังเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำเทมปุระสูตรเด็ดของทางร้าาน เกลือเห็ดทรัฟเฟิล และเกลือน้ำส้มยูซุ ให้ลูกค้าได้เลือกจิ้มเพื่อรสชาติที่หลากหลาย"Kani Miso (250 บาท)" มันปูย่าง เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ปรุงรสมาด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้าน มีความเข้มข้น หอม มันสาวกข้าวด้งห้ามพลาดกับร้านนี้เลย "ร้าน Boru" อยู่ในซอยพระรามเก้า 49 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-5695-2490

  • อ้วนบะหมี่เกี๊ยวกวางตุ้ง สตรีทฟู้ดย่านประดิพัทธ์

    "ร้านอ้วนบะหมี่เกี๊ยวกวางตุ้ง" อีกหนึ่งร้านสตรีทฟู้ดย่านประดิพัทธ์ที่เจ้าของคิดค้นสูตรเองและปรับปรุงจนได้ความอร่อยที่ขายมานานกว่า 15 ปี เด็ดทั้งน้ำซุป หมูแดง และเกี๊ยวที่รสชาติกลมกล่อมเนื้อเด้ง วัตถุดิบเกือบทุกอย่างที่ร้านเป็นคนทำเอง อย่างตัวหมูแดงก็หมักมาอย่างดีและย่างด้วเตาถ่านอังโล เกี๊ยวหมูก็หมักเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน น้ำซุปก็ใช้เล้งถึง 10 กิโลกรัม ต่อน้ำซุป 1 หม้อ และทีเด็ดสุดๆ ต้องยกให้กับน้ำซอสสูตรเด็ดของทางร้านที่ใช้ราดในเมนูบะหมี่แห้งนั้น ทำมาจากน้ำหมักหมูแดงซึ่งมีความเข้มข้น หอม อร่อยอยู่แล้ว เอาน้ำหมักนี้ไปเคี่ยวให้งวดขึ้นมา และใช้น้ำตาลอ้อยเป็นส่วนผสมในการทำน้ำหมัก เลยทำให้มีกลิ่นหอม และความหนืดขึ้นเกาะกับเส้นดีขึ้น "บะหมี่เกี๊ยวแห้งยำ ""บะหมี่เกี๊ยวแห้ง ""ร้านอ้วนบะหมี่เกี๊ยวกวางตุ้ง" อยู่ปากซอยประดิพัทธ์ 20 ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 17.00-00.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-0907-3069 

  • ร้านเล็กเกาเหลาเลือดหมู ประดิพัทธ์

    มาย่านประดิพัทธ์ต้องห้ามพลาดร้านที่ใครมาแถวนี้ก็ต้องมาทาน "ร้านเล็กเกาเหลาเลือดหมู" ในตำนาน เปิดขายมากว่า 40 ปี ทีเด็ดอยู่ที่เครื่องในจะไม่มีกลิ่นคาวเลย เพราะทางร้านล้างด้วยน้ำเปล่าถึง 3 น้ำ และต้มด้วยน้ำที่ใส่เกลือลงไปนิดหน่อยเพื่อไล่กลิ่นคาว ส่วนเลือดหมูก็ให้ก้อนโตๆ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีกลิ่นคาวอีกเช่นกัน และอีกอย่างคือ น้ำซุปสูตรเด็ด รสหวานกลมกล่อมจากการต้มเล้งถึง 20-25 กิโลกรัม"ก๋วยจั๊บน้ำใส (ธรรมดา 50 บาท / พิเศษ 70 บาท)" ความพิเศษของก๋วยจั๊บน้ำใสอยู่ที่เส้นนุ่มๆ หมูกรอบชิ้นโต เครื่องในเยอะๆ และน้ำซุปรสชาติกลมกล่อมเข้ากับเนื้อเครื่องใน"ตือฮวนเกี่ยมฉ่าย (ธรรมดา 50 บาท / พิเศษ 70 บาท)" มีเครื่องในให้หลากหลายส่วนทั้งไส้ใหญ่, ไส้อ่อน, ตับ, ไต, ไส้, ปอด, กระเพาะ, ลิ้น, เซี่ยงจี๊, ม้าม, เลือดหมู, ลูกชิ้น และผักกาดดองที่ตุ๋นจนเปื่อย และใส่หมูกรอบที่ทางร้านทำเองลงไปด้วย"เกาเหลาเลือดหมู (ธรรมดา 50 บาท / พิเศษ 70 บาท)" อีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นชื่อของร้านซึ่งใส่เครื่องในเหมือนเมนูตือฮวนเกี่ยมฉ่าย แต่ไม่ใส่เกี่ยมฉ่าย"หอยจ๊อปู (80 บาท)" และ "กุนเชียงทอด (เส้นละ 30 บาท)""ร้านเล็กเกาเหลาเลือดหมู" อยู่หน้าปากซอยประดิพัทธ์ 18/1 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-02.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1556-8988

  • สุริยันจันทรา เต็มอิ่มกับทริปล่องเรือและอาหารไทยโบราณ

    "ร้านสุริยันจันทรา" ร้านอาหารและที่เที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดอยุธยา ทั้งทริปล่องเรือในแม่น้ำน้อย ได้แวะไหว้พระและเที่ยวชมสถานที่สำคัญของอยุธยา และพอขึ้นฝั่งก็จะได้ฟินกับอาหารไทยโบราณแบบเต็มอิ่มทริปล่องเรือในแม่น้ำน้อยแม่น้ำสายหลักของเมือง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แสามารถแวะไหว้พระตามวัดสำคัญๆ บริการล่องเรือ พร้อมอาหารว่าง, เครื่องดื่มบนเรือ และอาหารหลักพร้อมเครื่องดื่มที่ร้านอาหาร ราคาเริ่มต้น 13,900 บาท สำหรับ 6 ท่าน (บริการล่องเรือสามารถรับลูกค้าได้สูงสุดประมาณ 15 ท่าน) สำหรับลูกค้าที่ต้องการเฉพาะทานอาหารหลักที่ร้านอาหาร มีบริการเฉพาะเซตอาหาร ราคาเริ่มต้น 2,500 บาท สำหรับลูกค้า 4 ท่าน ทางร้านรับบริการเฉพาะลูกค้าจองล่วงหน้าเท่านั้น (Booking วันธรรมดา 1-2 วัน, วันเสาร์-อาทิตย์ 7 วัน)"เซตขนมไทย"ในส่วนของร้านอาหารเป็นโรงสีโบราณอายุกว่า 130 ปี แต่ตกแต่งดีไซน์ให้ดูร่วมสมัยแต่ยังมีกลิ่นอายความคลาสสิกอยู่ เมนูอาหารในร้านเป็นอาหารไทยโบราณรสมือแม่ครัวที่เป็นอยุธยาดั้งเดิมเลยตัวอย่างเซตอาหารหลัก"ปลาโบราณ" ปลาทอดราดซอสน้ำยำโบราณ"ห่อหมกบัวหลวง" เสิร์ฟมาในดอกบัวสวยๆ"ผัดผักเบญจรงค์" ผักผัก 5 สี กับกุ้งตัวใหญ่ๆ"แกงนพเก้า" แกงกะทิโบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีผัก 9 อย่าง พริกแกงแดงที่ร้านก็ตำเอง และกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ จากอยุธยา"แกงรัญจวน" แกงโบราณที่มีบันทึกไว้ในสมัยรัชกาลที่ 5 เครื่องปรุงที่สำคัญคือ น้ำพริกกะปิ มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด"กุ้งหลน" กุ้งแม่น้ำหลนเต้าเจี้ยวสูตรโบราณใครที่อยากจะมาซึมซับบรรยากาศคลาสสิกในเมืองประวัติศาสตร์อย่างอยุธยา ขอให้ลิสต์ "ร้านสุริยันจันทรา" ไว้เลย ร้านอยู่ อ.บางบาล ติดริมแม่น้ำน้อย เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2852-8883

  • อยุธยา รีทรีต คาเฟ่เรือนไทย

    "อยุธยา รีทรีต (Ayutthaya Retreat)" ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ในจังหวัดอยุธยา และรีสอร์ท เรือนไม้สักสวยงามในบรรยากาศย้อนยุคแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเมื่อเข้ามาด้านในจะเจอสระบัวขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยอาคารทรงไทยหลายหลัง รอบสระมีทางเดินไม้ สามารถเดินชมบรรยากาศได้แบบชิลๆ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ อยุธยา รีทรีต นอกจากนี้ลมยังพัดเย็นสบายตลอดทั้งวัน แถมริมน้ำยังมีเปลไว้นอนชิลรับลมอีกด้วยมาผ่อนคลายกันถึงอยุธยาทั้งที ต้องมาชิมอาหารตามแบบฉบับของ อยุธยา รีทรีต มีทั้งอาหารไทยทั้งคาวและหวาน หลากหลายเมนูมาอยุธยาเมนูที่ห้ามพลาดก็คือ "กุ้งแม่น้ำเผา (700 บาท)""ยำโบราณ (150 บาท)" ยำวุ้นเส้นสูตรพิเศษของทางร้าน"แกงส้มชะอมกุ้ง (200 บาท)""ซอลท์เท็ดคาราเมลอัญชัน (85 บาท)""อุทัยทิพย์ฮันนี่เลมอน (85 บาท)""เค้กมะพร้าวอ่อน (100 บาท)"แวะมาผ่อนคลายกันได้ที่คาเฟ่เรือนไทยบรรยากาศดี "อยุธยา รีทรีต (Ayutthaya Retreat)" ซอยข้างวัดป้อมใหญ่ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3886-5968

  • บ้านไม้ริมน้ำ ร้านอาหารบรรยากาศดี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    มาเที่ยวจังหวัดอยุธยา หลายคนคงคิดถึงอาหารพื้นบ้านรสชาติจัดจ้านอย่าง กุ้งเผา และปลาแม่น้ำ และอีกหนึ่งร้านดังที่ขึ้นชื่อของ 2 เมนูนี้มายาวนานกว่า 24 ปี "ร้านบ้านไม้ริมน้ำ" ร้านอาหารบรรยากาศดีติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา"ร้านบ้านไม้ริมน้ำ" มีบริการทั้งโซนริมน้ำ, ห้องแอร์ และมีบริการล่องเรือเหมาลำให้ได้ฟินกับบรรยากาศริมน้ำแบบใกล้ชิดพร้อมกับอาหารอร่อยๆ"ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน (จานละ 400 บาท)" รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน น้ำฉู่ฉี่ที่ร้านตีเครื่องแกงเอง ใช้หัวกะทิ หอมมันสุดๆ"กุ้งแม่น้ำเผา (เริ่มต้นตัวละ 500 บาท)" มาอยุธยาก็ต้องมาทานกุ้งแม่น้ำเผา มันเยิ้มๆ คลุกข้าวราดน้ำจิ้มซีฟู้ด อร่อยเด็ดสุด"ปูไข่หลน (ชุดละ 380 บาท)" ทั้งไข่ปูและเนื้อปูล้นๆ"ต้มยำปลาคัง (หม้อละ 200 บาท)"มาตามรอยเที่ยวอยุธยา กินอาหารพื้นบ้านอยุธยาอร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านบ้านไม้ริมน้ำ" ข้ามสะพานปรีดี-ธำรง ไฟแดงที่ 2 เลี้ยวซ้าย ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-3524-2248

  • ทองสมิทธ์ ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อพรีเมี่ยม

    "ทองสมิทธ์" ก๋วยเตี๋ยวเรือแบบพรีเมี่ยมในเอ็มควอเทียร์ ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังที่ใครได้ลองเป็นต้องติดใจ โดยเฉพาะคนชอบเนื้อ กินแล้วละลายในปาก บอกเลยว่าห้ามพลาดมีหลากหลายเมนูทั้งเนื้อ หมูคุโรบูตะที่อร่อยนุ่ม รสชาติน้ำซุปกลมกล่อมหอมเครื่องยาจีน และสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ถึง 3 ระดับ จากซอสสูตรพิเศษของร้าน โดยทางร้านจะปรุงรสชาติมาให้เสร็จพร้อมทาน นอกจากนี้ที่ร้านยังมีอีกหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีก ข้าวต้มแห้ง และอื่นๆ อีกมากมาย"น้ำตกหมูคุโรบูตะรวมมิตร""น้ำตกวากิวทองสมิทธ์" เมนูเด็ดที่นำเนื้อวากิวออสเตรเลีย ส่วนสะโพกมาสไลซ์ นำมาทำให้สุกประมาณ 60% แล้วจึงราดต่อด้วยน้ำซุปน้ำตก ทำให้ได้รสชาติเนื้อแบบเน้นๆ เคี้ยวแล้วละลายในปาก"กากหมูเจียว""ลูกชิ้นหมูปิ้ง""เกี๊ยวกรอบ""เกี๊ยวแซ่บเสฉวน""ซุปหมูคุโรบูตะสไลซ์" น้ำซุปของทางร้านจะใช้กระดูกสันหลังหมูมาทำน้ำซุป ซึ่งส่วนสันหลังหมูเมื่อนำมาทำเป็นน้ำซุป จะทำให้น้ำซุปมีรสหวานหอมใครรักก๋วยเตี๋ยวเรือไม่ควรพลาดกับ "ร้านทองสมิทธ์" สาขาเอ็มควอเทียร์ ชั้น 7 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2003-6226

  • WRU Prompong

    ถ้าพูดถึงความอร่อย มีอยู่ติดขอบรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพฯ และหนึ่งในย่านที่ถูก Recommend ชวนให้มาเช็คอินความอร่อยกันบ่อยๆ นั่นก็คือ "สถานีพร้อมพงษ์" ย่านสุดชิคใจกลางเมืองที่รวมของอร่อยตั้งแต่สตรีทฟู้ดระดับตำนาน ไปจนถึงจุดเช็คอินใหม่ๆ ที่ใครไม่อยากเอ้าท์ต้องรีบมา และจุดเช็คอินแห่งใหม่ ไม่ไกลจาก BTS พร้อมพงษ์ ก็คือ "WRU Prompong" ที่รวมร้านอร่อยๆ ทั้งคาวและหวานเอาไว้ครบ เรียกได้ว่ามาแล้วครบจบในที่เดียวทั้งกินทั้งถ่ายรูปเลยร้านแรกเริ่มด้วย "ร้าน WRU Cafe & Laf Bar" ที่โดดเด่นเลยก็จะเป็น Clodbrew ซึ่งนอกจากจะใช้กาแฟคั่วเองแล้ว ในแต่ละเดือนทางร้านจะผลิตเมนู Clodbrew ที่เป็นซิกเนเจอร์ประจำเดือนออกมาอีกด้วย"Rwanda Coldbrew""Orange Tonic Espresso"ร้านถัดมาขอเอาใจสายหวานกับ "ร้าน Sourrgood และไอติมละมุน" แบรนด์น้องใหม่ภายใต้ไอติมละมุน โดยจุดเด่นจะอยู่ที่ใช้ผลไม้แท้ 100% ที่ส่งตรงมาจากสวนของเกษตรกร ไอศกรีมรสชาติละมุนแต่เนื้อแน่น"Yuzu Fizzy""ติมปังเนยสด""ร้าน Three Bears Pastry" อีกหนึ่งร้านที่มีทั้งของคาวและของหวาน "Waffle Bacon and Maple Syrup" และ "Young Coconut Cake"ปิดท้ายด้วยร้านบะหมี่ที่ทุกคนรู้ชื่อเสียงความอร่อยกันอยู่แล้ว "สว่างบะหมี่ก้ามปู" "ข้าวผัดหมูย่างเตาถ่าน" เมนูใหม่ที่มีเฉพาะที่ WRU Prompong ที่เดียว โดยจะใช้น้ำข้าวผัดสูตรพิเศษของทางร้านที่ต้องเคี่ยวด้วยเตาถ่านเท่านั้น ทำให้เวลาที่ทานได้กลิ่นหอมของเตาถ่านไปด้วย"บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง หมูแดง ก้ามปู" เมนูซิกเนเจอร์ หอมกลิ่นถ่านอ่อนๆ จากหมูแดง และไฮไลท์อยู่ที่ก้ามปูใหญ่และสดมากและเมนูเครื่องดื่มหวานๆ "Super Supreme Milk Tea" ชานมไข่มุกบราวน์ชูการ์จาก Mr.Shakeเป็นโครงการที่น่ารักและมีครบทุกอย่างจริงๆ กับ "WRU Prompong" อยู่ในซอยสุขุมวิท 26 วันอาทิตย์-พฤหัสบดี เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น./ วันศุกร์-เสาร์ เปิดตั้งแต่เวลา 10.00-24.00 น.สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9515-6954

  • ข้าวซอยน้ำเงี้ยว สาขาสุขุมวิท 24

    "ข้าวซอยน้ำเงี้ยว สาขาสุขุมวิท 24" ร้านอาหารเหนือที่รสชาติข้าวซอย น้ำเงี้ยว อร่อยแบบเชียงใหม่แท้ๆ เพราะเครื่องแกงที่ใช้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพริกแกง ดอกงิ้วก็สั่งมาจากเชียงใหม่ ส่วนซี่โครงหมูจะตุ๋นประมาณ 1 ชั่วโมง ให้เวลาทานเนื้ออร่อยออกจากกระดูก และส่วนเส้นขนมจีนจะใช้เป็นเส้นสด"ขนมจีนน้ำเงี้ยว (60 บาท)""แกงโฮะ (70 บาท)""แกงฮังเล (80 บาท)""หมูยอเชียงใหม่ทอด (ชุดละ 30 บาท)""ข้าวซอยไก่" ข้าวซอยของที่ร้านจะใช้น้ำกะทิล้วน ใช้ส่วนหัวส่วนหาง ไม่เติมน้ำเปล่าผสมเลย น่องไก่จะตุ๋นแบบไม่สุกรอบนึง ขายไปตุ๋นไป ตุ๋น 2 รอบ และตุ๋นในน้ำข้าวซอยอีก ผักดองต่างๆ ที่ร้านก็ทำเอง"ร้านข้าวซอยน้ำเงี้ยว สาขาสุขุมวิท 24" ซอยสุขุมวิท 24  ร้านเปิดวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9896-2973

  • ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงกับป้า

    "ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงกับป้า" ก๋วยเตี๋ยวหมูบะช่อในตำนาน ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติน้ำต้มยำที่ซี๊ดซ๊าดถึงใจและหมูบะช่อแน่นๆ ฟูๆ ตักตรงไหนก็เจอ ทีเด็ดของที่ร้านคือหมูบะช่อซึ่งเป็นหมูบดปรุงเครื่องจัดๆ และหมักทิ้งไว้ข้ามคืนให้เข้าเนื้อ และแน่นอนว่าเมนูเด็ดก็ต้องเป็นต้มยำที่มาแล้วต้องสั่ง"เส้นเล็กต้มยำ (ธรรมดา 50 บาท/ พิเศษ 80 บาท)""เกาเหลาจืด (ธรรมดา 50 บาท/ พิเศษ 80 บาท)""เส้นใหญ่เย็นตาโฟต้มยำ (ธรรมดา 50 บาท/ พิเศษ 80 บาท)""ไส้ลวก""ร้านก๋วยเตี๋ยวลุงกับป้า" อยู่ก่อนถึงซอยจรัญสนิทวงศ์ 49 ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 12.00-03.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9995-8359

  • สุกี้รสเด็ด

    ร้านเด็ดเมนูไฟลุกต้องยกให้ "ร้านสุกี้รสเด็ด ปากซอยสุขสวัสดิ์ 12" ร้านรสเข็นเล็กๆ แต่เด็ดจนคนมาต่อคิวกันยาวมาก "สุกี้แห้งรวม" ด้วยวิธีการผัดสุกี้แห้งแบบไฟลุก ทำให้ได้ความหอมของกลิ่นกระทะ ส่วนหมูก็หมักไว้ข้ามคืนจนนุ่ม และทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้ม สูตรลับที่มีส่วนผสมกว่า 20 อย่างเลยทีเดียว ส่วนผสมหลักๆ ก็จะมี เต้าหู้ยี้ มะเขือเทศลูกใหญ่ ซอสพริก และกระเทียมดองใครที่ชอบทานสุกี้ แวะมาลองทานกันได้ที่ "ร้านสุกี้รสเด็ด" อยู่บริเวณปากซอยสุขสวัสดิ์ 12 ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1569-0657

  • รสเจ็บ ก๋วยเตี๋ยวเรือ & ส้มตำ

    "รสเจ็บ ก๋วยเตี๋ยวเรือ & ส้มตำ" ร้านอาหารแซ่บๆ ที่ Apple Market หลังการบินไทย อาหารแซ่บๆ ตามชื่อร้านรสเจ็บแน่นอน เพราะทุกจานปรุงรสชาติสุดจัดจ้านแบบแทบไม่ต้องปรุงเพิ่มมาให้แล้ว เน้นความเผ็ด แซ่บ จัดจ้าน แต่ทานได้กำลังอร่อย ไม่เผ็ดแบบไร้รสชาติ"ตำกระท้อนสะดุ้ง (190 บาท)" ใส่ทั้งแมคคาเดเมียเพื่อเพิ่มเท็กเจอร์เวลาทาน และปลาร้าที่ใช้เป็นปลาแดงและปลาดำโดยใส่ใบเตยลงไปในปลาร้า ทำให้ปลาร้าของที่ร้านไม่มีกลิ่นแม้จะทานในห้องแอร์และยังมีรสชาติของปลาร้าที่ดีอยู่ เมนูนี้เป็นเมนูที่มีขายเฉพาะบางฤดูกาลเท่านั้น"ตำเกาเหลาเจ็บจี๊ด (350 บาท)" เมนูนี้ไม่ใส่เส้นมะละกอ แต่จะใส่ปูดองเคียงด้วยกุ้ง, หอยแครง และหมึก เคล้ากับน้ำปลาร้าสูตรของทางร้าน"ตำถาด (220 บาท)" เครื่องเคียงมีทั้งหมูยอลวก ผักลวก ไก่ทอดสูตรพิเศษของทางร้าน และไข่ต้ม เมนูนี้จานใหญ่และคุ้มมากๆ มากันเป็นแก๊งค์สั่งแบบนี้ทานกันได้เลยและที่ร้านไม่ได้มีดีแค่เมนูส้มตำเท่านั้น ก๋วยเตี๋ยวก็เด็ดเหมือนกัน มีหลากหลายเมนูทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ เย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ"เส้นเล็กแห้งรสเจ็บ (60 บาท)" "เกาเหลาน้ำใส (60 บาท)"ใครชอบอาหารรสจัดจ้านแบบนี้ตามมาอิ่มอร่อยกันได้ที่ "ร้านรสเจ็บ ก๋วยเตี๋ยวเรือ & ส้มตำ" อยู่ที่ Apple Market หลังการบินไทย ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 11.00-17.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-5823-5951

  • เจ๊หมวยโภชนา ร้านอาหารตามสั่งกว่า 100 เมนู

    ร้านอาหารตามสั่งที่ไม่มีชื่อร้าน แต่เปิดขายมากกว่า 30 ปี กับหลากหลายเมนูอร่อยกว่า 100 เมนู ถึงแม้จะไม่มีชื่อร้านแต่คนแถวนี้หรือลูกค้าประจำจะเรียกติดปากกันว่า "ร้านเจ๊หมวยโภชนา"  ร้านนี้คุณภาพแน่นทั้งวัตถุดิบและฝีมือเจ๊หมวยที่ลงมือทำเองทุกจานจนต้องอร่อยบอกต่อ และถ้าใครอยากมาสามารถมาลง BTS สถานีบางบัว ให้สังเกตุซอยตรงข้าม ม.ศรีปทุม นั่งรถเข้าซอยมาเรื่อยๆ ร้านอยู่ใกล้กับลานกีฬาเคหะบางบัวเริ่มด้วยเมนูที่ขายดี นั่นก็คือ "กุ้งคั่วพริกไทยอ่อน (250 บาท)" กุ้งสดๆ เจ๊หมวยคัดเองที่ตลาดทุกเช้า ผัดให้หอมพริกไทย เอาน้ำราดคลุกข้าวรับรองว่าอร่อยเด็ด"แกงเขียวหวานหมูตุ๋น (150 บาท)" หมูตุ๋นทำเอง นุ่มละลาย"ฉู่ฉี่กุ้ง (250 บาท)" เมนูนี้ใช้หัวกะทิสดไม่ผสมเลย"ยำหอยดอง (150 บาท)" ใช้หอยดองเจ้าอร่อยจากราชบุรี เจ๊หมวยสั่งมาแล้วเอามายำเองสดๆ รับรองจะติดใจ"ปลากะพงนึ่งมะนาว (เริ่มต้น 250 บาท)" เมนูนี้จะทำปลามาเป็นชิ้นๆ จะได้ทานง่าย และน้ำจะเยอะออกแนวเป็นแกง สามารถซดน้ำได้"ผัดวุ้นเส้นชะอม (100 บาท)" อันนี้ทีเด็ด ชะอมจะคัดพิเศษเอาแต่ยอดมาใช้ เพราะกลิ่นจะไม่แรงและเวลาทานก็จะไม่แข็งด้วยมาตามรอยความอร่อยกันได้ที่ "ร้านเจ๊หมวยโภชนา" อยู่ติดกับลานกีฬาเคหะบางบัว ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.30-20.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6569-8403

  • นายจิว หมูแดง-หมูกรอบ

    ตำนานความอร่อยกว่า 25 ปี "ร้านนายจิว หมูแดง-หมูกรอบ" แน่นอนว่ามาถึงร้านทั้งทีเมนูที่ต้องสั่งก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากข้าวหมูแดงหมูกรอบ และนอกจากนี้แล้วยังมีเกาเหลาร้อนๆ ไว้ซดเป็นน้ำซุปให้คล่องคอได้อีกด้วยด้วยความพิถีพิถันของการทำหมูแดงหมูกรอบ ทำให้ขายหมูแดงหมูกรอบได้ถึงวันละ 100 กิโลกรัมเลยทีเดียว กว่าจะได้เป็นหมูกรอบอร่อยๆ ต้องใช้หมูสดย่างกว่า 5 ชั่วโมง แล้วนำมาทอดต่อให้หนังกรอบ เนื้อจึงนุ่มและหนังยังกรอบอยู่ ส่วนหมูแดงใช้เวลาย่างเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งน้ำที่ได้จากการย่างหมูแดงก็เอาไปทำน้ำราดข้าวด้วย เข้มข้นหวานเค็มกำลังดี"ข้าวหมูแดงรวม (ธรรมดา 50 บาท/พิเศษ 60 บาท)""หมูแดง หมูกรอบ กุนเชียง (จานเล็ก 130 บาท/จานใหญ่ 200 บาท)""เกาเหลาเย็นตาโฟ (50 บาท)""เกาเหลาเลือดหมู (50 บาท)""ร้านนายจิว หมูแดง-หมูกรอบ" อยู่หน้าทางเข้าโรงแรมมารวยการ์เด้น ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-15.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2828-7899

  • ข้าวต้มขาไก่ เจ้าเก่าคลองประปาสามเสน

    อีกหนึ่งร้านตำนานความอร่อย "ข้าวต้มขาไก่ เจ้าเก่าคลองประปาสามเสน" ที่เปิดมากว่า 30 ปี แต่ก่อนร้านจะอยู่แถวสามเสนซึ่งรวมๆ แล้วเปิดมากว่า 50 ปี ซึ่งทีเด็ดที่มัดใจลูกค้าได้ยาวนานขนาดนี้เพราะความพิถีพิถันทั้งในเรื่องรสชาติอาหารและคุณภาพของวัตถุดิบที่ต้องสดสะอาด  ใส่ใจในทุกขั้นตอนเพื่อไม่ให้รสชาติคงไว้แบบดั้งเดิมเมนูต้นตำรับของที่ร้านแน่นอนว่าต้องเป็น "ข้าวต้มขาไก่ (40 บาท)" ความพิเศษเริ่มจากข้าวคือจะหุงข้าวแยกแล้วเวลาสั่งค่อยเอามาต้มน้ำซุปเพื่อให้เม็ดข้าวบานได้ที่ และท็อปด้วย หมูบะเต็งกระเทียมเจียว ส่วนน้ำซุปใช้ส่วนคาตั๊งจะมีความหวาน หอม อร่อย อีกหนึ่งเคล็ดลับคือเวลาทำข้าวต้มแต่ละถ้วยจะผสมน้ำตุ๋นไก่ลงไปเพื่อให้ข้าวกลมกล่อม"ซุปเปอร์ขาไก่ (ชาม 80 บาท/หม้อไฟ 150 บาท)" รสชาติจัดจ้านคล้ายต้มยำ คล้ายโป๊ะแตก เพราะใส่ใบกะเพราเพิ่มความหอมลงไปด้วย และมีมาทั้งขาไก่ ปีก และน่อง"หอยแมลงภู่อบสมุนไพร (150 บาท)" หอมพริก หอมใบกะเพรา ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดของที่ร้าน รับรองว่าแซ่บ"ยำปลาดุกฟู (150 บาท)" ใช้เนื้อปลาดุกล้วนไม่ผสมแป้ง และน้ำยำก็ปรุงสดจานต่อจานใครที่ชอบทานข้าวต้มไก่หรือซุปเปอร์ขาไก่ ห้ามพลาดร้านนี้เลย "ข้าวต้มขาไก่ เจ้าเก่าคลองประปาสามเสน" อยู่ที่ BTS สถานีกรมทหารราบที่ 11 ทางออก 3 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-7926-6366

  • แสนสำราญที่แสนแสบ ร้านอาหารไทยโบราณ

    "ร้านแสนสำราญที่แสนแสบ" ร้านอาหารไทยติดคลองแสนแสบในบรรยากาศอบอุ่น แถมเมนูยังเป็นเมนูอาหารไทยโบราณหาทานยากให้ความรู้สึกเหมือนทานอยู่ที่บ้าน คอนเซ็ปต์อาหารของที่นี่เป็นเมนูอาหารไทยในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน จัดเป็นสำรับอาหาร มีทั้งของว่าง น้ำพริก แกง และขนม ครบทุกอย่างเริ่มจากของว่าง "เมี่ยงแนมปลา" เมนูนี้ไม่มีกลิ่นคาวของปลาช่อนเลย เพราะถูกดับกลิ่นด้วยมะพร้าวคั่ว น้ำข่า ส้มซ่า ข้าวคั่ว และใส่หนังหมูลงไปเพื่อเพิ่มเท็กซ์เจอร์ตอนทานด้วย ทานคู่กันกับข้าวตังและใบพลู"กระทงทอง" อีกหนึ่งเมนูที่หาทานยาก ด้วยการทำที่ซับซ้อนตั้งแต่การทำแป้ง การทอดกระทง และผัดไส้"ทอดมันกุ้งไทย" เป็นสูตรจากตำรับอาหารของราชสกุลทินกร ไฮไลท์อยู่ที่มันกุ้งผัดกับสามเกลอแล้วราดลงบนทอดมันกุ้ง"แกงจืดไข่นกกระสา" เมนูนี้มาจากตำราของท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร น้ำซุปหอมกระเทียม"น้ำพริกขี้กา" เสิร์ฟมาพร้อมหมูโสร่ง ไข่ยางมะตูม ปลาดุกแดดเดียวทอด ผักสดและผักลวก ตัวน้ำพริกหอมกลิ่นปลาย่าง"แสร้งว่ายำไข่เต่ามังคุด" เมนูโบราณหาทานยาก ใช้ไข่ออนเซ็นเน้นเฉพาะไข่แดงราดด้วยน้ำยำแบบใสที่มีรสชาติเปรี้ยวหวาน คลุกเคล้ากับกุ้งลวกและมังคุกใครที่อยากลองชิมอาหารไทยโบราณหาทานยากในบรรยากาศริมคลองแบบนี้ แวะมากันได้ที่ "ร้านแสนสำราญที่แสนแสบ" อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 31 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.30-21.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2662-1922

  • แม่กลองหัวปลาหม้อไฟ ปูไข่นึ่งนมสด

    ถึงช่วงฤดูปูไข่ก็ต้องมาชิมเมนูเด็ดๆ ที่ "ร้านแม่กลองหัวปลาหม้อไฟ" ร้านระดับตำนานที่การันตีความอร่อยระดับมิชลินสตาร์ Bib Gourmand 2 ปีซ้อน ปูไข่เยิ้มๆ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ ทุกเมนูคืออร่อยสมความคุ้มค่าโดยเฉพาะเหล่าเมนูปูเนื้อแน่นๆ"ร้านแม่กลองหัวปลาหม้อไฟ" เป็นร้านซีฟู้ดที่คนเข้าคิวรอทานกันยาวตั้งแต่ร้านเปิดเลย แม้จะเปิดมากว่า 10 ปีแล้ว วันแรกๆ คนแน่นยังไงวันนี้ก็ยังแน่นเหมือนเดิม เพราะปูไซส์ใหญ่ๆ และความสดที่ทางร้านจะเลือกใช้ปูทะเลน้ำกร่อยส่งตรงมาจากแม่กลอง ปูชนิดนี้จะมีสีที่ไม่เข้มเท่าปูจากภาคใต้ แต่เนื้อหวาน ไข่ไม่ขม จนกลายเป็นทีเด็ดที่ทุกคนติดอกติดใจเริ่มที่ไข่ปูเยิ้มๆ เมนูเด็ดของร้าน ยิ่งในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ก็เป็นฤดูกาลที่ไข่จะแน่นอร่อยที่สุดอีกด้วย "ปูไข่นึ่งนมสด (ราคาเริ่มต้น 1,300 บาท)" ปูทะเล ขนาด 2 ตัวโล ไข่แบบเน้นๆ สีส้มสด ราดด้วยนมสดแล้วนำไปนึ่ง ราดกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ"ปูไข่ดอง (400 บาท)" ทางร้านจะนำปูไปดองน้ำปลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อให้เนื้อปูยังคงมีรสหวานอยู่"เนื้อปูผัดพริกขี้หนู (450 บาท)" คั่วแบบแห้งๆ ปูม้าที่ใช้เป็นไซส์ใหญ่คัดพิเศษสั่งมาจากนครศรีธรรมราช"ผัดกะหล่ำปลีไข่เยิ้มปู (350 บาท)" กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ท็อปมาด้วยไข่เยิ้มๆ กับเนื้อปูก้อนโตๆปิดท้ายด้วยเมนู "เนื้อปูสี่ฉุน (450 บาท)" ในจานก็จะมีทั้งกระเฉด ชะอม สะตอ กระเทียมโทน ผัดกับกรรเชียงปูม้าใครที่อยากมาลองชิมไข่ปูฟินๆ ปูดองแซ่บๆ แบบนี้มากันได้ที่ "ร้านแม่กลองหัวปลาหม้อไฟ" อยู่ใกล้โรงเรียนอยู่เย็นวิทยา ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.30-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-6880-7196

  • น้ำยาปูเกาะภูเก็ต

    "ร้านน้ำยาปูเกาะภูเก็ต" ร้านขนมจีนน้ำยาปูฉบับภูเก็ตแท้ๆ ตักขึ้นมาแต่ละคำมีแต่เนื้อปูเน้นๆ นำมาเสิร์ฟให้ชาวกรุงเทพได้ลองชิมกันแล้ว และความเด็ดของเนื้อปูที่นี่คือความสด ถ้าไม่สด ไม่เสิร์ฟ ปูม้าส่งตรงมาจากสุราษฎร์ธานี ส่งมาแบบสดๆ ไม่แช่แข็งด้วย น้ำยาปูที่ร้านจะใช้ปูล้วนๆ ถึง 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนอกและส่วนกรรเชียงปู เคี่ยวนานกว่า 45 นาที ให้เนื้อปูค่อยๆ ซึมน้ำแกงเข้าไป แต่ยังคงความหวานของเนื้อปูเอาไว้ แม้แต่วัตถุดิบเครื่องแกงก็ส่งตรงมาจากภาคใต้หมดเลย ตัวเครื่องแกงก็ตำเอง และความพิเศษของน้ำยาภาคใต้คือจะไม่ใส่กระชาย แต่จะใส่ขมิ้นให้ได้สีเหลือง แน่นอนว่าขนมจีนน้ำยาก็ต้องทานคู่กับผักสด ที่ร้านมีผักพื้นบ้านจากทางใต้หลากหลายชนิด อย่าง ใบเม็ดมะม่วง, ใบมะตูมแขก,ย ยอกมะกอก และยอดมันปู เป็นต้น"ขนมจีนน้ำยาปู (ชุดสำหรับ 1 ท่าน 200 บาท/ ชุดสำหรับ 3-4 ท่าน 500 บาท และพิเศษปูก้อน)"มาลองชิมขนมจีนน้ำยาปูแน่นๆ ผักแน่นๆ กันได้ที่ "ร้านน้ำยาปูเกาะภูเก็ต" อยู่ที่ ซ.รามอินทรา 109 ถนนพระยาสุเรนทร์ ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-6165-6393

  • หมู ปู เนื้อ สวรรค์ของคนรักปู

    อีกหนึ่งร้านที่คนรักเมนูปูต้องมาโดน "ร้านหมู ปู เนื้อ" ย่านพระราม 2 ที่ขายทั้งหมู ปู เนื้อ แต่ไฮไลท์ที่สุดต้องเป็นปูอย่างแน่นอน รับรองว่าสดใหม่แน่นอนเพราะมีบ่ออยู่หน้าร้านเลย และนอกจากนี้ยังมีติ่มซำแบบบุฟเฟต์อีกด้วย ส่วนเมนูของที่ร้านก็จะเป็นอาหารไทย-จีน มีเมนูให้เลือกหลากหลายมาก"ปูอบวุ้นเส้น (ราคาเริ่มต้น 650 บาท)" จานนี้เป็นปูดำจากฟาร์มที่ชลบุรี ก้ามใหญ่ และเมนูปูอบวุ้นเส้นของที่นี่จะไม่ใส่ข่า ทำให้ได้กลิ่นของปูบวกกับน้ำซอสค่อนข้างชัด แต่ใครที่อยากทานเมนูนี้ต้องสั่งล่วงหน้าก่อน 1 วัน เพราะวัตถุดิบและกรรมวิธีทำต้องพิถีพิถันมาก"หมี่ฮ่องกงปู (140 บาท)" เมนูสไตล์จีน ได้กลิ่นคั่วกระทะเบาๆ กับกลิ่นน้ำมันงา และเหล้าจีน เมนูนี้จัดกรรเชียงปูมาให้เน้นๆ ทั้งใหญ่และสดมาก"ผัดไทยไข่ปู และเนื้อปู (140 บาท)" ไข่ปูม้าส่งตรงจากมหาชัย ความพิเศษของปูที่ทางร้านใช้คือพกยกขึ้นมาจากทะเลแล้วเค้าจะนึ่งตรงนั้นเลย เพื่อรักษาความสดและรสชาติที่หวานของเนื้อปู เสิร์ฟมาพร้อมกากหมูเจียว และไข่เจียวหั่นฝอย"ร้านหมู ปู เนื้อ" อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1813-8807

  • Foodie Market Bangna

    วันนี้เปรี้ยวปากขอพาทุกคนมาหาของอร่อยแบบจัดเต็มกันที่ย่านบางนา ในโครงการ "Foodie Market Bangna" แลนด์มาร์ครวมอาหารแห่งใหม่ในย่านนี้ มีร้านค้ากว่า 130 ร้าน ของกินละลานตาไปหมด"ร้าน AM-PM Carft" อยู่ที่โซน Night Market เต็นท์ 1 บล็อก B16 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 17.00-22.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1408-9904"Super Junk (259 บาท)" เมนูรวมวัตถุดิบสุดอร่อยของร้าน ทั้งสะโพกไก่ทอด, แฮม, เบคอน, ไข่ดาว, แฮชบราวน์ ราดด้วยบัตเตอร์สก๊อต และชีสแบบจัดเต็ม 3 ชนิด"Underground Pork (140 บาท)" หมูบดกับพริกย่าง ราดด้วยชีส 3 ชนิด"ร้านเกี๊ยวเฮียล้อ" กับหลากหลายเมนูเกี๊ยวที่มีให้เลือกถึง 13 ไส้ ร้านอยู่ที่โซน Night Market ล็อก 37 ด้านหลังเวที เปิดตั้งแต่เวลา 16.00-21.00 น.(หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-1886-8871เมนูเกี๊ยว ราคาเริ่มต้น 10-25 บาท มีทั้งเกี๊ยวกรรเชียงปู, เกี๊ยวอูนิ, เกี๊ยวไข่เค็ม, เกี๊ยวกุ้ง และอื่นๆ อีกมากมาย"ร้าน Thonggold ปาท่องโก๋ย่าง" ร้านของหวานที่อยากแนะนำ ความพิเศษของร้านนี้คือตัวปาท่องโก๋เขาจะนำไปทอดแล้วเอามาย่างเพื่อไล่น้ำมันอีกครั้ง ทำให้เพิ่มความกรอบของปาท่องโก๋เข้าไปอีก และนอกจากแป้งที่เลือกมาอย่างดีแล้ว ตัว Dipping Sauce มีตั้ง 8 รสชาติให้เลือก ทำสดใหม่ทุกวัน"ปาท่องโก๋ย่าง (ตัวเล็ก เริ่มต้นตัวละ 8 บาท/จัมโบ้ เริ่มต้นตัวละ 23 บาท)""สังขยาใบเตย (23 บาท)""ร้าน Thonggold ปาท่องโก๋ย่าง" อยู่ที่โซน Food Court ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-4268-8299"ร้าน Chef ปลาเผา" ร้านปลาทับทิมเผาร้อนๆ จากจันทบุรีโดยฝีมือเชฟไฟแรงอย่าง 'เชฟบอส' ที่มีรางวัลระดับประเทศมาการันตี และที่สำคัญยังเคยร่วมงานกับเชฟระดับ MICHIELIN Start อีกด้วย จุดเด่นของปลาที่ร้านคือ ปลาต้องฉ่ำ เครื่องหอมเข้าเนื้อ น้ำจิ้มแซ่บ ผักสะอาด ตัวเครื่องสมุนไพรต่างๆ สับละเอียดและปรุงรสยัดไว้ด้านในตัวปลา ตอนทานสามารถควักเครื่องสมุนไพรตัวนี้มาทานได้เลย จะช่วยเพิ่มทั้งสัมผัส รสชาติ และกลิ่นได้ดี ส่วนด้านนอกจะชุบเกลือเกล็ดละเอียดจากสมุทรสาครทำให้มีรสเค็มนัว ไม่เหมือนเกลือสินเธาว์ที่จะเค็มโดด"เมี่ยงปลาทับทิม (เซตละ 250 บาท)""ร้าน Chef ปลาเผา" อยู่ที่โซน Night Market โซน C ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.facebook.com/Chefplapaw"Foodie Market Bangna" อยู่เยื้องกับเมกาบางนา อยู่ในซอยจรรยวรรธโซน Food Court เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น.โซน Liberty เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.โซน Night Market เปิดตั้งแต่เวลา 17.00-23.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)

  • มิตรปลาจุ่ม สุกี้ชาบูเพื่อสุขภาพ

    จากเมนูสุดโปรดปรานของคุณตาในวัยเด็กสู่ร้านอาหาร "มิตรปลาจุ่ม" ร้านสุกี้ชาบู เน้นเนื้อปลาสดๆ น้ำจิ้มเด็ด น้ำซุปอร่อย"ร้านมิตรปลาจุ่ม" เกิดจากอาหารที่ครอบครัวของ 'คุณณัฎฐ์' เจ้าของร้าน ทำกินกันเป็นประจำอย่างปลาจุ่ม แล้วทำกินกันประจำที่บ้านคุณตา เวลาทำก็จะเรียกรวมญาติมาเจอกัน คุณณัฎฐ์กินปลาจุ่มฝีมือคุณตามาตั้งแต่เด็กๆ ร้านนี้เลยได้คอนเซ็ปต์มาจากบ้านคุณตา ให้ลูกค้าได้อารมณ์เหมือนแวะมาบ้านผู้ใหญ่ก็เลยเอาส่วนประกอบต่างๆ ในบ้านมาตกแต่ง ทั้งอิฐช่องลม กระเบื้องสีขาวตัดสีเขียว สะอาดสบายตา และเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคหน่อยๆ"มิตรปลาจุ่ม" นอกจากจะมาจากชื่อคุณตาแล้ว ยังแปลได้อีกความหมายว่ามิตรสหาย เป็นที่รวมกันของบรรดามิตรทั้งหลาย เพราะเมนูแบบนี้ทานคนเดียวไม่ค่อยอร่อย ต้องมากันเป็นแก๊งค์ เป็นครอบครัว และจุดเด่นของร้านคือเมนูปลาจุ่มเพื่อสุขภาพ เนื้อปลาแล่สด ผักปลอดสาร ปราศจากผงชูรสด้วยความที่ทางร้านเน้นปลาที่สดใหม่จึงหายห่วงเรื่องได้กลิ่นคาวเพราะล้างจนหมดจดและแล่สดเมื่อสั่ง เน้นความหนาให้ลวกสุกพอดีที่ 1 นาทีในน้ำเดือน ก็สามารถทานปลาได้แบบฟินๆ"เซตมิตรเพื่อนพง (ชุดเล็ก 340 บาท/ ชุดใหญ่ 660 บาท)" "เซตมิตรรักทับทิม (ชุดเล็ก 240 บาท/ ชุดใหญ่ 440 บาท)""เซตมิตรรักปลาคัง (ชุดเล็ก 390 บาท/ ชุดใหญ่ 760 บาท)""หมูเด้งสวรรค์""หมูหมักนุ่ม (50 บาท)""เซตหมูและผองเพื่อนตอกไข่"น้ำซุปมีให้เลือกถึง 4 แบบ เป็นเบสสต็อกปลาทุกซุป- ซุปใสสมุนไพร ใส่สมุนไพรไทย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักชีใบเลื่อย ซุปนี้จะคลีนๆ ไม่ปรุงแต่งมาก- ซุปทมิฬ หรือชาบูน้ำดำ ตัวนี้เราจะใช้สต็อกปลาโอ และมีแค่ตัวนี้ที่จะต้องเป็นสต็อกปลาโอเท่านั้น จะออกสไตล์ญี่ปุ่นเค็มนิดๆ เพราะรสเค็มกินกับปลาจะอร่อยกว่า- ซุปเต้าเจี้ยวตามิตร ซุปสูตรของที่บ้านคุุณณัฎฐ์ มีเต้าเจี้ยวอย่างดี พริก กระเทียม รสชาติกึ่งๆ ต้มยำ- ซุปหมาล่า พริกเสฉวน หรือชวงเจีย นำเข้ามาจาก 12 ปันนา ตัวหมาล่าทำเอง นำมาผัดแล้วปรุงรสเพิ่มตัวน้ำจิ้มมีให้เลือกถึง 3 แบบ ทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรแม่ยาย น้ำจิ้มสุกี้อาเจ็ก และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวตามิตร จะใช้เต้าเจี้ยวทั้งแบบเม็ดและแบบบดเพื่อให้ได้เนื้อและรสชาติเค็มกำลังดี"ร้านมิตรปลาจุ่ม" อยู่ในโครงการดาดฟ้า ซอยลาซาล 33 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2106-4342

  • เขลางค์เฮ้าส์ อาหารเหนือสูตรลำปาง

    ไม่ต้องไปถึงเหนือก็มีอาหารเหนืออร่อยๆ ให้ทานกันที่ "ร้านเขลางค์เฮ้าส์" ร้านอาหารเหนือสูตรลำปางแต้ๆ ที่เปิดความอร่อยมากว่า 13 ปี อยู่ที่ซอยลาซาล 23 แยก 2ชื่อร้าน "เขลางค์เฮ้าส์" มาจากคำว่า เขลางค์ เป็นภาษาพื้นถิ่น หมายถึง เมืองลำปาง นั่นเอง ตัวร้านเป็นเรือนไทยแบบเหนือกึ่งย้อนยุคนิดๆ มียอดหลังคาประดับด้วยไม้แกะสลักไขว้ที่คนเหนือเรียกกันว่า "กาแล" และอาหารเหนืออย่างลำปางรสชาติเครื่องเทศจะไม่จัดเท่าจังหวัดอื่นๆ จะมีรสกลางๆ ทำให้ถูกปากคนทั่วไป"ยำหน่อไม้น้ำปู๋ (120 บาท)" หน่อไม้ไร่อ่อนต้มสมุนไพร มีทั้งใบขิง ใบแมงลัก และใส่น้ำพริกหนุ่มสูตรของทางร้านเข้าไปด้วย"ขันโตกล้านนา (499 บาท)" "ตำส้มโอน้ำปู๋ (150 บาท)" ส้มโอเนื้อกลีบใหญ่ ฉ่ำหวานจากแม่กลอง ปรุงรสด้วยน้ำปู่ที่ทำจากปูนาที่ทางร้านทำเอง ปรุงกับน้ำเชื่อม มะนาว และพริก"แกงขนุน (199 บาท)" ใช้ขนุนดิบต้มนานกว่า 4 ชั่วโมง เติมพริกแกงทางเหนือ และใส่สมุนไพรเพิ่มอย่างข่า ตะไคร้ หอมแดงใครที่ชอบทานอาหารเหนือโดยเฉพาะรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดลำปาง มากันได้ที่ร้าน "เขลางค์เฮ้าส์" อยู่ในซอยลาซาล 23 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2744-4064

  • รวมร้านอร่อยย่านตลาดพลู

    ถ้าพูดถึงย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยของอร่อยในกรุงเทพ หนึ่งในนั้นก็คือ "ตลาดพลู" ที่ไม่ว่าจะมากี่ครั้งของกินก็ละลานตาไปหมด วันนี้เปรี้ยวปากเลยมาแจกพิกัด 5 ร้านเด็ดในตลาดพลูให้ทุกคนได้ไปลองชิมกันร้านแรกต้องบอกว่ามาช้าหมดอดกินแน่เลย นั่นคือ "ร้านกุยช่ายสะพานหัน สาขาตลาดพลู" เป็นร้านกุยช่ายระดับตำนาน สูตรกว่า 50 ปี สาขาแรกอยู่ที่สะพานหัน และเพิ่งมาเปิดสาขาตลาดพลูเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ตัวแป้งของกุยช่ายเป็นสูตรพิเศษของทางร้านซึ่งโม่แป้งเอง น้ำจิ้มก็เด็ดใช้ซีอิ๊วคัดเกรดอย่างดีผสมกับน้ำเชื่อม และพริกน้ำส้มทางร้านก็ทำเอง กุยช่ายของร้านทำวันต่อวันไม่มีค้างคืนแน่นอนเพราะขายหมดทุกวัน วันนึงขายได้กว่า 1,000 ลูก และร้านกุยช่ายสะพานหันของจริงต้องเสิร์ฟใส่จานสังกะสีแบบนี้ เมนูกุยช่ายของที่ร้านมีทั้งแบบสี่เหลี่ยมและแบบกลม มีทั้งหมด 7 ไส้ คือ ไส้กุยช่ายแบบสี่เหลี่ยมและกลม, ไส้หน่อไม้, ไส้มันแกว, ไส้เผือก, เผือกเห็ดหอม, ขนมผักกาดไชเท้าทรงเครื่อง และเมนูยอดฮิต กุยช่ายตอกไข่ ตัวกุยช่ายของร้านจะเข้มข้น มีรสชาติในตัว หรือจะกินแบบนึ่งก็อร่อยแบบคลีนๆ หรือแบบทอดก็จะได้ความหอมของกระทะ"กุยช่ายตอกไข่ (45 บาท)""กุยช่ายกลม (ชิ้นละ 15 บาท)""กุยช่ายสี่เหลี่ยม (ชิ้นละ 15 บาท)""ร้านกุยช่ายสะพานหัน สาขาตลาดพลู" อยู่ที่ปากซอยเทอดไท 27 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1642-4508ต่อกันด้วยของหวานร้านดังในตำนานของตลาดพลูที่ต้องมากิน "ร้านนิอ่าง น้ำแข็งไส ไอติมไข่แข็ง" ร้านเปิดมากว่า 50 ปีแล้วกับเมนูของหวานกว่า 20 อย่าง ทั้งไอศกรีม น้ำแข็งไส รวมิตร เครื่องดื่ม และที่ห้ามพลาดคือ ไอศกรีมกะทิ หวาน มัน หอม เนื้อเนียน ยิ่งเพิ่มไข่แดงยิ่งฟิน"ไอศกรีมไข่เค็มแข็งเบิ้ลไข่นิอ่าง (80 บาท)" เมนูยอดฮิตที่ขายดี นอกจากจะตอกไข่แดงสดๆ ลงไปคลุกในตัวไอศกรีมแล้ว ก่อนเสิร์ฟก็ตอกไข่แดงท็อปด้านบนอีกหนึ่งลูกและเพิ่มไข่แดงเค็มเนื้อหนึ่งลงไปอีก"ร้านนิอ่าง น้ำแข็งไส ไอติมไข่แข็ง" อยู่ที่ ซอยเทอดไท 25 เลียบทางรถไฟ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-02.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-0595-2033มาทานหมี่กระเฉดอร่อยๆ กันต่อที่ "ร้านฉอเล้ง หมี่กระเฉดตลาดพลู" จุดเด่นของร้านคือหมี่กระเฉดหอมๆ และเครื่องแน่น ชิ้นโตๆ มาถึงฉอเล้งถ้าไม่กินผัดหมี่กระเฉดก็ถือว่ามาไม่ถึง"หมี่ผัดกระเฉดรวมมิตร (120 บาท)" เมนูเด็ดของร้าน ใส่เครื่องจัดหนักถึง 7 อย่าง ทุกอย่างจะนำไปรวนให้สุกก่อนนำไปผัด และทีเด็ดคือน้ำพริกเผาสูตรพิเศษที่ทางร้านทำเอง มีความเผ็ดให้เลือกได้ถึง 5 ระดับ คือ เผ็ดหัวเปียก, เผ็ดปกติ, เผ็ดน้อย, เผ็ดของเด็ก และไม่เผ็ดเลย"หอยจ๊อโคตรปู (150 บาท)" อีกหนึ่งเมนูขายดี ใช้เนื้อปูก้อนส่วนอก เมนูนี้ทั้งทำเองและห่อเอง สามารถสั่งเป็นแพ็คแบบที่ยังไม่ทอดกลับไปทอดเองที่บ้านได้อีกด้วย"เบคอนคั่วพริกเกลือ (150 บาท)" เบคอนเนื้อนุ่มคั่วคลุกเคล้ากับกระเทียม และพริกสด ปรุงรสชาติจัดจ้าน"ออส่วนกระทะร้อน (120 บาท)" เป็นเมนูใหม่ของที่ร้าน เสิร์ฟบนกระทะร้อน ใช้หอยนางรมสด ตัวใหญ่ๆ และแป้งออส่วนเป็นสูตรพิเศษของทางร้านตามมาอร่อยกับหมี่กระเฉดกันได้ที่ "ร้านฉอเล้ง หมี่กระเฉดตลาดพลู" อยู่ใต้สะพานตลาดพลู ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2569-1465ตำนานร้านกาแฟ 100 กว่าปี ในย่านตลาดพลูที่มีขาประจำหลากหลายรุ่น "ร้านสุริยากาแฟ" โดยร้านมีจุดเริ่มต้นมาจากอากงที่โล้สำเภามาจากเมืองจีน มาหาบเร่ขายกาแฟอยู่แถบฝั่งธนฯ พอมารุ่นที่ 2 ก็ทำเป็นร้านขึ้นมาจนตอนนี้มีถึง 3 สาขา และสาขาตลาดพลูเป็นสาขาที่ 3 นอกจากกาแฟแล้วจุดเด่นที่ดังไม่แพ้กันคือ ชา ที่ร้านใช้ชาซีลอนพรีเมี่ยมนำเข้าจากศรีลังกา ซึ่งตัวนี้เคยประกวดได้ที่ 1 ของโลกหลายปีอีกด้วย เมนูร้อน (เริ่มต้น 12 บาท/ 15 บาท) และเมนูเย็น (เริ่มต้น 15 บาท/ 20 บาท)"ร้านสุริยากาแฟ" สาขานี้อยู่ที่สี่แยกตลาดพลู ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-21.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6321-6296ปิดท้ายด้วยร้านที่คนรักเมนูปลาจะต้องชอบ "ร้านเล็กหงษ์ ข้าวต้มปลา" ที่ตลาดพลู นอกจากเมนูข้าวต้มปลาแล้วทีเด็ดของที่นี่ก็คือ ซาชิมิปลาไทย ซึ่งไม่ค่อยจะได้เห็นกันสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นปลาจากประเทศญี่ปุ่นมากกว่าที่ทุกคนคุ้นเคย"คุณเอ" เจ้าของร้านเป็นนักตกปลาที่ไปมาเกือบทั่วทุกจังหวัดในประเทศไทยแล้ว ทำให้ได้ชิมเมนูปลาแต่ละพื้นที่จึงรู้สึกว่าวัตถุดิบทางทะเลของไทยมีเยอะและรสชาติดีไม่แพ้ต่างประเทศ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะคิดว่าปลาเมืองนอกที่มีไขมันคือปลาชั้นดี แต่จริงๆ แล้วปลาบางชนิดของไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศมีราคาสูงกว่าไทยหลายเท่าตัว และบางที่ในต่างประเทศก็ชอบปลาที่ไม่มีไขมันซึ่งจะเป็นปลาที่มีในไทยเพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทำให้คุณเอรู้สึกเสียดายปลาไทยจึงนำมาทำอาหารและเกิดเป็นร้านนี้ขึ้นมา"ซาชิมิชุดมังกรแดง (150 บาท)" ประกอบด้วยปลาไทย 5 ชนิด คือปลากุดสลาด, ปลาเก๋าเพลิง, ปลาช่อนทะเล, ปลาโฉมงาม และปลาเรนโบว์รันเนอร์ ซึ่งเนื้อปลาแต่ละชนิดจะมีรสสัมผัสและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป มีหอยสังข์และปลาหมึกรวมอยู่ในเซตนี้ด้วย"ข้าวต้มปลาดิบ" หรือข้าวต้มปลาเก๋า เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ ราดลงไปบนปลาก็จะสุกทำให้ได้เทกเจอร์ของปลาที่ดีขึ้นและได้ความสดของปลา ซึ่งทางร้านจะใช้ปลาเก๋าไทยที่โตตามธรรมชาติโดยปลาเก๋าจะไม่ได้มีประจำที่ร้าน แล้วแต่ฤดูกาลว่าช่วงนั้นจะตกได้ปลาอะไร เพราะทางร้านจะรับซื้อปลาของคนที่ตกปลา ไม่ได้ซื้อจากแพปลา"ข้าวต้มปลาช่อนทะเล (60 บาท)""ยำหมูกรอบน้ำข้น (120 บาท)" ตัวหมูกรอบที่ร้านทำเองและดังไม่แพ้เมนูปลาใครที่ชอบทานปลาต้องไม่พลาด "ร้านเล็กหงษ์ ข้าวต้มปลา" อยู่ใต้สะพานตลาดพลู ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00-02.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-0246-8246

  • Nivas Cafe and Bistro ร้านอาหารไทยรสจัดจ้าน

    "นิวาส Nivas Cafe and Bistro" คาเฟ่และร้านอาหารสไตล์ไทยที่มีทั้งอาหารไทยแท้ ไทยประยุกต์ ไทยท้องถิ่น ซึ่งได้ 'เชฟหนุ่ม ธนินทร' เจ้าของมิชลินสตาร์ 1 ดาว มาช่วยให้คำปรึกษากับที่ร้าน และ 'เชฟป๊อป พิชชกร' การันตีด้วยรางวัลและประสบการณ์เพียบ"แกงเหลือกุ้งสดมังคุดคัด (350 บาท)" เมนูสุดพิเศษ ด้วยน้ำแกงที่เข้มข้นจากพริกแกงเหลือซึ่งทางร้านโขลกเอง และมังคุดคัดส่งตรงมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช "ยำถั่วพูกุ้งแม่น้ำเผา (220 บาท)" เมนูเรียกน้ำย่อย หอมกุ้งแม่น้ำย่างเตาถ่าน"รวนพะโล้ไข่เค็ม (220 บาท)" ใช้หมูสามชั้นคุณภาพดี รวนกับเครื่องสามเกลอ และในน้ำพะโล้จะผสมไข่เค็มลงไปด้วยทำให้ได้ความเข้มข้นมากขึ้น"ผัดไทยไชยา (180 บาท)" เมนูนี้ทางเชฟปรุงซอสผัดไทยขึ้นมาเอง ทานคู่กับไข่เค็มไชยา"แกงเขียวหวานไก่กับโรตี (220 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่พริกแกงที่โขลกเอง รับประกันความหอมตามมาอิ่มอร่อยกันได้ที่ร้าน "นิวาส Nivas Cafe and Bistro" อยู่ที่ซอยนาคนิวาส 24 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-00.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-6868-8951

  • 168 Gyoza เกี๊ยวซ่าจีนย่านแปลงนาม

    "168 Gyoza" ร้านอาหารจีนแบบดั้งเดิม แต่บางเมนูจะปรับให้เป็นฟิวชั่นโดยมีเมนูเกี๊ยวซ่าเป็นเมนูชูโรงซึ่งเป็นสูตรเหลียวหนิง จากประเทศจีน ที่ดังเรื่องเกี๊ยวมากๆ และการตกแต่งร้านเป็นสไตล์จีนโมเดิร์นแถมยังมีมุมถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆ อีกด้วยนอกจากนี้ชื่อร้าน "168 Gyoza" ยังเป็นชื่อมงคลอีกด้วยเพราะถ้าอ่านออกเสียงเป็นภาษาจีน จะออกเสียงว่า อี ลิ่ว ปา เจียงจือ พอเรียกรวมกันจะไปคล้องเสียงกับคำว่า อีลู่ปา ที่เป็นคำพูดเพื่อใช้ในการอวยพร ขอให้ร่ำรวย รุ่งเรือง"เกี๊ยวซ่าชีสจักรพรรดิ (ชุดเล็ก 168 บาท/ ชุดใหญ่ 298 บาท)" เมนูนี้จะมีเกี๊ยวซ่าทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน คือ เกี๊ยวซ่าหมาล่า, เกี๊ยวซ่าฮองเฮา และเกี๊ยวซ่ารสลาบ ซึ่งแป้งเกี๊ยวซ่าเป็นแป้งแบบโฮมเมด"เกี๊ยวซ่าแปลงนาม (128 บาท)" หน้าตาของเกี๊ยวซ่าแปลงนามนี้จะแตกต่างจากเมนูอื่นๆ ตรงที่ทอดออกมาเป็นวงกลม ซึ่งคนจีนจะนิยมทอดเกี๊ยวให้ติดกัน ส่วนไส้ด้านในจะเป็นไส้หมูปรุงรส จิ้มกับจิ๊กโฉ่ว หรือน้ำมันพริก ยิ่งเพิ่มความอร่อย"เกี๊ยวซ่ามังกร (148 บาท)" ความพิเศษของเกี๊ยวซ่ามังกรนอกจากจะมีไส้หมูแล้ว ยังเพิ่มกุ้งมาทั้งตัวอีกด้วย แล้วยังโรยหน้าด้วยไข่กุ้ง ด้านนึงของเกี๊ยวจะถูกจี่ให้มีความกรอบ  จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด"ผัดเซี่ยงไฮ้หนวดมังกร (88 บาท)" เส้นสดทำกันใหม่ๆ หน้าร้าน ตัวเส้นจะมีความเหนียว นุ่ม มาผัดกับเห็ดหอม หมู แครอท และกะหล่ำปลี"เกี๊ยวน้ำหนวดมังกร (88 บาท)" เครื่องเป็นหมูสามชั้นนุ่มๆ ส่วนน้ำซุปได้รสชาติแบบจีนแท้ๆ ใช้กระดูกหมูล้วนและโครงไก่ผสมกัน"ร้าน 168 Gyoza" อยู่ที่ซอยแปลงนาม เปิดวันอังคาร-พฤหัส ตั้งแต่เวลา 11.00-20.30 น. และวันศุกร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.30 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร.09-0499-8628

  • ฮิมกีข้าวขาหมูในน้ำมะพร้าว

    "ฮิมกีข้าวขาหมูในน้ำมะพร้าว" ขาหมูสูตรจีนแต้จิ๋วโดยจะตุ๋นขาหมูกับน้ำมะพร้าวและเครื่องยาจีน 13 ชนิด น้ำมะพร้าวจะทำให้ขาหมูเนื้อนุ่ม หอม ได้กลิ่นทั้งมะพร้าวและกลิ่นเครื่องยาจีน รสชาติอร่อยกลมกล่อมไม่ธรรมดาเพราะสูตรนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษซึ่งเป็นเชฟจากเมืองจีนแท้ๆ และความมันจะน้อยกว่าข้าวขาหมูแบบทั่วไปอีกด้วย"ข้าวขาหมูเนื้อหนัง (เริ่มต้น 40 บาท)" จะใช้ขาหมูส่วนของขาหลัง นำไปต้มก่อนแล้วค่อยทอดเพื่อรีดน้ำมันออกจะทำให้หนังนุ่ม ฟู จากนั้นค่อยนำไปตุ๋นต่ออีก 3 ชั่วโมง และเครื่องเคียงอย่างผักกาดดองที่ร้านก็ทำเอง "ไส้พะโล้ (จานละ 50-100 บาท)" ไม่เหนียว นุ่ม ไม่มีกลิ่น โดยทางร้านจะใช้ส่วนของหัวไส้ซึ่งจะมีความหนา นำไปตุ๋นในน้ำซุปขาหมูกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้รสชาติน้ำซุปซึมเข้าไปในไส้เลย"คากิ (80 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน ตุ๋นจนเข้าเนื้อเปื่อยนุ่ม"ร้านฮิมกีข้าวขาหมูในน้ำมะพร้าว" อยู่ที่ถนนเลียบคลอง 2 ซอย 14 ใกล้แยกซาฟารีเวิลด์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. (หยุดทุกวันที่ 16 ของเดือน) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6331-3283

  • หรอยแรงกับอาหารใต้ ร้านละมุนลิ้น โฮม คิทเช่น

    มาย่านมีนบุรีแล้วถ้าอยากหรอยกับรสชาติแกงใต้ ขอแนะนำร้านนี้เลย "ร้านละมุนลิ้น โฮม คิทเช่น" อาหารใต้หรอยแรงสูตรจากนครศรีธรรมราชที่ส่งตรงวัตถุดิบหลักจากทั่วภาคใต้มารวมไว้ที่นี่ รับรองถูกใจคออาหารใต้แน่นอน"น้ำพริกชุบโจร (169 บาท)" เป็นน้ำพริกแบบทางใต้ ซึ่งมีเรื่องเล่าของชื่อน้ำพริกว่ามีโจรปล้นบ้านหลังหนึ่งแล้วเกิดหิวขึ้นมา ในครัวมีเครื่องทำน้ำพริกอยู่เลยทำน้ำพริกกิน แต่ใช้มือขยำเอาเพราะถ้าใช้ครกเจ้าของบ้านจะได้ยิน จึงกลายเป็นที่มาของน้ำพริกชุบโจร"แกงคั่วหมูละมุน (189 บาท)" ใช้กะปิจากสุราษฎร์ธานีที่มีรสกลมกล่อมผสมกับกะปิจากระนองที่มีรสเข้ม และผสมกับเครื่องแกที่โขลกเอง ทำให้ได้รสชาติถึงเครื่อง"ต้มกะทิใบเหลียงกุ้งสด (209 บาท)" "แกงเหลืองปลากดลูกเขาคัน (259 บาท)" เป็นเมนูตามฤดูกาล หอมกลิ่นกะปิ และมีความเปรี้ยวของลูกเขาคันซึ่งเป็นพืชผักตามฤดูกาล"หมูฮ้อง (219 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน เนื้อหมูนุ่ม ตุ๋นนานกว่า 3 ชั่วโมง มีกลิ่นหอมผักชีพริกไทยดำ ยิ่งทานคู่กับน้ำพริกยิ่งเสริมรสชาติกันได้ดีปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน "โกสุ้ย (กล่องละ 35 บาท)" และ "สาคูลำไย (50 บาท)" ทางร้านใช้สาคูธรรมชาติจากต้นส่งมาจากจังหวัดพัทลุง มาต้มกับลำไย ราดด้วยน้ำกะทิที่ใช้มะพร้าวจากสมุย ทานตอนอุ่นๆ จะดีมากมาอิ่มอร่อยกับอาหารใต้ได้ที่ "ร้านละมุนลิ้น โฮม คิทเช่น" อยู่ระหว่างซอยรามคำแหง 192-194 ร้านเปิดทุกวัน 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2004-8565

  • แก้วกะเพราปู ร้านซีฟู้ดตามสั่งลับในพัทยา

    ร้านลับประจำพัทยา "แก้วกะเพราปู" สวรรค์ของคนรักซีฟู้ดที่มีเมนูซีฟู้ดให้เลือกมากกว่า 60 เมนู ราคาก็ย่อมเยา เริ่มต้นจานละ 80 บาทเท่านั้นเอง และแต่ละไซส์ใหญ่ แซ่บ เด็ดสมคำร่ำลือ"กะเพราปู (กับข้าว ราคา 280 บาท/ ราดข้าว ราคา 80 บาท)" เมนูนี้ใช้ก้ามอ่อนปูม้าที่นึ่งแล้วมาผัดกะเพราสูตรเด็ดของทางร้าน โดยใช้พริกขี้หนูสวนและพริกยอดสนมาผสมกันเพื่อเพิ่มรสชาติความเผ็ด และใช้ใบกะเพราบ้านที่หอมกว่ากะเพราพันธุ์อื่นๆ"ต้มยำรวมมิตร (ราคา 220 บาท)" จัดเต็มมาทั้งกุ้ง ปลาหมึก และเนื้อปลา ทางร้านจะใส่ใบกะเพราลงไปด้วยเพื่อดับกลิ่นคาว และได้รสเผ็ดร้อนเพิ่มขึ้น"หอยเชลล์ผัดฉ่า (ราคา 250 บาท)" ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ความสด หวานของหอยเชลล์ไซส์ใหญ่ที่ส่งตรงมาจากสะพานปลา"กั้งทอดกระเทียม (ราคา 280 บาท)" ทางร้านเลือกใช้กั้งแก้วไซส์ใหญ่ที่แกะและนึ่งมาเรียบร้อยแล้ว มีทั้งความสดและหวานของกั้ง มาพร้อมกระเทียมเจียวที่ทางร้านเจียวใหม่ทุกวัน"ร้านแก้วกะเพราปู" อยู่ใกล้สี่แยกพัทยาเหนือ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.30-15.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร 09-0083-1378

  • Cave Beach Club

    อีกหนึ่งร้านในพัทยาที่ไม่มาถือว่าเอาท์ "Cave Beach Club" ที่ตกแต่งแบบเมดิเตอร์เรเนียน สไตล์ชนเผ่าชาวเกาะ ยิ่งมาถ่ายรูปช่วงบรรยากาศแสงสุดท้ายของวันจะยิ่งสวยมากๆ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในร้านก็เป็นงานฝีมือชนเผ่าจากทั่วโลก บางชิ้นก็นำเข้ามาจากอเมริกาใต้ หรือ South Africa ด้วยภายในร้านจะแบ่งออกเป็นโซน Restaurant, Cafe and Bar และโซน Fine Dining ส่วนเรื่องอาหารอร่อยแน่นอน เพราะใช้ครัวเดียวกับ The Glass House แต่ทางร้านก็จะมีเมนูพิเศษเฉพาะที่ Cave Beach Club อีกด้วย"ปลาอินทรีย์ล่องใต้ (240 บาท)" ใช้ปลาอินทรีย์ไซส์ใหญ่ส่งตรงจากทะเลไทย นำมาปรุงกับเครื่องแกงใต้ใส่ใบชะพลูเพื่อเพิ่มความหอม"ทะเลลาวา (290 บาท)" เมนูนี้จะคล้ายกับปลาหมึกผัดไข่เค็ม มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์"แกงคั่วแซลมอนย่างไข่เค็ม (390 บาท)" ทางร้านใช้พริกแกงคั่วสูตรพิเศษ และใส่ไข่เค็มลงไปตอนทำน้ำแกง เพื่อให้ได้ทั้งรสชาติที่มันและเค็ม ส่วนปลาแซลมอนก็มาจากนอร์เวย์เลย"พล่ากุ้งหมูสับ (260 บาท)" เป็นพล่ากุ้งสูตรโบราณของทางร้าน แต่เพิ่มความพิเศษด้วยการใส่หมูสับ เมนูนี้จะหอมสมุนไพรมาก"ร้าน Cave Beach Club" อยู่ที่ซอยนาจอมเทียน 10 สอบถามเพิ่มเติม เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. โทร. 08-3825-8283

  • คั่วไก่ป้าเพียร

    ร้านลับที่แอบซ่อนอยู่แถวๆ วัดราชบพิธ "ร้านคั่วไก่ป้าเพียร" เปิดมานานกว่า 47 ปี หอมกระทะตั้งแต่ปากซอย เพราะคุณป้าใช้เตาถ่านและกระทะทองเหลืองจึงมีความหอมเฉพาะตัว และทีเด็ดที่ทำให้ลูกค้าติดใจคือการคั่วได้ทุกเส้นไม่ใช่แค่เส้นใหญ่เท่านั้นนอกจากเส้นที่เด็ดแล้วยังมีหมูแดงที่หมักด้วยสูตรเฉพาะของทางร้านที่มีมาแต่โบราณ และตัวน้ำราดก็จะผสมน้ำหมูแดงลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติและความกลมกล่อม ทำให้ซอสหมูแดงมีความเข้มข้นและรสชาติที่อร่อยไม่เหมือนใคร"เส้นใหญ่คั่วรวม" ที่ร้านจะเน้นคั่วมาแห้งๆ โดยเมนูคั่วรวมจะใส่มาทั้งไก่ หมึกกรอบ และหมูแดงแบบจัดเต็ม และ "บะหมี่คั่วรวม" พอเส้นบะหมี่ถูกคั่วมาจนแห้งเกรียมเลยมีความกรุบกรอบให้สัมผัสที่ดีมากตามมาอร่อยกันได้ที่ "ร้านคั่วไก่ป้าเพียร" อยู่ที่ตรอกวิสูตร ตรงข้ามวัดราชบพิธ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 10.30-16.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9178-7035

  • กุ้งอบวุ้นเส้นคุณพลอย

    ร้านสตรีทฟู้ดขวัญใจคนย่านศรีนครินทร์ "ร้านกุ้งอบวุ้นเส้นคุณพลอย" ร้านเล็กๆ แต่รีวิวความอร่อยแน่น แถมลูกค้ายังสามารถเลือกได้ว่าจะเอาอะไรอบวุ้นเส้น มีทั้งหมูนุ่ม กุ้งขาว กุ้งแม่น้ำ ปูไข่ หมึก แล้วก็เห็ดต่างๆ หรือจะสั่งเป็นรวมมิตรก็ได้ เส้นก็มีให้เลือกถึง 2 แบบ คือเส้นกลมและเส้นแบน จะให้สัมผัสที่ต่างกัน"ปูไข่อบวุ้นเส้น (เริ่มต้น 200 บาท/ราคาตามน้ำหนัก)""กุ้งแม่น้ำอบวุ้นเส้น (150 บาท)""รวมมิตรอบวุ้นเส้น (100-150 บาท)"ใครที่อยากทานเมนูอบวุ้นเส้นอร่อยๆ มากันได้ที่ "ร้านกุ้งอบวุ้นเส้นคุณพลอย" อยู่หน้าโลตัสศรีนครินทร์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 16.30-21.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-0057-2739

  • เตี๋ยวไก่นางงาม

    ร้านเมนูเส้นที่โด่งดังในย่านคู้บอน "ร้านเตี๋ยวไก่นางงาม" ของ 'น้องปอไหม-รัตติกร' มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2015 ที่แค่ก้าวเท้าเข้ามาในร้านก็ได้กลิ่นหอมของน้ำซุปคลุ้งไปทั่วร้านใครที่ชอบกินไก่ตุ๋นจะต้องชอบความเปื่อยและเนื้อร่อนละลายในปากของไก่ร้านเตี๋ยวไก่นางงาม เพราะระยะในการเปื่อยของแต่ละชิ้นส่วนของไก่ไม่เท่ากัน ดังนั้นทางร้านจึงแยกหม้อตุ๋นแต่ละส่วนของไก่เพื่อความเปื่อยและป้องกันไม่ให้เนื้อไก่ไม่สวยอีกด้วย"เส้นเล็กรวมทุกอย่าง (55 บาท)""ซุปเปอร์ (65 บาท)""ปีกจานใหญ่ (55 บาท)""ข้อจานใหญ่ (55 บาท)""เลือดจานใหญ่ (35 บาท)"ใครที่ชอบเมนูก๋วยเตี๋ยวไก่ เนื้อร่อน ละลายในปาก ตามมาอิ่มอร่อยกันได้ที่ "ร้านเตี๋ยวไก่นางงาม" อยู่ที่ถนนคู้บอน ต้นซอย 16/1 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-24.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5019-1879

  • ราชวัตรร้านเก่าแก่แต่เก๋า

    วันนี้เปรี้ยวปากพามาเดินชิลย่านเก่าแก่อย่าง "ราชวัตร" ชี้เป้าร้านเด็ดที่การันตีความเก๋าด้วยตัวเลขอายุของร้านที่เก่าแก่แต่เก๋าทุกร้านแน่นอน ซึ่งย่านนี้มีคนพลุกพล่านทั้งวัน เพราะมีทั้งตลาด ทั้งร้านอร่อยริมสองข้างทาง ตั้งแต่เช้าไปจนถึงกลางคืน เสน่ห์ของย่านนี้นอกจากร้านอาหารแล้ว ริมสองฝั่งข้างทางยังเป็นตึกเก่ามีทั้งร้านขายของแบบสมัยเด็กๆ ร้านขายหนังสือ ร้านล้างรูป มาย่านนี้ใครชอบถ่ายรูปสไตล์วินเทจต้องชอบแน่นอนเริ่มกันที่ร้านแรกด้วย "ร้านสวัสดีราชวัตร" เป็นร้านที่ใครมาย่านนี้ต้องห้ามพลาด ร้านเปิดมาตั้งแต่ปี 2514 คุณยายสมรเจ้าของสูตรร้านสวัสดีราชวัตรเล่าถึงที่มาของร้านให้ฟังว่า 'แต่ก่อนที่บ้านเปิดโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยวมาก่อน ช่วงกลางคืนคุณยายจะทำเส้นก๋วยเตี๋ยว กลางวันยายก็จะเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวมาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวถังแตกขาย หลังจากนั้นก็เลยเปลี่ยนมาขายเป็นผัดไทย หอยทอดแทน แล้วก็มีขนมกุยช่าย ขนมผักกาดด้วย และชื่อร้านสวัสดีราชวัตร ก็มาจากชื่อร้านขายข้าวสารของพี่สาว พี่สาวมีร้านชายข้าวสารชื่อว่า สวัสดี แล้วพี่สาวมาเล่าให้ฟังว่าพอใช้ชื่อนี้แล้วขายดีมาก ยายมาเปิดร้านจึงตั้งชื่อว่า สวัสดีราชวัตร จะได้ขายดีแบบพี่สาวบ้าง'"ผัดไทยกุ้งสด (100 บาท)" ทางร้านใช้เส้นจันทน์เหนียวนุ่ม ผัดไทยของที่ร้านจะไม่มีน้ำซอสผัดไทยเตรียมไว้ จะเป็นการปรุงใหม่ทุกจาน รสชาติจัดจ้าน และใช้น้ำส้มแทนน้ำมะขาม"หอยแมลงภู่กระทะร้อน (120 บาท)" อีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ สามารถเลือกระดับความกรอบของแป้งได้โดยใช้แป้งข้าวเจ้าและแป้งมันผสมกันเพื่อให้ได้ทั้งความกรอบและความเหนียว ส่วนน้ำจิ้มทางร้านใช้พริกจินดานึ่งแล้วปั่นผสมกับน้ำส้ม"ขนมกุยช่ายทอด (ชิ้นละ 10 บาท)" มีให้เลือก 3 ไส้ คือ เผือก มันแกว กุยช่าย "ขนมผักกาด (50 บาท/พิเศษ 60 บาท)" "ร้านสวัสดีราชวัตร" อยู่เยื้องตลาดราชวัตร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-16.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2241-2096มาต่อด้วยอีกหนึ่งร้านเก๋าในย่านนี้ "ร้านวันสตาร์ เป็ดย่าง ราชวัตร" ร้านเป็ดย่างชื่อดังในย่านราชวัตร เปิดมากว่า 25 ปี ซึ่งทางร้านคิดสูตรขึ้นมาเองและเป็นสูตรของครอบครัวอีกด้วย "ข้าวหน้าเป็ด (50 บาท)" เป็ดย่างหอมเครื่องเทศ เพราะทางร้านหมักเป็ดเชอร์รี่กับเครื่องเทศทิ้งไว้ 1 คืน ก่อนนำมาย่างอีก 45 นาที ทำให้เป็ดเนื้อนุ่ม หนังบางกรอบ ที่สำคัญคือไม่มีกลิ่นสาบ"บะหมี่เป็ด (55 บาท)" เส้นบะหมี่ของทางร้านเป็นบะหมี่ไข่ สั่งทำพิเศษ และทีเด็ดอยู่ที่น้ำราดแบบเดียวกันกับน้ำราดข้าวหน้าเป็ด ใช้เครื่องเทศกว่า 10 ชนิด เคี่ยวกับน้ำซุปซี่โครงเป็ดเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมงเลยอีกหนึ่งเมนูที่สั่งมาซดน้ำให้คล่องคอ "เกี๊ยวกุ้ง เป็ด หมูกรอบ" แป้งเกี๊ยวของที่ร้านสั่งทำพิเศษ แป้งจะบาง ส่วนกุ้งทางร้านจะนำไปหมักก่อนเอามาหอ่ น้ำซุปหวาน หอม อร่อย"ร้านวันสตาร์ เป็ดย่าง ราชวัตร" อยู่เยื้องตลาดราชวัตร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30-16.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2241-2506ทานของคาวไปแล้วต้องต่อด้วยของหวาน "ร้านขนมครกเข้าวัง" ที่เปิดขายมา 40 ปีแล้ว เดิมแต่ก่อนชื่อร้านว่าขนมครกลุงธนิต แต่ทางร้านได้มีโอกาสเข้าไปทำขนมครกถวายในวัง พอคนที่มาซื้อรู้ว่าร้านนี้เข้าไปทำถวายมา จึงเรียกชื่อร้านกันใหม่ว่า ขนมครกเข้าวัง แทนขนมครกของที่ร้านจะกรอบนอกนุ่มใน รสชาติละมุนลิ้น โดยเน้นที่กะทิ จะใช้มะพร้าวเจ้าเดียวกับที่ส่งเข้าวัง เป็นมะพร้าวจากทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะใช้หัวกะทิเพื่อความหอม มัน โดยมีหน้าขนมครกให้เลือกทั้งหมด 10 หน้า คือ ฝอยทอง, แปะก๊วย, เม็ดบัว, พุทรา, ลำไย, ลูกเกด, มะพร้าว, ผัก, เผือก และข้าวโพด"ร้านขนมครกเข้าวัง" อยู่หน้าร้านสวัสดีราชวัตร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1916-0974ปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่างบัวลอยที่ "ร้านบัวลอยไข่หวานทรงเครื่อง" ร้านเปิดมาตั้งแต่ปี 2540 โดยพี่อุ๊เจ้าของร้านบอกว่า 'พี่อุ๊เป็นคนชอบกินบัวลอย ตระเวนชิมบัวลอยตามหาร้านอร่อยไปเรื่อยๆ จนมาวันนึงคิดได้ว่าทำไมเราไม่เปิดร้านขายเองเลย จึงได้ลองทำสูตรบัวลอยของตัวเองขึ้นมา'เห็นสีสันอันสดใสของบัวลอยแล้ว สีที่ใช้เป็นสีจากธรรมชาติล้วนๆ โดยใช้แป้งข้าวเหนียวผสมกับผักผลไม้ต่างๆ เพื่อให้เกิดเป็นสีสัน อย่างเช่น สีเเหลืองมาจากฟักทอง, สีส้มมาจากแครอท, สีม่วงมาจากเผือกหรืออัญชัน และสีชมพูมาจากแก้วมังกร นอกจากสีสันของบัวลอยที่น่าทานแล้ว ทีเด็ดที่ทำให้เหล่าลูกค้าติดใจกันมากก็คือ ไข่หวานและท็อปปิ้งที่สามารถเลือกใส่ได้ตามชอบ โดยตัวไข่มีให้เลือกทั้งไข่หวานแบบสุกและไข่หวานแบบยางมะตูม เครื่องก็มีให้เลือกใส่เพิ่มอีก 4 อย่าง มีแปะก๊วย, เผือก, ข้าวโพด และมะพร้าว"บัวลอยไข่หวานทรงเครื่อง (ไข่เค็มและไข่หวาน 40 บาท)" ตามมาชิมบัวลอยสูตรโฮมเมดอร่อยๆ กันได้ที่ "บัวลอยไข่หวานทรงเครื่อง" อยู่ตรงข้ามตลาดราชวัตร ข้างป้อมตำรวจ ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 16.00-20.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9798-8644

  • ท่าอรุณ ร้านอาหารไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    "ร้านท่าอรุณ" เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน วิวแม่น้ำเจ้าพระยา และพระปรางค์วัดอรุณฯ งดงามเหนือคำบรรยาย พร้อมกับเมนูอาหารไทยแท้แบบโบราณ รสชาติจัดจ้านตามแบบฉบับไทย ภายในร้านตกแต่งสไตล์ย้อนยุคตามคอนเซ็ปต์ 'เห่อฝรั่ง' คือภายในร้านจะเล่าเรื่องราวในช่วงสมัยก่อนที่คนไทยจะเริ่มปรับตัวรับกับวัฒนธรรมแบบฝรั่งผ่านการตกแต่ง ทั้งแชนเดอเรีย เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องแก้วเจียระไนแบบโบราณ"ยำส้มโอ (275 บาท)" เมนูโบราณที่เป็นที่ชื่นชอบทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ นำมาคลุกแบบโบราณด้วยน้ำยำมะขามเปียกที่เคี่ยวกับน้ำตาลมะพร้าว"กะปิคั่ว (240 บาท)" ในบรรดาเครื่องจิ้มของไทย กะปิคั่วเป็นอีกหนึ่งสำรับที่หาทานได้ยาก ทางร้านใช้กะปิอย่างดี กะทิ หอมแดง และตะไคร้ นำมาปรุงด้วยสูตรของร้านท่าอรุณ ทานคู่กับผักสดเป็นเครื่องเคียง"แกงปูใบชะพลู (480 บาท)" หรือน้ำยาปู เมนูนี้คล้ายกับน้ำยาของภาคกลางที่กินกับขนมจีน ทางร้านคัดเนื้อปูพิเศษมาจากภาคใต้ เนื้อแน่น คุณภาพดี ส่วนพริกแกงรสเข้มข้นนั้นทางร้านตำเอง เป็นสูตรปักษ์ใต้ ใส่ขมิ้น เข้มข้นตามแบบต้นตำรับไทย"แกงมัสมั่นเนื้อแกะ (420 บาท)" ทางร้านใช้เนื้อแกะนำเข้าจากออสเตรเลีย ตัวแกงมีรสชาติกลมกล่อม หอมพริกแกงสูตรต้นตำรับจากทางร้าน เนื้อแกะนุ่มละมุนลิ้น รสชาติหวานมันกลมกล่อมปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง "ลูกลานลอยแก้ว (120 บาท)""ร้านท่าอรุณ" อยู่ถนนมหาราช ซอยเพ็ญเพัฒน์ 1 วันจันทร์-ศุกร์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-15.00 น. และ 16.00-21.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร.06-3170-4055

  • ผัดไทยพรหมพิราม

    "ร้านผัดไทยพรหมพิราม" ที่จะทำให้เมนูซิกเนเจอร์ของเมืองไทยอย่าง 'ผัดไทย' ให้อร่อยได้ไม่เหมือนใคร ที่สำคัญส่งต่อความอร่อยมากกว่า 50 ปีแล้ว เสน่ห์ของผัดไทยพรหมพิรามคือจะใส่แหนมโดยเป็นแหนมสดปรุงเองเฉพาะกับผัดไทยพรหมพิรามเท่านั้น รสชาติแหนมจะไม่โดดแต่กลมกล่อมเข้าไปกับตัวไทยได้ดีจุดเริ่มต้นตำนานสูตรผัดไทยพรหมพิรามเกิดจากครอบครัวของคุณครีมเจ้าของร้านที่คุณย่าทำผัดไทยขายอยู่แล้ว พอมารุ่นคุณลุงก็มีเพิ่มแหนมเข้ามา และปรับปรุงสูตรมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นผัดไทยพรหมพิรามที่ทางครอบครัวตั้งชื่อเอง เพราะเป็นบ้านเกิดของคุณครีมและทำให้นึกถึงคุณย่าที่เป็นเจ้าของสูตรกว่า 50 ปีด้วย"ผัดไทยเส้นจันท์แหนมกุ้งสด (119 บาท)" เมนูไฮไลท์ของทางร้าน โดยแหนมที่ใช้เป็นแหนมสดที่ทำมาเพื่อเมนูนี้โดยเฉพาะ หาทานที่อื่นไม่ได้ ส่วนตัวกุ้งสดเอาไปชุบน้ำซอสที่ทำมาจากมันกุ้งแท้ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและความมัน"ผัดไทยเส้นจันท์กากหมู (79 บาท)" หากใครที่ไม่ชอบทานแหนม ทางร้านก็มีเมนูผัดไทยแบบไม่ใส่แหนม และจุดเด่นของเมนูนี้คือกากหมูที่ทางร้านเจียวเองวันต่อวัน"น้ำตกหมูเมืองพรหม (85 บาท)" เมนูจัดจ้านแบบไทยอีสาน ใช้มะนาวสดและหมูทอดที่ทอดสดใหม่ ตามด้วยความเค็มนวลๆ ซึ่งมาจากน้ำปลาสูตรเฉพาะของทางร้าน"ข้าวผัดหมูทอดไข่ตูม เมืองพรหม""ข้าวเกรียบปากหม้อใบเตยกะทิสด""ร้านผัดไทยพรหมพิราม" อยู่ที่ซอยประเสริฐมนูกิจ 33 โครงการ AT 168 AVENUE ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2584-9999

  • ระเบียงแซ่บ อร่อยแบบไทยแท้ทั่วทุกภาค

    "ร้านระเบียงแซ่บ" ที่ขนเอาความอร่อยแบบไทยแท้ทั่วทุกภาคมาไว้ที่เดียว คอนเซ็ปต์ร้านคือความจัดจ้านในแบบฉบับของระเบียงแซ่บ เครื่องเทศต้องแน่น อาหารรสจัด มีการเบลนเอาเครื่องเทศและลักษณะความเป็นไทยเข้ามาใส่ในอาหารเพื่อให้คงความเป็นไทยเอาไว้ บรรยากาศร้านเป็นสไตล์ Industrial Tropical Home ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย"ตำ หรอย ลำ แซ่บ (200 บาท)" เมนูตำ 3 ภาค ที่รวมทั้งอีสาน เหนือ ใต้ ทั้งไส้อั่ว สะตอ และปลาร้าทางร้านก็ทำเอง"ไก่ย่างขมิ้น (200 บาท)" ใช้เฉพาะส่วนน่องและสะโพกของไก่ สูตรเด็ดคือเครื่องต้องถึงทั้งขมิ้นและสมุนไพรต่างๆ หมักข้ามคืนจนซึมเข้าไปในเนื้อ"พะโล้แห้งภูเก็ต" เมนูนี้คล้ายๆ กับหมูฮ้อง เคี่ยวกับเครื่องเทศจนสีไข่กลืนไปกับน้ำพะโล้"ปลาร้าหลนทรงเครื่องโบราณ (150 บาท)" เมนูไฮไลท์ของร้าน จุดเด่นคือปลาร้า ที่ทำมาจากปลาช่อนที่หมักกับข้าวคั่วจากจังหวัดสุพรรณบุรีเท่านั้น ซึ่งจะหอมมากเวลานำมาทำอาหาร"หมึกไข่ทุ่งสง (250 บาท)" สูตรมาจากทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ใช้วัตถุดิบคัดเฉพาะปลาหมึกตัวที่มีไข่เท่านั้น ใส่อ้อย เคี่ยวกับน้ำตาลโตนดจนรัดตัว โดยต้องเคี่ยวนานพอสมควรจนได้ที่"ยำสามกรอบสตรอว์เบอร์รี (180 บาท)"ปิดท้ายด้วยของหวาน "สาคูต้น (70 บาท)" ใช้เม็ดสาคูที่มาจากต้นแท้ๆ ราดด้วยกะทิสด หอม หวาน มัน ตามมาทานอาหารไทยรสชาติจัดจ้านถึงเครื่องเหมือนรสมือแม่ได้ที่ "ร้านระเบียงแซ่บ" อยู่ที่ ถ.ประชาอุทิศ ใกล้กับสถานทูตกัมพูชา ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2158-9400

  • ห่านพะโล้ สาธุฯ 50

    ตำนานความอร่อยกว่า 50 ปี "ร้านห่านพะโล้ สาธุฯ 50" ร้านห่านพะโล้ตามแบบฉบับชาวจีนแท้ๆ สูตรมาจากอากง เด็ดทั้งห่านพะโล้และเป็ดพะโล้ โดยเป็ดของที่นี่ใช้เป็นเป็ดไล่ทุ่งที่มีมันน้อยและหนังบาง ห่านก็ไม่มีกลิ่นสาป เนื้อนุ่ม เด็ดจนบางวันขายดีของหมดก่อนถึงเวลาร้านปิดอีกด้วย"ห่านพะโล้ (ตัวละ 1,800.-)" และ "เป็ด (ตัวละ 560.-)""ข้าวหน้าห่านพะโล้ (80-100.-)" ห่านของทางร้านไม่เหม็น เนื้อนุ่ม เพราะทางร้านใช้วัตถุดิบสดใหม่ เลือกใช้ห่านไซส์ใหญ่โดยจะตุ๋นในน้ำพะโล้ถึง 1 ชั่วโมง และทีเด็ดอยู่ที่น้ำพะดล้ที่ตุ๋นเป็นสไตล์จีน คือเค็มนำและหอมเครื่องพะโล้ ส่วนน้ำราดที่แยกถ้วยมาให้ ทางร้านจะนำน้ำพะโล้มาปรุงเพิ่มโดยใส่ชะเอมลงไปด้วย"น้ำแกงมะระกระดูกหมู (50.-)""น้ำแกงดอกไม้จีน (60.-)""น้ำแกงรากบัว (70.-)"ตามมาอร่อยกับห่านพะโล้ได้ที่ "ร้านห่านพะโล้ สาธุฯ 50" อยู่ที่ซอยสาธุประดิษฐ์ 50 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.30-15.00 น. (หยุดวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2294-3719

  • ราชารส ก๋วยเตี๋ยวเรือระดับมิชลินไกด์

    "ราชารส" ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือฟิวชั่นรสจัดจ้านที่ใช้เนื้อวากิวนำเข้าจากญี่ปุ่นและออสเตรเลีย การันตีความอร่อยระดับมิชลินไกด์ เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ได้รับการผสมผสานระหว่างก๋วยเตี๋ยวแบบไทยและเนื้อนำเข้า ทำให้หลายคนติดใจจนต้องมาเปิดสาขาเพิ่มที่สาธุประดิาฐ์โดยสาขาแรกเปิดอยู่ที่นิมมาน จ.เชียงใหม่ "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวากิว (119 บาท)" ใช้เนื้อวากิวระดับพรีเมี่ยม ชิ้นใหญ่ เมนูนี้เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟแยกน้ำซุปมาให้ราดเองตอนทาน ทำให้ได้ระดับความสุกของเนื้อที่กำลังพอดี นุ่ม ละลายในปาก"ก๋วยเตี๋ยวหมูคุโรบูตะ (59 บาท)" ใช้เนื้อหมูคุโรบูตะเกรดพรีเมี่ยม นำมาสไลด์ชิ้นใหญ่พอดีคำสำหรับใครที่มาเป็นครอบครัวหรือมากับเพื่อนหลายคน สามารถสั่งเป็นแบบเซตใหญ่ได้อย่างเมนู "หม้อไฟ (ชุดผัก 99 บาท, เนื้อวากิว 99 บาท)" สามารถเลือกได้ทั้งเนื้อและหมูนอกจากนี้ยังมีของเมนูทานเล่นมากมาย อาทิเช่น "ลูกชิ้นเอ็นหมู (29 บาท)" , "ลูกชิ้นเอ็นเนื้อ (39 บาท)" , "เกี๊ยวหมูเด้ง (49 บาท)" "ร้านราชารส" อยู่ที่ซอยสาธุประดิษฐ์ 49 ตรงข้าม Jade Praise Sathorn - Rama 3 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1687-8877

  • อิ่มพุงกางบางพลัด

    วันนี้เปรี้ยวปากพามาปักหมุดที่ "ย่านบางพลัด" อีกหนึ่งย่านที่มีร้านอร่อยๆ เรียงรายริมฝั่งถนนเพียบ รับรองว่าสายสตรีทฟู้ดจะต้องถูกใจกันอย่างแน่นอนเริ่มตะลุยความอร่อยด้วยตำนานกว่า 50 ปี ของย่านบางพลัด "ร้านข้าวต้มปลาซังฮี้" ที่มาย่านนี้ไม่แวะไม่ได้ ด้วยความเด็ดของปลาที่ทางร้านใช้ทำ เป็นปลาน้ำดอกไม้ที่เนื้อจะแข็ง ไม่เละ แต่ไม่กระด้าง โดยทางร้านเลือกใช้ปลาไซส์ 5-8 กิโลกรัม เนื้อถึงจะดีที่สุด และอีกทีเด็ดคือบะเต็งที่จะช่วยทำให้ข้าวต้มอร่อยยิ่งขึ้น เป็นสูตรทำเองกว่า 50 ปีของทางร้าน รสชาติออกหวาน เค็ม แบบโบราณ"ข้าวต้มปลา (เริ่มต้น 60 บาท)""ปลาลวกจิ้ม (150 บาท)" ราดหน้าด้วยบะเต็งอร่อยๆ"ต้มยำหัวปลาใส่พุงไข่ปลา (200 บาท)" เมนูนี้ใส่หัวปลามาทั้ง 2 อย่าง คือ หัวปลากะพงและปลาเก๋า และยังใส่พุงปลา ไข่ปลามาอีก"ร้านข้าวต้มปลาซังฮี้" อยู่ที่เชิงสะพานซังฮี้ ถนนราชวิถี ร้านเปิดนั่งทาน 15.00-23.30 น. (เดลิเวอรี่ถึง 23.00 น.) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-3232-5671อีกร้านห้ามพลาดในย่านนี้ "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเพชรสมร" ที่เปิดมานานเกือบ 20 ปี ด้วยน้ำซุปที่เข้มข้นและรสชาติแซ่บๆ แบบไม่ต้องปรุงเพิ่มโดยทีเด็ดของน้ำซุปจะอยู่ที่ 3 ส่วนด้วยกัน คือ หัวเชื้อหรือน้ำดำ เป็นสูตรเด็ดของทางร้าน, น้ำสต็อกที่เก็บหลังจากขายเสร็จทุกวันเพื่อเอามาเป็นเบสของวันถัดไป, น้ำซุปที่ต้มใหม่ในแต่ละวันซึ่งประกอบไปด้วยกระดูกหมู เครื่องยาจีน และกะทิสด"บะหมี่หมูก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตก (30-50 บาท)""กากหมู (15 บาท)""เกี๊ยวกรอบ (15 บาท)""ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเพชรสมร" อยู่บนถนนเจ้าพระยาสยาม ก่อนขึ้นสะพานซังฮี้ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9496-3659อิ่มอร่อยกันต่อที่ "ร้านแม่ตุ๊ ข้าวขาหมู ก๋วยจั๊บน้ำข้น เชลล์ชวนชิม" ร้านระดับตำนานกว่า 60 ปี ที่ส่งต่อสูตรความอร่อยมาถึง 3 รุ่นแล้ว และตอนนี้ก็ยังใช้เตาถ่านในการทำน้ำซุปหรือตุ๋นขาหมูอยู่เลย ทีเด็ดของร้านอยู่ที่น้ำซุปเพราะเป็นเบสของทั้งก๋วยจั๊บและขาหมู โดยใช้น้ำต้มของหมูสามชั้นที่เอาไปต้มก่อนเอาไปทำหมูกรอบแล้วใส่สาม เกลอ ใส่ขาหมูลงไป ใส่ผักกาดดองเพื่อไล่ความคาวแล้วเอาไปตุ๋นพร้อมกัน"ก๋วยจั๊บหมูสามเกลอ (60 บาท)""ขาหมู (กับข้าว 60 บาท)""ร้านแม่ตุ๊ ข้าวขาหมู ก๋วยจั๊บน้ำข้น เชลล์ชวนชิม" อยู่ที่ซอยจรัสลวก ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-3011-8181ปิดท้ายด้วยร้านสตรีทฟู้ด "เจ๊แดงยำมะม่วงพระราม 8" กับคอนเซ็ปต์ยำตามใจปากลูกค้า ไม่ว่าจะเอารสไหนก็สั่งแม่ค้าได้เลย น้ำยำของทางร้านจะรสชาติหวานนำ เค็มน้อย และหอมเพราะใช้น้ำตาลมะพร้าวกับเครื่องอื่นๆ เคี่ยวนาน 3-4 ชั่วโมง และน้ำยำเปรี้ยวด้วยมะนาวสดแท้ เครื่องยำมีให้เลือกมากมาย มีทั้งปูจืด ปูเค็ม ปูแป้น หอยแครง แมงกะพรุน กุ้งสด เป็นต้น มะม่วงที่ใช้ก็เป็นมะม่วงแก้วขมิ้น หรือบางช่วงจะเป็นมะม่วงเดือนเก้า หรือโชคอนันต์แล้วหน้า ทำให้เวลาทานแล้วรู้สึกไม่มียางของมะม่วงเลย"ยำมะม่วงหอยนางรมไข่เยี่ยวม้า (90 บาท)""ยำมะม่วงปูม้าไข่แดงเค็ม (140 บาท)""ร้านเจ๊แดงยำมะม่วงพระราม 8" อยู่ข้างสนามบอลสวนหลวงพระราม 8 ร้านเปิดวันอังคาร-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 17.30-20.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 16.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1441-9732

  • ตัวกลมข้าวต้มแห้ง

    ใครที่ชอบทานเมนูข้าวต้มแต่ไม่อยากซดน้ำ ต้องมาลองทานเมนูข้าวต้มแห้งของ "ร้านตัวกลมข้าวต้มแห้ง" ที่นี่พิถีพิถันทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตอนหุงข้าวเพราะจะใช้ข้าวหอมมะลิหุงกับน้ำซุปของทางร้าน ทำให้ข้าวต้มแห้งมีรสชาติกลมกล่อมพอดี"ข้าวต้มแห้งตัวกลมหมูรวม (50.-)" มีทั้งหมูสับและซี่โครงหมูอบเต้าเจี้ยว โรยด้วยกากหมูที่ทางร้านเจียวเองทุกวัน"ข้าวต้มแห้งทะเลรวมยำ (85.-)" ทั้งกุ้ง ปลาหมึก ปลากะพง ชิ้นใหญ่ๆ ที่ล้างด้วยเกลือและแช่น้ำเกลือเพื่อไม่ให้มีความคาว ส่วนน้ำยำก็เป็นสูตรของทางร้านนอกจากเมนูข้าวต้มแห้งแล้วยังมีเมนูทานเล่นอย่าง "เล้งแห้งยำ (80.-)" เป็นเมนูที่ขายดีไม่แพ้ข้าวต้มแห้ง ตัวเล้งมาจากน้ำซุปที่เคี่ยวไว้โดยจะเลือกใช้เล้งชิ้นใหญ่ พอเคี่ยวจนได้ที่ก็เอามาทำยำแซ่บๆ "ขนมจีบต้ม ขนมจีบทอด และซอส 7 อย่าง (70.-)" แวะมาทานเมนูข้าวต้มแห้งอร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านตัวกลมข้าวต้มแห้ง" อยู่ตรงข้ามซอยลาดพร้าววังหิน 39 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. (หยุดวันอังคาร) สอบถาเพิ่มเติม โทร. 08-1565-2223

  • เลนัว แซ่บซี๊ดสไตล์ฟิวชั่น

    ใครสายแซ่บต้องห้ามพลาดกับ "ร้านเลนัว" ร้านอาหารฟิวชั่นรสจัดจ้านที่รวมเอาอาหารอีสานและอาหารทะเลมามิกซ์กันกลายเป็นเมนูสุดจัดจ้าน"ซีฟู้ดทะเลเดือด (280 บาท)" เมนูนี้จะคล้ายกับเมนูนึ่งมะนาว รสชาติเปรี้ยวและเผ็ดนำ เสิร์ฟมาในหม้อไฟ มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ และเนื้อปลากะพง"แกงส้มปูไข่สายบัว (350 บาท/ 400 บาท ราคาตามขนาดปู)" เมนูนี้ทางร้านตำพริกแกงเองในสไตล์ภาคกลาง น้ำแกงส้มรสเปรี้ยวนำ หวาน เค็ม สายบัวคัดเฉพาะก้านอ่อนและที่สำคัญปูไข่ส่งตรงมาพักไว้ที่บ่อจาก จ.เพชรบุรี ไข่ปูจะมัน เนื้อปูแน่นหวาน"ตำซุปเปอร์นัว (150 บาท)" ตำปลาร้าแซ่บๆ นัวๆ ที่มาพร้อมขาไก่ที่ตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม และหอยแครงลวก ส่วนน้ำปลาร้าก็หอม ไม่มีกลิ่นคาว"หมึกไข่แดดเดียว (250 บาท)" ทางร้านใช้ปลาหมึกไข่คัดพิเศษจากปราณบุรี นำมาตากแดดประมาณ 5 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ความกรอบที่กำลังดี ไม่เหนียวจนเกินไปก่อนจะนำไปปรุงรสและทอดใครที่ชื่นชอบอาหารอีสานรสจัดจ้านกับซีฟู้ดแวะมาแซ่บกันได้ที่ "ร้านเลนัว" อยู่ระหว่างซอยอ่อนนุช 51/3 และ 53 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. (หยุดวันพุธ) โทร. 08-5148-6464

  • น่ำเทียน ภัตตาคารจีนอาหารจานเดียวย่านอ่อนนุช

    อีกหนึ่งร้านเด็ดย่านอ่อนนุช " ร้านน่ำเทียน By Khanta" ที่มีตำนานความอร่อยกว่า 80 ปี ตำนานสูตรความอร่อยของทางร้านมาจากอากงที่เป็นกุ๊กอยู่ที่ภัตตาคารอาหารจีนในกรุงเทพ แล้วย้ายไปเปิดร้านของตัวเองที่ จ.เพชรบุรี เปิดมานานถึง 80 ปี ส่วนที่อ่อนนุชเปิดมาได้ประมาณ 5 ปีชื่อร้าน "น่ำเทียน By Khanta" มาจากคำว่า "น่ำเทียน" ที่แปลว่า แสงแห่งทางใต้ ที่มาของชื่อมาจากตอนไปเปิดร้านที่ จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางลงใต้ และคำว่า "กันตะ" มาจากชื่อของเจ้าของร้านนั่นเอง อาหารในร้านจะเป็นอาหารเหลาที่ถูกย่อส่วนมาเป็นอาหารจานเดียวที่สามารถจับต้องได้"บะหมี่หน้าไก่" เมนูนี้ทางร้านจะเอาเส้นบะหมี่ไปลวก แล้วราดด้วยน้ำซอส น้ำซอสจะมีรสชาติหวานนำเค็มตาม คล้ายๆ เมนูน้ำแดง"โกยซีหมี่" ทางร้านจะใช้บะหมี่ไข่สูตรของครอบครัว ตัวเส้นจะเล็ก เหนียว เอามาผัดจนกรอบ หอม และราดด้วยน้ำโกยซีหมี่ที่มีหน่อไม้และไก่ เมนูนี้แนะนำให้ใส่จิ๊กโฉ่วลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความอร่อย"บะหมี่ผัดแห้งปู" ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่การคั่ว โดยจะคั่วเส้นจนกรอบแล้วมาผัดกับซอสสูตรของทางร้านจนหอม"แฮกึ๋น" เมนูห้ามพลาด ทำมาจากกุ้งสับและฟองเต้าหู้เกรดพิเศษ ทั้งบางและฟูกรอบมากตามมาอิ่มอร่อยกับร้านอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งได้ที่ "ร้านน่ำเทียน By Khanta" อยู่ใกล้ซอยอ่อนนุช 17 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6547-7677

  • ก๋วยจั๊บถังไม้ ทรงวาด

    เปรี้ยวปากตะลุยย่านเยาวราช ย่านที่คึกคักสุดๆ อีกแห่งในกรุงเทพและมีของอร่อยละลานตา เปรี้ยวปากชี้เป้าร้านลับที่ถนนทรงวาด "ร้านก๋วยจั๊บถังไม้ ทรงวาด" เปิดมากว่า 60 ปี เป็นร้านตำนานย่านถนนทรงวาดที่คนย่านนี้รู้จักกันดีที่มาของชื่อร้านมาจากการพักเส้นก๋วยจั๊บที่ต้มแล้วไว้ในถังไม้ซึ่งจะช่วยรักษาความร้อนของเส้นเอาไว้ โดยทำกันมาตั้งแต่รุ่นอากง คนจึงเรียกกันว่าก๋วยจั๊บถังไม้จนติดปาก และน้ำซุปของที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้กัน เพราะจะต้มกับเครื่องในด้วยเตาถ่านนาน 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นเครื่องในจะต้องสะอาดมากๆ น้ำซุปถึงไม่มีกลิ่นคาว"ก๋วยจั๊บใส่ทุกอย่าง (ธรรมดา 60 บาท/ พิเศษ 70 บาท)""ร้านก๋วยจั๊บถังไม้ ทรงวาด" ตรอกอาเนี๊ยเก็ง ถนนทรงวาด ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-14.00 น.(หยุดวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-4468-1898

  • Arteasia Light Garden คาเฟ่ลับๆ ย่านเยาวราช

    "Arteasia Light Garden" คาเฟ่ลับๆ บนถนนทรงวาดย่านเยาวราชที่เนรมิตตึกเก่าอายุกว่า 109 ปีให้กลายเป็นเหมือน Light Art Gallery ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมดคาเฟ่แห่งนี้ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน เน้นวัสดุทรงเหลี่ยม ตกแต่งด้วยแสงไฟสวยๆ ทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นไทย-จีน โดยมุมไฮไลท์ของร้านก็คืองานศิลปะกระจก 8 ชั้น รวมไปถึงหน้าต่างทุกบานจะประดับด้วยกระจกหลากสี ทำให้เกิดแสงสีที่มีมิติทั่วทั้งร้าน ส่วนอาหารก็จะเป็นอาหารจานเดียวแนวไทยประยุกต์เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของร้าน"Arteasia Afternoon Tea Set (690 บาท)" เซตของว่างไทยโบราณยามบ่ายที่มีทั้งขนมค้างคาวเผือก, ข้าวตังหน้าตั้งน้ำพริกอ่อง, เมี่ยงใบชะพลูกุ้งสด และแตงโมปลาแห้ง"ข้าวหน้าเนื้อตุ๋นกะทิน้ำพริกข่า ไข่ต้มยางมะตูม (320 บาท)" ทางร้านใช้เนื้อลายไปตุ๋นกับซอสปรุงรสต่างๆ เคี่ยวนาน 1 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่ม ทานคู่กับน้ำพริกข่าสูตรของทางร้าน"ข้าวไก่ทอดซอสเบคอนหวาน ไข่ยางมะตูม (270 บาท)""หมูครึ่งแดด (250 บาท)" ใช้หมูสันนอกมาหมักกับซอสปรุงรสจนเข้าเนื้อ แล้วนำไปตากแดดแค่แปบเดียว เนื้อหมูจะนุ่ม ไม่แห้งจนเกินไป"Vangogh's Night (175 บาท)" เป็นม็อกเทล 3 ชั้น ด้านล่างเป็นน้ำอัญชัน น้ำมะนาว และท็อปด้วยชาแอปเปิ้ลผสมสตรอว์เบอร์รี"Mucha's Flower" ชาแอปเปิ้ลผสมมสตรอว์เบอร์รีปิดท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง "Earl Grey Crofel (180 บาท)" ตัววาฟเฟิลทำมาจากแป้งครัวซองต์ หอมเนย ทานคู่กับครีมซอส Earl Grey และไอศกรีมวานิลลาตามหาร้านลับสวยๆ กันได้ที่ "Arteasia Light Garden" เลขที่ 947 ถนนทรงวาด ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 14.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4659-6653

  • Paknang (ปากนัง) ร้านอาหารใต้สูตรปากพนังย่านอารีย์

    เปรี้ยวปากชวนทุกคนมาลิ้มลองอาหารใต้สูตรต้นตำรับที่ "Paknang (ปากนัง)" ร้านอาหารใต้ชิคๆ ย่านอารีย์ที่สืบทอดความอร่อยมาจากสูตรของครอบครัว ซึ่งจะมีรสชาติที่จัดจ้าน เผ็ด ถึงรสชาติของพริกแกงที่มาของชื่อร้าน "Paknang (ปากนัง)"  นั้นมาจากคำว่า ปากพนัง ซึ่งเป็นการกร่อนเสียงสำเนียงของคนใต้ และอาหารของที่ร้านสืบทอดมาจากสูตรของคุณยายมูล ซึ่งเป็นอาหารใต้แท้ๆ แบบ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราชการออกแบบร้านเป็นสไตล์คาเฟ่แนววินเทจยุค 60 โดยใช้สตอรี่เกี่ยวกับคุณยายมูล และวิวของปากพนังด้วย"น้ำพริกสามสหาย (350 บาท)" น้ำพริกสูตรเด็ดของคุณยายมูล มีทั้งน้ำพริกกะปิที่ใช้กะปิจากระนอง น้ำพริกหยำกุ้ง และน้ำพริกไตปลาแห้ง เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสด ผักต้ม ผักทอด ปลาทูทอด และไข่ต้มยางมะตูม"ผัดวุ้นเส้นทับทิมสยามกุ้งสับกระเทียมดอง (240 บาท)" ทางร้านเอาวุ้นเส้นไปแช่กับน้ำบีทรูทเพื่อให้ได้เส้นสีชมพูคล้ายกับส้มโอทับทิมสยามที่เป็นส้มโอของปากพนัง จากนั้นนำมาผัดใส่กุ้งสับ ดอกขจร และกระเทียมดอง"ผัดพริกเหลืองปู (480 บาท)" ใช้เนื้อปูก้อนที่ส่งตรงมาจากสุราษฎร์ธานี"หมี่ปากนัง (220 บาท)" อาหารท้องถิ่นของปากพนัง จะใช้เส้นเล็กผัดกับเครื่องแกงสูตรพิเศษของร้าน ทานคู่กับกุ้งฆอและ มะม่วงเบาซอย ถั่วงอกและใบบัวบก"แกงพริกปากนังปลาทราย (250 บาท)" เมนูนี้ใช้พริกแกงตำเอง เครื่องแกงจะหอมสมุนไพร เผ็ดร้อน แกงแบบน้ำขลุกขลิก ใช้ปลาทรายขาวมาแกง และใส่ใบยี่หร่าตามรอยความอร่อยกันได้ที่ "ร้าน Paknang" อยู่ใกล้ซอยอารีย์ 5 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8822-1450

  • DAI LOU ร้านอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงซอยราชครู

    ปักหมุดร้านอร่อยระดับมิชลินไกด์ที่ "ร้าน DAI LOU (ไต่-โหล)" ร้านอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงที่นำเสนอออกมาในรูปแบบทาปาส ทานง่าย สวยงาม และอร่อย ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจในรสชาติอย่างแน่นอน"DAI LOU" แปลว่า รุ่นใหญ่ ในภาษาจีนกวางตุ้ง และเพียงก้าวเข้าไปในร้านก็รู้สึกถึงความสุขุม นุ่มลึกจากโทนสีน้ำเงินของการตกแต่งร้าน ส่วนอาหารก็เป็นสไตล์ Modern Chinese Tapas แต่ยังคงรสชาติความอร่อยตามฉบับอาหารจีน การันตีความอร่อยจาก 'มิชลินไกด์ ในหมวดมิชลินเพลท 2021' เป็นร้านอาหารคุณภาพดี ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถันเริ่มด้วยเมนูแนะนำจากมิชลินไกด์ "หอยเชลล์แมนดาริน (250 บาท)" ด้านในเป็นเนื้อส้มคลุกกับน้ำสลัดครีม ด้านบนท็อปด้วยหอยเชลล์ คลุกเคล้ากับพริกจีนและสมุนไพร โรยหน้าด้วยขนมเปลือกส้มอีกทีอีกหนึ่งเมนูมิชลินไกด์ "ขนมผักกาดเอ็กซ์ตร้าโอลด์คอนญัก (150 บาท)" เมนูนี้ทางร้านทำขนมผักกาดเอง โดยนำไปเจียในน้ำมันและนำมาผัดกับซอส XO ที่ทางร้านทำเองเช่นกัน"หมูกรอบวานไฉ (220 บาท)" เมนูขายดีประจำร้านที่จะใช้การย่างแทนการทอดตามสูตรของฮ่องกง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มหวานจากน้ำผึ้ง"ซุปเสฉวน (320 บาท)" ทางร้านทำพริกเสฉวนเอง ในชามนี้จะมีทั้งเห็ดหอม หอยเชลล์ และต้าหู้คินุหั่นเส้น"ปลาเก๋าเช็กแลปก๊อก (320 บาท)" ชื่อเมนูนี้มาจากชื่อสนามบินฮ่องกง อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสซีอิ๊วสูตรดั้งเดิมและเส้นใหญ่ทอดกรอบปิดท้ายด้วยของหวานที่ต้องห้ามพลาด "พายเต้าทึงแปดเซียน (120 บาท)" ไส้ด้านในมีทั้งรากบัว พุทราจีน และแปะก๊วย อบใหม่ๆ ชิ้นต่อชิ้นเลยมาชิมอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงการันตีระดับมิชลินไกด์กันได้ที่ "ร้าน DAI LOU (ไต่-โหล)" อยู่ที่ซอยพหลโยธิน 5 หรือซอยราชครู ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2103-6566

  • ข้าวต้มปลาหมอภูมิ ร้านข้าวต้มซีฟู้ดเจ้าดังย่านลาซาล

    "ร้านข้าวต้มปลาหมอภูมิ" ร้านข้าวต้มย่านลาซาลที่เลือกใช้ปลากะพงทะเลที่ตกจากเบ็ดเท่านั้น ทำให้คงความสดเอาไว้ได้ดี เนื้อปลากะพงทั้งขาว ชิ้นอวบ เนื้อแน่นมากทุกเมนูทางร้านคัดสรรวัตถุดิบที่ใช้มาอย่างดี มีคุณภาพ ปลากะพงที่เลือกใช้ก็เป็นปลากะพงทะเลน้ำลึกขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัมขึ้นไป เนื้อแน่นนุ่มและจะมีคอลลาเจน เป็นปลาที่ไม่ได้ใช้อวนลากแต่ตกได้จากเบ็ดเท่านั้น เพื่อให้คงความสดเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีซีฟู้ดอื่นๆ อย่างกุ้ง หมึก หอยนางรมนิวซีแลนด์ ที่มั่นใจได้ในความสดใหม่ ยังมีน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวเค็มที่เด็ดไม่แพ้กัน เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวต้มให้ปรุงรสเพิ่มได้ตามใจชอบ"ข้าวต้มแห้งรวมมิตรทะเลซีฟู้ด (170 บาท)" เนื้อปลากะพงทะเลคัดพิเศษ เนื้อนุ่ม ไม่มีเอ็นแทรก หอมกลิ่นทะเล และพิเศษสุดคือมีไข่ปลากะพงมาให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีกุ้ง หมึก ทานพร้อมกับน้ำซุปร้อนๆ ที่เสิร์ฟมาคู่กัน"ข้าวต้มแห้งคอมโบ้หมูคุโรบูตะ (150 บาท)" รวมสารพัดหมู ทั้งหมูเด้งโฮมเมด ซี่โครงหมูอบ กระเพาะหมูตุ๋นตือโต๋ว ตับหมูนุ่ม และทีเด็ดของร้านเลยก็คือสตูว์หมูบะเต็งหรือหมูเคี่ยวซีอิ๊ว ราดด้วยน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสามรส เปรี้ยว เผ็ด เค็ม กำลังดีนอกจากเมนูข้าวต้มแห้งแล้ว ทางร้านยังมีเมนูทานเล่นที่อร่อยไม่แพ้กันอย่าง "แฮ่กึ๊นกุ้ง" ที่ใส่เนื้อกุ้งมาแบบเน้นๆ เต็มคำและอีกหนึ่งเมนูขายดีที่ห้ามพลาด "ปีกไก่ทอดน้ำปลา (89 บาท)" ตามมาทานข้าวต้มร้อนๆ อร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านข้าวต้มหมอภูมิ" อยู่ที่ถนนลาซาล ใกล้โรงพยาบาลศิครินทร์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-4557-3510

  • เรือนไม้ อาหารใต้ฉบับกระบี่แท้ๆ

    มาถึงกระบี่ทั้งที คนท้องถิ่นแนะนำว่าต้องมาทานอาหารที่ "ร้านเรือนไม้" ร้านอาหารใต้พื้นบ้านที่เปิดมานานกว่า 30 ปี เป็นอาหารใต้พื้นบ้านสูตรแบบชาวกระบี่แท้ๆ วัตถุดิบที่ใช้ก็ยังรับมาจากชาวบ้านในพื้นที่ ผักก็มาจากชาวบ้านที่ปลูกเองไม่มีสารเคมี ประมงก็เป็นประมงพื้นบ้านไม่ผ่านคนกลาง เรียกได้ว่าใช้ของท้องถิ่นเกือบทุกอย่างเลย"แกงกะทิปูใบชะพลู (350 บาท)" พริกแกงตำเองสูตรของที่ร้าน หอมสมุนไพร เน้นความจัดจ้าน เมื่อมาผสมกับน้ำกะทิที่คั้นแบบบเข้นข้นจะเข้ากันมาก ส่วนปูก็ใช้กรรเชียงปูม้าจากประมงชาวบ้าน"น้ำพริกกุ้งเสียบ (150 บาท)" ทางร้านใช้กะปิอย่างดีมาย่างไฟให้หอม แล้วไปคลุกกับกุ้งเสียบ(กุ้งทอดกรอบ) ส่วนผักที่เสิร์ฟมาด้วยก็เป็นผักท้องถิ่น มียอดหมุ่ย ลูกเรียง สะตอ ขมิ้นขาว และสาหร่ายพวงองุ่น"แกงพริกไก่บ้าน (250 บาท)" พริกแกงที่ใช้เป็นพริกแกงสำหรับแกงพริกจะหนักไปทางพริกไทย และที่สำคัญใช้พริกรองช้างซึ่งเป็นพริกของทางใต้ที่เผ็ดมากๆ ลงไปด้วย"ปลาอินทรีทอดซีอิ๊ว (240-350 บาท/ราคาตามน้ำหนัก)" เมนูนี้ใช้ปลาอินทรีย์ทะเลไปทอดให้กรอบ ส่วนน้ำราดจะออก 3 รส เปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ"ยำขมิ้นขาวปลาเสียบ (180 บาท)" เมนูนี้นอกจากจะอร่อยแล้วยังเป็นยารักษาสุขภาพอีกด้วย ขมิ้นช่วยแก้ร้อนในได้ ส่วนยำขมิ้นขาวของที่ร้านจะเอาขมิ้นมาซอยแล้วไปแช่น้ำเย็นให้กรอบ ก่อนจะนำมายำปรุงรสให้แซ่บ แล้วใส่ปลากรอบลงไปใครมาเที่ยวกระบี่ อย่าลืมมาแวะชิมเมนูพื้นบ้านที่อร่อย ได้รสชาติตามแบบฉบับกระบี่แท้ๆ ที่ "ร้านเรือนไม้" อยู่ใกล้ร้านจี้ออ ของฝากกระบี่ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30-15.00 น. และ 17.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9288-3232

  • Chufang คาเฟ่สไตล์จีนย่านจุฬาฯ

    ไม่ว่าจะมา จุฬา-สามย่าน กี่ครั้งก็มีอะไรอินเทรนด์อยู่ตลอด วันนี้เปรี้ยวปากจึงพาทุกคนมาที่ "ร้าน Chufang (ฉูฝาง)" อยู่ในโครงการดราก้อนทาวน์ แลนด์มาร์คใหม่สไตล์จีนโบราณผสมผสานความเป็นโปรตุเกสที่กำลังดังในโซเชียลที่มาของชื่อร้าน "Chufang (ฉูฝาง)" นั้นมาจากภาษาจีนที่แปลว่า 'ห้องครัว' โดยที่แต่ก่อนตึกของร้านด้านบนเป็นที่พักจึงอยากให้ร้านมีความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน และพอเป็นร้านอาหารจึงอยากให้ร้านกลายเป็นห้องครัวของบ้านเมนูของที่ร้านจะเน้นเป็นเมนูข้าวอบต่างๆ ที่เป็นสูตรสืบทอดมาจากอาม่าของเจ้าของร้าน หรือถ้าใครชอบทานเส้นก็มีเมนูเส้นให้เลือกอีกด้วย"ข้าวอบสะโพกไก่ (89 บาท)" ใช้สะโพกไก่มาปรุงรสด้วยสามเกลอและเครื่องปรุงต่างๆ ตุ๋นประมาณชั่วโมงครึ่งจนได้เนื้อที่นุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ราดด้วยซอสสูตรของทางร้าน"ข้าวอบซี่โครงหมู (99 บาท)" ตุ๋นด้วยซอสสูตรของอาม่า เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ซึ่งทุกเมนูก่อนเสิร์ฟจะนำไปอบพร้อมกับข้าวประมาณ 5-7 นาทีก่อนเสิร์ฟ"ตัน ตัน เมี่ยน (108 บาท)" เส้นบะหมี่ที่ใช้เป็นเส้นแบบแบนหนึบหนับ เสิร์ฟพร้อมกับไข่แดงและซี่โครงหมูอบมาแบบเปื่อย ราดด้วยซอสปรุงรสหม่าล่าและเมนูทานเล่นที่หาทานยากอย่าง "ฝันโก๋ (ชุดละ 39 บาท/ เพิ่มชีส 15 บาท)" ติ่มซำสไตล์แต้จิ๋ว ข้างในเป็นไส้หมู มีแป้งทั้งหมด 3 สี 3 รสชาติ ออริจินัล ฟักทอง และมันม่วงมาทานอาหารจีนอร่อยๆ และถ่ายรูปสวยๆ ไว้เปลี่ยนโปรไฟล์ มากันได้ที่ "ร้าน Chufang" อยู่ที่ซอยจุฬาฯ 5 อยู่หลังศาลเจ้าโครงการดราก้อนทาวน์ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (หยุดวันอังคาร) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-4447-9963

  • ตงยี หอยทอดยอดแหลม

    อีกหนึ่งร้านรีวิวแน่นในซอยยศเส "ร้านตงยี หอยทอดยอดแหลม" กับสูตรหอยทอดจากอากงที่สืบทอดมานานกว่า 70 ปี ความอร่อยของหอยทอดที่ร้านอยู่ที่แป้ง ความฟู และกรอบ โดยน้ำมันที่ใช้ทอดจะใช้เป็นน้ำมันปาล์มหรือน้ำมันรำข้าวที่มาของชื่อร้าน 'ตงยี' เป็นชื่อของอากงของเจ้าของร้านที่เป็นเจ้าของสูตรหอยทอด ส่วนคำว่ายอดแหลมนั้น มาจากแต่ก่อนอากงเปิดร้านอยู่ที่นครปฐม ถ้าพูดว่ายอดแหลม ชาวนครปฐมจะรู้จักกันดีว่าหมายถึง องค์พระปฐมเจดีย์ จึงนำเอามาตั้งเป็นชื่อร้าน"ตงยีทะเลรวมมิตร (80 บาท)" ทีเด็ดอยู่ที่แป้งอย่างที่พี่จอยบอก ทางร้านจะตีแป้งใหม่ทุก 3 ชั่วโมง ทอดไฟแรงแบบกรอบนอกนุ่มใน และจัดเต็มซีฟู้ดไซส์ใหญ่มาให้ ทั้งกุ้ง หอยนางรม หมึก ทานคู่กับน้ำจิ้มซอสพริกสูตรของทางร้าน"ออลั่วะหอยแมลงภู่ (60 บาท)" เมนูนี้ต่างจากจานอื่นตรงที่จะทอดแบบกรอบมาก และตัดเป็นชิ้นๆ นอกจากจะได้ทานแป้งกรอบๆ แล้ว หอยแมลงภู่ของทางร้านยังสด เนื้อแน่น เพราะรับมาจากแพที่เพชรบุรีอีกด้วย"ออส่วนหอยนางรม (80 บาท)" ใช้แป้งเดียวกับหอยทอด แต่จะทอดให้ได้หอมกลิ่นไม้ของกระทะเบาๆ เนื้อสัมผัสจะนุ่มและเหนียวในคำเดียวที่ทาน ส่วนหอยนางรมก็ส่งตรงมาจากชลบุรีทุกวัน และจะทอดไม่ให้สุกมากเกินไป"ผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ (60 บาท)" เป็นสูตรของคุณยายเจ้าของร้าน โดยใช้เส้นจันทน์ผัดกับน้ำซอสสูตรมะขาม ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ผสมกัน ทำให้เวลาเอามาผัดกับเส้น น้ำซอสจะซึมเข้าเส้น รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็มกำลังดีใครที่ชอบทานหอยทอด ผัดไทย แวะมาลองทานกันได้ที่ "ร้านตงยี หอยทอดยอดแหลม" อยู่ที่ซอยยศเส ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. (หยุดวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9493-3636

  • The Waterside At Chedsadabodin

    เปรี้ยวปากพาทุกคนมาดินเนอร์นนทบุรีริมน้ำกับอาหารไทยรสจัดจ้านถึงเครื่องที่ร้านอาหารไทยน้องใหม่ "The Waterside At Chedsadabodin" และวิวสุดโรแมนติกของสะพานมหาเจษฎาบดินทรานุสรณ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา รับรองว่ามื้อนี้อิ่มท้องแล้วยังอิ่มเอมใจด้วยแน่นอน "ส้มตำยอดมะพร้าวอ่อนกุ้งย่าง (200 บาท)" ใช้ยอดมะพร้าวอ่อนแทนเส้นมะละกอให้สัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ กรุบกรอบ หวานนิดๆ จากยอดมะพร้าว คลุกเคล้ามากับน้ำส้มตำรสแซ่บ ทานพร้อมกับกุ้งแม่น้ำย่างตัวโต "ปลาเค็มทรงเครื่อง (200 บาท)" เมนูนี้เลือกใช้ปลากุเลาเค็มจากประจวบคีรีขันธ์มาทอดให้สุกเหลือง และโรยหน้าด้วยหอมแดงรวน ปรุงรสด้วยสูตรลับเฉพาะของครอบครัว "ปลากะพงสมุนไพร (320 บาท)" เมนูซิกเนเจอร์ ทอดจนได้สีเหลืองทอดแล้วโรยหน้าด้วยสมุนไพรทอด "ไก่ติดกระดูกผัดพริกแกงจันท์ (150 บาท)" เนื้อไก่นำมาผัดกับพริกแกงสูตรเด็ดที่ส่งตรงจากเมืองจันทบุรี รสชาติจัดจ้านถึงเครื่องแกงไทยแท้ๆ "ต้มส้มปลากระบอก (250 บาท)" "สามชั้นคั่วเกลือ (250 บาท)" ตามมาดินเนอร์ริมน้ำวิวสวยๆ ทานอาหารไทยอร่อยๆ กันได้ที่ "The Waterside At Chedsadabodin" อยู่ใกล้สะพานเจษฎาบดินทร์ ฝั่งพระนั่งเกล้า ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.(หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-8449-6459

  • Mekha By Shan Villas ดินเนอร์สวยเก๋ใน Glass House

    อีกหนึ่งร้าน Rooftop ใหม่มาแรงที่มาพร้อมซิกเนเจอร์ Glass House Dome สุดเก๋อย่าง "Mekha By Shan Villas" ที่นอกจากบรรยากาศจะโรแมนติกแล้วอาหารแต่ละจานยังรังสรรค์ออกมาในสไตล์โฮมเมดน่าทาน"Mekha By Shan Villas" อยู่บนชั้น 5 Rooftop ของโรงแรม Shan Villas กับมุมซิกเนเจอร์ Glass House Dome ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำความโรแมนติกแบบส่วนตัวและสัมผัสแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าที่นี่ตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์นผสมผสานกับทรอปิคอล และอาหารของที่นี่จะเสิร์ฟเป็นคอร์ส 1 คอร์สจะมีทั้งหมด 7 เมนูรวมของหวาน (ราคาคอร์สละ1,490 บาท) ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าแต่ละจานจะทานเป็นอะไรได้ด้วยเริ่มด้วย Appetizer "บรูสเก็ตต้า & บัฟฟาโลวิงส์" ปีกไก่ทอดซอสบาร์บีคิว เสิร์ฟคู่กับบรูสเก็ตต้ามะเขือเทศ และสลัดที่มีให้เลือก 2 อย่างคือ "ซีซาร์สลัดหอยเชลล์" และ "สลัดแซลมอนรมควัน" มาพร้อมกับผักร็อกเก็ตและน้ำสลัดบัลซามิกต่อด้วยจานซุปที่มีให้เลือก 2 อย่างเช่นเดียวกัน คือ "ซุปผักโขม" และ "ซุปเห็ด" ซึ่งเป็นสูตรครีมเข้มข้นสไตล์โฮมเมด เสิร์ฟพร้อมขนมปังฝรั่งเศสจานสปาเกตตีจะไม่ได้มีให้เลือก โดยจะเป็น "สปาเกตตีแองเจิลแฮร์" ทานกับซอสมะเขือเทศสูตรโฮมเมดของทางร้านต่อด้วยเมนคอร์ส "สเต็กปลากะพงไวท์ไวน์ซอส" ปลากะพงหมักกับไวน์ขาวแล้วนำไปกริลให้หนังกรอบ ทานคู่กับมันฝรั่งมิกซ์กับกะหล่ำปลีม่วงและอีกหนึ่งเมนูเมนคอร์ส "อกเป็ดเบอร์รีซอส" สูตรซอสเบอร์รีเป็นสูตรของเชฟเอง ทานกับอกเป็ดที่นำไปกริลแล้วอบต่ออีก 20 นาทีจนเนื้อนุ่มปิดท้ายแบบฟินๆ ด้วยของหวาน "พานาคอตต้าซอสราสเบอร์รี" มาดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตกดินในโดมเก๋ๆ ได้ที่ "Mekha By Shan Villas" อยู่ซอยอ่อนนุช 18, ชั้น 5 โรงแรม Shan ร้านเปิด ตั้งแต่เวลา 17.30-23.00 น. (หยุดวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1978-2644

  • Rakdok Lalagoon Food Village

    เปรี้ยวปากชวนทุกคนมาเที่ยวทิพย์กันที่ "Rakdok Lalagoon Food Village" ศูนย์รวมร้านอาหารและที่เที่ยวน้องใหม่สุดฮอตในตอนนี้ ที่เจ้าของได้แรงบันดาลใจมาจากการที่อยากให้คนไทยได้ท่องเที่ยวในหลายๆ ประเทศในที่เดียว จึงจำลองเป็นเมืองตากอากาศริมทะเลสาบสุดโรแมนติกเหมือนในยุโรปและทุ่งหญ้าโคเคียที่ประเทศญี่ปุ่นนอกจากบรรยากาศจะดีถ่ายรูปสวยแล้ว ร้านอาหารของที่นี่เต็มไปด้วยร้านอาหารโฮมเมดสไตล์ต่างๆ เน้นใช้วัตถุดิบดีมีคุณภาพ เริ่มด้วย "ร้าน Rakdok Thai Street" ร้านอาหารไทยโฮมเมดที่มีไอเดียว่าทุกจานต้องทานง่ายและอร่อยเหมือนทำกินที่บ้าน แถมทุกจานยังมีดอกไม้เป็นองค์ประกอบสวยๆ ได้ทั้งถ่ายรูปและความอร่อย"หมี่ผัดกระเฉดกุ้ง" ที่คัดยอดกระเฉดอ่อนๆ เพื่อให้ได้ความกรอบอร่อย และกุ้งไซส์ใหญ่แบบเต็มคำเมนูแนะนำจากเชฟของร้านเพราะเชฟที่นี่ถนัดอาหารจีนกับเมนู "ผักเคลผัดน้ำมันหอย" ผักเคลที่ใช้เป็นผักออร์แกนิคและเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยเห็ดหอมสด "ผัดหมี่โคราช" เมนูนี้ทั้งเส้นและซอสส่งตรงมาจากโคราช แถมเจ้าของ Rakdok และเชฟยังเป็นคนโคราชอีกด้วย การันตีความอร่อยได้เลย"กุ้งทอดซอสมะขาม" ทีเด็ดอยู่ที่ซอสมะขามเปียกที่ร้านคั้นสดเองมาเอาใจสายแซ่บกันต่อที่ "ร้านช่างดอกยำ" กับเมนู "ยำหมูสามชั้นกุ้งลวกน้ำปลาร้า" เมนูนี้เอาหมูสามชั้นไปลวกแทนการทอดตามเปรี้ยวปากมาเที่ยวทิพย์กันได้ที่ "Rakdok Lalagoon Food Village" อยู่ที่บึงไมตรีจิต เขตคลองสามวา เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1899-7893

  • Palo Cafe & Studio

    คาเฟ่น้องใหม่มาแรงที่เนรมิตให้นิวยอร์คอยู่แค่ซอยวิภาวดี "ร้าน Palo Cafe & Studio" ที่จัดเป็นสตูดิโอเปิดโปรเจคเตอร์ฉายภาพสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในนิวยอร์ค ให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปเหมือนอยู่นิวยอร์คกันเลยทีเดียว ซึ่งมุมโปรเจคเตอร์ตรงนี้ก็เป็นมุมซิกเนเจอร์ที่ใครมาก็ต้องแวะถ่ายรูปที่ร้านนอกจากจะเป็นสตูดิโอแล้วยังเป็นคาเฟ่สไตล์โฮมมี่น่ารักๆ ที่เหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อน โดยตัวร้านเดิมเป็นบ้านเก่าที่นำมารีโนเวทใหม่ทั้งหมดแต่ยังคงโครงสร้างเดิมไว้ มีมุมถ่ายรูปหลากหลายทั้งมุมเปียโน มุมโซฟา หรือแม้แต่หน้าร้านก็เป็นมุมเช็คอินของที่นี่เดิมที่นี่เป็นสตูดิโอถ่ายภาพเพียงมาก่อนซึ่งเกิดจากเจ้าของและกลุ่มเพื่อนไลฟ์สไตล์เดียวกัน ต่อมาจึงเปิดเพิ่มในโซนคาเฟ่ซึ่งทุกอย่างก็จะเป็นสไตล์โฮมเมด เป็นเมนูทานง่ายๆ เน้นวัตถุดิบดีๆ จากหลายที่มารวมกันเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ที่มีชื่อเดียวกับร้าน "ข้าวซี่โครงหมูพะโล้ขลุกขลิก (99 บาท/ เพิ่มไข่ดาว 10 บาท)" คลุกข้าวทานได้ง่ายๆ ตัวหมูก็ใช้เป็นซี่โครงหมูแทนหมูสามชั้น เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ เลือกได้ว่าจะเป็นไข่ดาวหรือไข่เจียวต่อด้วยเมนูใหม่ของทางร้าน "สปาเกตตีทรัฟเฟิลครีมซอส (249 บาท)" เส้นสปาเกตตีหนึบกำลังดี ตัวครีมหอมละมุนกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลสายกาแฟอยากให้ลองเมนู "Bael-Cano (110 บาท)" หรือกาแฟมะตูม เมนูนี้ใช้เมล็ดกาแฟจากเชียงราย หอมกลิ่นมะตูมกับน้ำตาลทรายแดง เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อมะตูมสับ"Palooo-Ha (110 บาท)" ชาหมักสูตรพิเศษผสมกับน้ำสับปะรดและน้ำมะนาว ท็อปด้วยเครื่องเทศพะโล้และไข่ต้มที่ทำมาจากส้มและลิ้นจี่ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานแสนอร่อย "Banoffee Pie (129 บาท)" "Lime Cheesecake (129 บาท)" ตรงกลางมีซอสมะนวเป็นเลเยอร์มานั่งทานอาหารสบายๆ ได้รูปสวยๆ กลับไปที่ "ร้าน Palo Cafe & Studio" อยู่ในซอยวิภาวดีรังสิต 22 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2924-6638

  • ชานพระนคร ร้านอาหารไทยในบรรยากาศแอนทีค

    "ชานพระนคร" The Hidden Dining ร้านอาหารไทยที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของร้านขายของแอนทีคอย่าง 'Dang Shop' บนถนนพระสุเมรุทำให้ได้กลิ่นอายเก่าย่านพระนคร ร้านมีความเก๋และสวยคลาสสิกอยู่ในตัวบรรยากาศภายในร้านอบอุ่นเหมือนมาทานข้าวบ้านเพื่อน แต่เป็นบ้านเพื่อนที่เป็นนักสะสมของเก่า ของแอนทีคต่างๆ ภายในร้านจัดวางไว้ได้อย่างสวยงามลงตัว นอกจากบรรยากาศสวยๆ แล้วเมนูอาหารก็ไม่ธรรมดาจานชามต่างๆ บนโต๊ะอาหารถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม มีกิมมิคน่ารักๆ อย่างการ์ดต้อนรับที่บอกว่าเมนูอาหารวันนี้จะมีอะไรบ้างและแนบดอกไม้สวยๆ มาเพิ่มความสดชื่นให้อีกด้วย ดูมีความสวยแบบคลาสสิกเนื่องจากมีบริการเพียงรอบละ 1-2 โต๊ะเท่านั้น จึงต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ไม่สามารถ Walk-in เข้ามาได้ เวลาเสิร์ฟอาหารจะเสิร์ฟแบบชุดสำรับ ราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท เลือกได้ 4 เมนู สามารถทานได้ 2-3 ท่าน หรือถ้าอยากสั่งเพิ่มจากในชุดก็สามารถสั่งได้ อาหารของที่ร้านเป็นสไตล์ Home Cooking ที่ทำเองทุกอย่างตั้งแต่เลือกวัตถุดิบ สูตรต่างๆ ก็เป็นรสมือของคุณป้าเจ้าของร้านเองอีกด้วยเริ่มด้วยเมนูทานเล่นอย่าง "เมี่ยงกลีบบัว" ที่เปลี่ยนจากใบชะพลูมาเป็นกลีบบัวหลวงสีชมพูสดใส"แกงเหลืองปลากะพงไหลบัว" เนื้อปลากะพงเป็นชิ้นๆ เข้ากันได้ดีกับพริกแกงเหลืองที่ให้รสชาติแบบครบเครื่อง"ปลาอินทรีทอดซีอิ๊ว" เมนูนี้พิถีพิถันตั้งแต่การไปเลือกซื้อปลาให้ได้ส่วนที่ดีที่สุด และปลาอินทรีทอดของที่นี่จะมีความนุ่มเด้ง รสชาติหวานเค็มกลมกล่อม แล้วโรยด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ"หมึกไข่ผัดพริกเกลือ" หมึกไข่ตัวแน่นๆ ผัดคั่วกับกระเทียม พริกแกง อร่อยกรอบเคี้ยวเพลิน"หมูก้อนทอด" หมักหมูด้วยเครื่องเทศไทยๆ อย่างกระเทียม พริกไทย รากผักชี ทำให้หอมกลิ่น 3 เกลอมาก"บวบผัดไข่ใส่กุ้ง" บวบกรอบๆ ที่ยังคงความนุ่มและหวานเอาไว้ผัดกับไข่ตามมาสัมผัสความคลาสสิกและอาหาอร่อยๆ กันได้ที่ "ชานพระนคร" อยู่บนชั้น 2 ของร้าน Dang Shop ถนนพระสุเมรุ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00-14.00 น. และ 17.00-19.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1402-5616

  • Patonggo Cafe Since 1968 ตำนานความอร่อยระดับมิชลินไกด์

    "Patonggo Cafe Since 1968" ตำนานความอร่อยย่านเก่าพระนครกว่า 70 ปี ที่สำคัญการันตีความอร่อยด้วยมิชลินไกด์ถึง 2 ปี ซ้อน ร้านนี้ถือเป็นตำนานปาท่องโก๋ย่างเจ้าแรกของไทยที่คลาสสิกทั้งที่มาที่ไปและตัวร้านความอร่อยระดับมิชลินไกด์นั้นอยู่ที่ 'ตัวปาท่องโก๋' ความพิเศษอยู่ที่สูตรผสมแป้งและเทคนิคการนวดที่ส่งต่อกันมากกว่า 70 ปี ซึ่งกว่าจะได้แป้งนั้นใช้เวลาเตรียมเป็นวันๆ และการย่างจะช่วยรีดน้ำมันออก ทำให้กรอบมากขึ้นด้วย ที่นี่นอกจากจะมีปาท่องโก๋กับสังขยาแล้ว ยังนำปาท่องโก๋มาทำเป็นของคาวอีกด้วย มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร"ปาท่องโก๋ย่าง สังขยาใบเตยสด (45 บาท)" ปาท่องโก๋ว่าเด็ดแล้ว สังขยาใบเตยสดสูตรโบราณทั้งหอมหวานมัน และเมนูนี้ยังขายมาตั้งแต่เปิดร้านในปี 1968 ซึ่งผ่านมาแล้วเกือบ 50 ปี"ปาท่องโก๋ยำทรงเครื่องทะเล (80 บาท)""ปาท่องโก๋หน้าไก่ (60 บาท)" เมนูแนะนำที่ราดด้วยน้ำหน้าไก่สูตรโบราณ ยิ่งทานคู่กับพริกดอกจะเข้ากันดีมาก"ปาท่องโก๋หน้าหมูแดง (80 บาท)" โปะด้วยหมูแดงย่างเตาถ่าน ราดด้วยซอสหมูแดงมาอีกทีเพิ่มความฟิน"ปาท่องโก๋หมูเส้นทรงเครื่อง (60 บาท)" ตัวหมูเส้นที่ร้านทำเอง ปรุงรสโดยใส่พริกเผา แล้วราดมาบนปาท่องโก๋ร้อนๆ อีกทีมาเปิดประสบการณ์การทานปาท่องโก๋แบบใหม่กันได้ที่ "Patonggo Cafe Since 1968" อยู่ตรงข้าม ธ.กสิกรไทย สาขาบางลำพู ร้านเปิดวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2281-9754

  • คุ้น.เคย Eatery, Cafe & Bar

    "คุ้น.เคย Eatery, Cafe & Bar" ร้านอาหารใต้แบบหรอยแรงย่านรัชดาที่ส่งตรงจาก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ตัวร้านเป็นบ้านเก่าอายุหลายสิบปีที่ถูกดัดแปลงให้เป็นคาเฟ่อาหารใต้ ซึ่งที่มาของชื่อร้าน 'คุ้นเคย' นั้นมาจากคำว่า 'เคย' ที่สื่อได้ถึง 2 ความหมายคือ กะปิในภาษาใต้ และอยากให้ลูกค้ามานั่งทานข้าวเหมือนอยู่ที่บ้านแบบคุ้นเคย จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน 'คุ้นเคย' แห่งนี้เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง "สะตอผัดกุ้ง (220 บาท)" ที่ทางร้านใช้กะปิอย่างดีจากกุ้งเคยที่มีกลิ่นหอมชัดเจน"แกงหมูฟักทอง (180 บาท)" เมนูอาหารใต้หาทานยาก ใช้หมูติดมันหมักมาเคี่ยวกับเครื่องแกงพริกใต้และกะทิ"แกงพริกกระดูกหมู (160 บาท)" กระดูกหมูเคี่ยวในพริกแกงนานกว่า 2 ชั่วโมง จนเปื่อยนุ่ม"ต้มหมูใบชะมวง (160 บาท)" เมนูนี้จะไม่เหมือนกับทางจันทบุรี จะเป็นซุปใสแบบใต้ ใช้เวลาเคี่ยวกว่า 2 ชั่วโมงเพื่อให้ได้รสเปรี้ยวปิดท้ายด้วยของหวานชื่นใจ "น้อยหน่านมสด (55 บาท)" น้อยหน่าในรูปแบบน้ำแข็งใสอัดก้อน ช่วยดับความเผ็ดร้อนของเครื่องแกงใต้ได้ดีสายอาหารใต้ต้องมาลองความเผ็ดร้อนถึงเครื่องพริกแกงกันที่ "คุ้น.เคย Eatery, Cafe & Bar" อยู่ที่ซอยรัชดาภิเษก 7 นาทองแยก 6 ร้านเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3264-9888

  • ชางไฮ ร้านอาหารเหนือ สูตรเจียงฮาย

    "ชางไฮ" ร้านอาหารที่หลายคนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นร้านอาหารเหนือจนเกิดเป็นแฮชแทค #ชางไฮไม่ได้ขายอาหารจีน ด้วยสไตล์การตกแต่งร้านที่เป็นจีนผสมกับเครื่องหวายจักรสานแบบเหนือจึงทำให้หลายคนเข้าใจผิด แต่ก็เป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวร้านชางไฮ เป็นร้านอาหารเหนือแบบต้นตำรับจากเชียงราย ส่วนชื่อ 'ชางไฮ' นั้นผันเสียงมาจาก 'เจียงฮาย' หรือ 'เชียงราย' นั่นเอง โดยทางร้านอยากผสมผสานความเป็นตัวตนของหุ้นส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งคนนึงเป็นคนไทย-จีน และอีกคนเป็นคนเชียงราย จึงครีเอทชื่อและตกแต่งร้านออกมาได้อย่างมีเอกลักษณ์ทานอาหารเหนือทั้งทีต้องเริ่มจาก "ออเดิร์ฟเมือง (340 บาท)" โดยในเซตจะมีแกงฮังเล ไส้อั่ว หมูยอ น้ำพริกอ่อง น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ผักจิ้ม และข้าวเหนียว"ปอเปี๊ยะไส้อั่ว (120 บาท)" เมนูฟิวชันระหว่างจีนกับเหนือ ตัวไส้เป็นไส้อั่วห่อด้วยแป้งเกี๊ยวแบบจีน เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำพริกหนุ่ม"ข้าวซอยไก่ (110 บาท)" ทางร้านใช้สะโพกไก่ชิ้นใหญ่ มาในน้ำข้าวซอยเข้มข้นที่ทำสดใหม่ทุกวัน หรือถ้าใครชอบทานเนื้อก็มีเป็น "ข้าวซอยเนื้อน่องลาย (180 บาท)""สปาเกตตีไส้อั่ว (150 บาท)" สปาเกตตีผัดกับสมุนไพรและเครื่องเทศภาคเหนือ ตัวซอสจะมีความเป็นครีม ไม่แห้งไม่แฉะเกินไปปิดท้ายด้วยเมนูไฮไลท์ "หมูเค็มสูตรแม่ยาย (120 บาท)" เป็นหมูสามชั้นกับสันคอผสมกันในสัดส่วนที่พอเหมาะ นำไปคั่วและตุ๋นนานกว่า 2 ชั่วโมง จนได้หมูนุ่มชุ่มฉ่ำ ตามมาทานอาหารเหนือรสชาติต้นตำรับกันได้ที่ "ร้านชางไฮ" อยู่ที่ชั้น 1 BU Place Hotel ซอยสุทธิพร 2 หรือรัชดาฯ ซอย 3 ร้านเปิดวันจันทร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00-14.00 น./ 17.00-21.00 น. (หยุดวันพุธ)

  • ข้าวต้มกุ๊ยชือเลอมา ร้านข้าวต้มสุดเก๋สไตล์โรงเตี๊ยม

    ร้านข้าวต้มในบรรยากาศโรงเตี๊ยม "ร้านข้าวต้มกุ๊ยชือเลอมา" ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นจีนโบราณเอาไว้ด้วยสูตรอาหารที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นอาม่า และเอาใจคนรุ่นกับมุมถ่ายรูปเก๋ๆ รอบร้านเมนูอาหารของที่ร้านจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ เมนูอาหารจีนดั้งเดิม และเมนูแบบประยุกต์ ข้าวต้มของที่นี่ก็มีให้เลือกถึง 3 แบบ ทั้งข้าวขาว ข้าวกล้อง และข้าวไรซ์เบอร์รี"โคตรไข่เจียว (150 บาท)" "เคาหยก (200 บาท)" เข้มข้นตามแบบฉบับจีนแคะดั้งเดิม เป็นหมูสามชั้นกับผักกาดเขียวดองแห้ง หรือที่เรียกว่าหั่มช้อยกอน(ผักดำ) โดยใช้เวลาตุ๋นกว่า 3-4 ชั่วโมง จนสามชั้นนุ่มละลายในปาก"หมูกรอบ 3 เซียน (140 บาท)" เป็นหมูกรอบสไตล์ฮ่องกง และที่ชื่อ 3 เซียน ก็เพราะมีน้ำจิ้มให้เลือกถึง 3 รส ซีอิ๊วดำหวาน ซีฟู้ด และซัลซ่า"ทะเลเปรี้ยวหวาน (160 บาท)" ใส่เครื่องมาทั้งปลากะพง หมึก กุ้ง หอยแมลงภู่ ทอดจนกรอบแล้วนำมาผัดกับซอสเปรี้ยหวานรสชาติเข้มข้น โรยหน้าด้วยใบโหระพาทอดกรอบ"ต้มยำเกี่ยมบ๊วยหมูสับ (150 บาท)" เมนูนี้จะทำให้เข้มข้นขึ้นโดยทำเป็นต้มยำ ใช้สันคอหมูบดต้มกับน้ำสต็อกหมูแล้วปรุงรส"ปลาเงินคั่วพริกเกลือ (120 บาท)" คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีและปรุงอย่างตั้งใจ ดูแลเหมือนคนในครอบครัวตามชื่อร้าน "ชือเลอมา" ที่แปลว่า 'ทานอะไรมาหรือยัง' ตามมาทานกันได้ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 13.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-3252-2939

  • ตามรอยความอร่อยผัดหมี่ฮกเกี้ยนกับร้านครัวจงจิต

    เปรี้ยวปากแชร์พิกัดร้านอาหารอร่อยๆ ประจำท้องถิ่นที่ จ.ภูเก็ต การันตีความอร่อยระดับมิชลินไกด์ "ร้านครัวจงจิต"จุดเริ่มต้นของการทำร้านเกิดจากความชอบทำอาหารของคุณแม่และยังเคยทำอาหารอยู่ในโรงแรมมาก่อน ด้วยความเป็นคนพื้นเพเมืองเก่ากะทู้ใน จ.ภูเก็ต อาหารของที่ร้านจึงเป็นเมนูพื้นบ้านของชาวภูเก็ต รสชาติแบบพื้นถิ่นแท้ๆ วัตถุดิบที่ใช้คัดสรรมาอย่างดีเริ่มด้วยเมนูเด็ดที่ใครมาก็ต้องห้ามพลาด "หมี่ผัดฮกเกี้ยน (50 บาท/ใส่ไข่ 60 บาท)" จุดเด่นของร้านคือตัวเส้นที่ไม่ใส่แป้ง ไม่ใส่สี ผัดแล้วไม่เละ"ปลาทอดเครื่อง (150 บาท)" ใช้พริกแกงทำเองทั้งหมด รสชาติเผ็ดร้อนถึงใจแน่นอนตามมาชิมความอร่อยกันได้ที่ "ร้านครัวจงจิต" ถ.วิชิตสงคราม อ.กะทู้ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. (หยุดทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6940-8144

  • ข้าวต้มดีบุก ร้านตำนานกับเมนูเด็ดข้าวต้มน้ำดำ

    มาเยือนเมืองเก่าภูเก็ตทั้งทีต้องมาแวะทาน "ร้านข้าวต้มดีบุก" ตรงถนนพังงา ร้านในตำนานกว่า 36 ปี และยังได้รางวัลมิชลินเพลท ร้านอาหารคุณภาพดีที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงอย่างพิถีพิถัน กับเมนูเด็ดอย่างข้าวต้มน้ำดำ"ข้าวต้มฮ่องเต้ (140 บาท)" จัดเต็มเครื่องแน่นๆ ทั้งซี่โครงหมู กระดูกอ่อน หางหมู เครื่องใน หมูสับ เสิร์ฟมาเป็นน้ำดำ"เต้าเฉี้ยมปลาเก๋า (70 บาท)" เส้นเต้าเฉี้ยมคือเส้นใหญ่แบบฮกเกี้ยน มาพร้อมกับปลาเก๋าคัดไซส์ที่เนื้อเด้ง เสิร์ฟมาเป็นน้ำใสทานคู่กับซอสเต้าเจี้ยว"หมี่สั่วแห้งสามพยัคฆ์ (140 บาท)" เส้นหมี่สั่วแบบฮกเกี้ยน เส้นเล็กเหนียวนุ่ม เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่น เสิร์ฟมาพร้อมกับสามพยัคฆ์ คือซี่โครงหมู กระดูกอ่อน และหางหมู แยกน้ำซุปดำให้ทานคู่กันมาทานข้าวต้มน้ำดำอร่อยๆ ได้ที่ "ร้านข้าวต้มดีบุก" ถ.พังงา อ.เมืองภูเก็ต ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 06.00-12.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1535-1761

  • บางแปซีฟู้ด อาหารใต้พื้นถิ่นของชาวภูเก็ตแท้ๆ

    เปรี้ยวปากพาปักหมุดที่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กับ "ร้านบางแปซีฟู้ด" ร้านอาหารรสชาติท้องถิ่น การันตีรางวัลบิบ กูร์มองด์ ร้านอาหารอร่อยคุ้มค่าในราคาย่อมเยา ถึง 2 ปีซ้อนอาหารของที่ร้านบางแปซีฟู้ดเป็นอาหารใต้พื้นถิ่นของชาวภูเก็ตแท้ๆ รสชาติจัดจ้าน รสมือแบบพื้นบ้านตามแบบฉบับของคนพื้นที่ เน้นอาหารทะเลสดใหม่ วัตถุดิบแต่ละอย่างมาจากชาวประมงในหมู่บ้านบางแปซึ่งเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านไปในตัว ผักสมุนไพรก็มาจากสวนหลังบ้าน ไร้สารพิษแน่นอน และอย่างพวกเครื่องแกงก็ทำเองทั้งหมดเริ่มด้วยเมนูเด็ดที่ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์ ปี 2019 กับเมนู "ยำตะไคร้ (200 บาท)" จานนี้มีผักสมุนไพรนานาชนิดที่มาจากสวนหลังบ้าน นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำ โรยหน้าด้วยพริกทอด วิธีทานก็ใช้ใบชะพลูมาห่อเป็นคำๆ"หมึกผัดน้ำดำ (180 บาท)" เมนูนี้ได้รางวัลบิบ กูร์มองด์ ปี 2020 ทำจากหมึกกระตอยตัวเล็กหั่นเป็นแว่นๆ ผัดกับน้ำดำของปลาหมึก"ปลากะพงฉู่ฉี่ (ราคาเริ่มต้น 750 บาท/ ราคาตามน้ำหนัก)" เมนูนี้พิเศษตรงพริกแกงของร้านที่รสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน"กุ้งผัดซอสมะขาม (250 บาท)" เมนูนี้ใช้กุ้งแชบ๊วยคัดไซส์ เนื้อเด้ง คลุกเคล้ากับน้ำซอสมะขามสดๆ รสชาติหวานอมเปรี้ยว รับรองถูกใจทั้งครอบครัวแน่นอนตามมาชิมหลากหลายอาหารใต้พื้นถิ่นของภูเก็ตแท้ๆ ได้ที่ "ร้านบางแปซีฟู้ด" อยู่ที่ ซ.บางเตย ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-7887-5785

  • ข้าวแกงปักษ์ใต้เลิศรส อาหารใต้หรอยๆ ย่านอ่อนนุช

    ใครคิดถึงอาหารใต้หรอยๆ แบบถึงเครื่องต้องมาที่ "ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้เลิศรส" ร้านข้าวแกงที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยอ่อนนุช 44 เป็นอีกหนึ่งร้านเด็ดที่คนย่านนี้รู้จักกันดี ข้าวแกงปักษ์ใต้ของที่ร้านเป็นข้าวแกงปักษ์ใต้แท้ๆ จากเมืองตรัง อาหารของที่ร้านมีหลากหลาย ประมาณ 30 กว่าเมนู เสน่ห์ของอาหารใต้สูตรเมืองตรังแท้ๆ อยู่ที่ความอร่อยของพริกแกง โดยที่ร้านจะใช้พริกแกงทำเองสูตรของทางร้าน"ปลาแดงทอดขมิ้น" ที่ร้านจะเอาปลาแดงมาหมักกับขมิ้นขาวที่ปั่นมาแบบหยาบๆ ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย หมักไว้ 1 คืน ทอดด้วยน้ำมันร้อนๆ กรอบๆ น่าทาน"ผัดเผ็ดหมูสะตอ" เมนูนี้ที่ร้านจะเลือกหมูในส่วนติดมันนิดนึง พอเวลาผัดกับเครื่องแกงเผ็ด เวลาทานจะเข้าเนื้อดีมาก"แกงคั่วซี่โครงหมู" เมนูขายดีของที่ร้าน หั่นซี่โครงหมูชิ้นพอดีคำ ต้มจนซี่โครงหมูนุ่มกำลังดี แล้วผัดกับพริกแกงจนเริ่มหอม แล้วใส่กะทิลงไป ปรุงรสแล้วเคี่ยวต่อจนได้น้ำแกงเข้มข้น โรยด้วยข่าซอยและใบมะกรูด"แกงปลาดุกใบยี่หร่า" และอาหารใต้จะขาดเมนูนี้ไปไม่ได้ "แกงไตปลา" ทางร้านจะเคี่ยวไตปลากับเครื่องข่าตะไคร้ข้ามวัน ใช้เนื้อปลาโอย่าง สูตรของทางร้านจะใส่เม็ดขนุนด้วยเพื่อเพิ่มความมันหรอยแรงกับหลากหลายเมนูอาหารใต้ได้ที่ "ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้เลิศรส" อยู่ที่ ซ.อ่อนนุช 44 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 06.30-15.00 น. (หยุดทุกวันอาทิตย์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1917-9095

  • ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง ตลาดพลู

    "ร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง ตลาดพลู" เปิดมากว่า 7 ปี โดยสูตรก๋วยเตี๋ยวหลอดเป็นสูตรดั้งเดิมจากเยาวราช เน้นใช้วัตถุดิบที่สดและดี แป้งก๋วยเตี๋ยวก็สั่งทำมาอย่างดีและต้องมีกุ้งแห้งผสมอยู่ด้านในเส้นเพื่อเพิ่มความหอมและรสสัมผัสในการทาน เครื่องทุกอย่างทำเองสดใหม่วันต่อวัน"ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง (40-50 บาท)" จัดเต็มเครื่องแน่นๆ ทั้งหมูสันนอกทอด กุนเชียง กุ้งแห้ง ไชโป้ เต้าหู้ และไข่พะโล้ตามมาทานก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่องอร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง ตลาดพลู" อยู่ใต้สะพานตลาดพลู ข้างร้านกาแฟสุริยา ร้านเปิด 09.00-16.30 น. (หยุดทุกวันอังคารและวันศุกร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-4657-2979

  • สรินทร์ทิพย์ ขนมเบื้องไทยตลาดพลู

    ใครมาตลาดพลูก็ต้องนึกถึง "ร้านสรินทร์ทิพย์ ขนมเบื้องไทยตลาดพลู" ร้านเก่าแก่ที่ขายมาตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนมาถึงรุ่นที่ 4 ในปัจจุบัน ซึ่งวิธีการทำขนมเบื้องยังเป็นแบบโบราณอยู่ โดยขนมเบื้องที่ร้านจมีให้เลือก 2 แบบ คือแบบบางกรอบ กับแบบใส่ไข่ ข้างในทาน้ำตาลมะพร้าวแทนครีม และลูกค้าสามารถเลือกไส้ได้ว่าจะเอาหวานหรือเค็ม ตัวแป้งใช้เป็นแป้งถั่วเขียวเพื่อให้มีความหอมเฉพาะตัวและกรอบอร่อย"ขนมเบื้องแป้งบางกรอบ (ไส้หวาน/ไส้เค็ม ชิ้นละ 5 บาท)" "ขนมเบื้องใส่ไข่ (ไส้หวาน/ไส้เค็ม ชิ้นละ 15 บาท)""Set Homemade (กล่องละ 120 บาท)" เซตนี้สามารถมาทำ DIY ทานเองที่บ้านได้ ไส้ข้างในจะคละแบบหวานกับเค็มแจกพิกัดอร่อยฟินกับ "ร้านสรินทร์ทิพย์ ขนมเบื้องไทยตลาดพลู" อยู่ที่ใต้สะพานตลาดพลู ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 08.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9801-3477

  • จิฟุ้ง อาหารเวียดนาม

    "จิฟุ้ง อาหารเวียดนาม" ในย่านตลาดพลู เป็นร้านอาหารเวียดนามสไตล์ฟิวชั่นเวียดนามเหนือผสมผสานกับความเป็นไทย-อีสาน ซึ่งเอามาปรับรสชาติให้จัดจ้านถูกปากคนไทย โดยคัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี ใช้แต่ของสดใหม่ เส้นก๋วยจั๊บญวนกับหมูยอก็เลือกใช้ที่ทางครอบครัวผลิตเองที่ขอนแก่นมาขาย หมูยอเป็นหมูล้วน 100% ไม่ผสมแป้ง หอมพริกไทยและห่อด้วยใบตอง เวลานึ่งเลยทำให้มีกลิ่นหอมอีกด้วยมาร้านอาหารเวียดนามก็ต้องจัดเมนู "แหนมเนือง (ไซส์เล็ก 105 บาท, ไซส์กลาง 155 บาท, ไซส์ใหญ่ 255 บาท)" ใช้แหนมเนืองทำเอง เสิร์ฟกับผักเคียง ทั้งผักกาดหอม, โหระพา, ผักชีฝรั่ง และผักพรว ส่วนตัวน้ำจิ้มก็เป็นสูตรของครอบครัวคุณฟุ้งเจ้าของร้าน ใช้ตับหมูอย่างดีมาทำ รสชาติเค็มหวาน ใครชอบทานเผ็ดเปรี้ยวก็สามารถใส่พริกน้ำส้มเพิ่มได้"ก๋วยจั๊บญวน (60-70 บาท)" น้ำซุปที่ใช้เคี่ยวกับเล้งและขาไก่นานกว่า 4 ชั่วโมง จนน้ำซุปได้รสชาติที่กลมกล่อม ในชามจัดเครื่องมาแน่นๆ ทั้งเล้ง, หมูเด้ง, หมูยอ, และไข่ต้มอีกหนึ่งเมนูแนะนำที่ผสมผสานความเป็นเวียดนามกับอีสานเข้าด้วยกัน "ยำขนมจีน (75 บาท)" หมูยอไม่ผสมแป้ง 100% หั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่เนื้อปลาทู ผักสมุนไพรเพียบ รสชาิตจัดจ้าน"กุ้งพันอ้อย (100 บาท)" กุ้งที่ใช้ส่งตรงมาจากระนอง รับประกันความสดเด้งและยังปรุงรสมาอย่างดี ตีจนเนื้อเนียน เสิร์ฟมากับเส้นหมี่ลวกและน้ำจิ้มบ๊วยมาทานอาหารเวียดนามสไตล์ฟิวชั่นกันได้ที่ "ร้านจิฟุ้ง อาหารเวียดนาม" อยู่ถนนเทอดไท ใกล้กับธนาคารกรุงศรีฯ ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-20.00 น. (หยุดทุกวันพุธ) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-6930-6117

  • ป้ายาหอยสดสุราษฎร์ธานี

    "ป้ายาหอยสดสุราษฎร์ธานี" ร้านดังประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่เปิดมากว่า 21 ปี ใครไปสุราษฎร์ฯ ก็ต้องแวะไปทานกัน นอกจากหอยแล้วยังมีอีกหลากหลายซีฟู้ดเด็ดๆ ทั้งกุ้ง ปู หมึก ไซส์ใหญ่แล้วก็สดมากๆ"หอยนางรม ไซส์ XL (690 บาท)" "หอยชักตีน (250 บาท)" จะไปทานซีฟู้ดสดๆ ที่ร้านหรือจะสั่งเดลิเวอรี่มาทานที่บ้านก็ได้กับ "ร้านป้ายาหอยสดสุราษฎร์" อยู่ตรงข้ามโลตัสสุราษฎร์ธานี ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-4058-8383

  • เกษราตำรับคุณแม่ อาหารใต้พื้นบ้านสูตรพังงา

    ถ้าพูดถึงอาหารใต้หรอยๆ สูตรพังงาต้อง "ร้านเกษราตำรับคุณแม่" รับรองถูกใจสายโฮมมี่แน่นอนเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกินอยู่ที่บ้าน คุณแม่น้อยใส่ใจลงมือปรุงเองทุกจาน สืบทอดสูตรกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารใต้เด็ดๆ ที่ไม่ควรพลาดเมนูพื้นบ้านสูตรพังงาของที่ร้านนั้นได้สูตรมาจากคุณแม่สามีของคุณแม่น้อยเจ้าของร้าน ที่เป็นคนอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ที่ชอบทำอาหารใต้มาให้ทานจึงได้ศึกษาสูตรอาหารมาจากท่าน หลังจากนั้นจึงมาเปิดร้านอาหารโดยทุกเมนูและเครื่องแกงล้วนทำเองทุกหมด"แกงคั่วพริกซี่โครงหมู" ใช้ทั้งซี่โครงหมูะธรรมดาผสมกับซี่โครงหมูอ่อนเพื่อให้สัมผัสเวลาเคี้ยวมีความกรุบๆ ของกระดูกอ่อนด้วย ผัดกับเครื่องแกงจนเข้าเนื้อ เวลาทานได้กลิ่นหอมของพริกไทยดำ"หมูฮ้องสูตรพังงา" รสชาติเค็มนำหวานตาม ใช้หมูสามชั้นที่มีส่วนเนื้อหนากว่ามัน คลุกเคล้าด้วยเครื่องเทศและปรุงรส หมักจนซึมเข้าเนื้อ แล้วค่อยตุ๋นด้วยไฟอ่อนจนสุก แล้วยกกระทะลงไปเคี่ยวต่อบนเตาถ่านอีก 1 ชั่วโมงเพื่อให้มีความหอมอีกหนึ่งเมนูอาหารใต้ที่ทุกร้านต้องมี "แกงไตปลา" เป็นเมนูถนอมอาหารของคนใต้ ความพิเศษอยู่ที่ไตปลาหมักเอาไว้อย่างน้อย 1 อาทิตย์ ทำให้แกงไตปลาของที่ร้านสีเข้มกว่าที่อื่น และรสชาติเข้มข้น"ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้" น้ำยาปักษ์ใต้แท้ๆ ต้องเป็นน้ำยาปลา ทางร้านจึงเลือกใช้ปลาน้ำดอกไม้ เนื้อจะหวาน แล้วก็ฟู ทำให้น้ำยาดูน่ากินมาหรอยกับอาหารใต้พื้นบ้านสูตรพังงาได้ที่ "ร้านเกษราตำรับคุณแม่" หมู่บ้านพิบูลวัฒนา ซอย 9 ร้านเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์  ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9691-5835

  • บะหมี่เป๊าะ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูทะลัก

    "บะหมี่เป๊าะ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูทะลัก" เครื่องแน่นๆ หมูสับเน้นๆ น้ำซุปหอมเข้มข้น เครื่องทำเอง คั่วเองทุกอย่าง รับประกันความสดใหม่ร้านบะหมี่เป๊าะ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูทะลัก เกิดจากความชอบทานต้มยำของ 'พี่เติ้ล' เจ้าของร้าน จึงตั้งใจทำสิ่งที่ชอบให้คนอื่นได้ทาน และเส้นบะหมี่เป๊าะ ก็มาจากเพื่อนที่มีเครื่องทำบะหมี่อยู่แล้ว จึงให้ทำตามสูตรที่ให้ไปซึ่งใช้ไข่ 6 ฟองต่อแป้ง 1 กิโลกรัม คือไข่เน้นๆ โดยเส้นบะหมี่เป๊าะจะทำสดใหม่วันต่อวัน ไม่มีสารกันบูด ไม่มีสารกันเชื้อรา นอกจากนี้น้ำซุปของทางร้านไม่ใส่ผงชูรส น้ำซุปหวานจากกระดูกแท้ๆ โดยการเคี่ยวน้ำซุปหัวเชื้อจะใช้เตาถ่านและใช้ไฟกลางในการเคี่ยวกระดูกหมูนานกว่า 12 ชั่วโมง หลังจากนั้นจึงเติมน้ำและเล้งกับคาตั๊งประมาณ 7 กิโลกรัม และใส่สามเกลอลงไปปรุงเพิ่มจึงได้น้ำซุปสูตรเด็ดออกมา ซึ่งจะไม่ได้อร่อยในคำแรกแต่จะอร่อยขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นน้ำไขกระดูกเลยเริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง "ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (55 บาท)"  บะหมี่เป๊าะเป็นบะหมี่ไข่เส้นใหญ่ เน้นไข่ ไม่เน้นแป้ง ทำให้เส้นเหนียวนุ่ม และหมูบะช่อที่ล้นชามโดยใช้สันคอหมูหมักมาทำ นอกจากนี้ยังมีลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นปลา ตับ และไอ้เข้ ซึ่งเป็นสะโพกหมูชิ้นใหญ่อีกด้วย"เกาเหลาน้ำใส (55 บาท)" หอมกลิ่นเตาถ่านของน้ำซุปกระดูกหมู มาชิมบะหมี่เป๊าะ เส้นเหนียวนุ่ม ไข่เน้นๆ และความแซ่บเด็ดของต้มยำได้ที่ "ร้านบะหมี่เป๊าะ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูทะลัก" อยู่ที่ ถ.พุทธบูชา ตรงข้ามสนามแบดมินตัน PY Sport Club ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-12.30 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-2440-3535

  • เสพเนื้อ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นรสเด็ด

    "ร้านเสพเนื้อ" เกิดจากความรักในการทานเนื้อของเจ้าของร้านซึ่งเคยเรียนทำอาหารมา จึงลองคิดค้นสูตรก๋วยเตี๋ยวที่ชอบจนได้น้ำซุปสูตรของทางร้านโดยใช้วัตถุดิบหลักเป็นเนื้อวัวไทยอย่างดี และนอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีเมนูเด็ดอื่นๆ อีกด้วยเริ่มด้วยเมนูเด็ด "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นหม้อไฟ (180 บาท)" เมนูที่รวมทุกเนื้อเข้าไว้ด้วยกันนอกจากเมนูเนื้อแล้วยังมีเมนูที่น่าสนใจอย่าง "เมี่ยงหมู (80 บาท)" ใช้คอหมูที่มีมันในสดส่วนที่พอดีทำให้หมูนุ่ม ย่างเตาถ่านด้วยไฟกลางๆ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว"ข้าวหน้าหมูญี่ปุ่น (70 บาท/ ใส่ไข่ 80 บาท)" ใช้หมูสไลด์สันคอกับสามชั้นเพื่อให้ได้รสสัมผัสที่นุ่ม และราดด้วยน้ำพอนซึสูตรของทางร้านจะสายเนื้อหรือสายหมูก็ต้องมาโดนที่ "ร้านเสพเนื้อ" อยู่ ถ.โพธิ์แก้ว แขวงนวมินทร์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-20.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1661-4556

  • หัวปลาหม้อไฟ ส.วังใหม่ อาหารเหลาราคาสบายกระเป๋า

    "ร้านหัวปลาหม้อไฟ ส.วังใหม่" ตำนานความอร่อยกว่า 50 ปี กับอาหารเหลาสูตรโบราณที่ทำสดใหม่จานต่อจาน รับรองความอร่อยเหมือนเดิมแน่นอน"หัวปลาจีนต้มเผือก (หม้อใหญ่ 250 บาท)" ทางร้านใช้ปลาจีนหรือปลาซ่งฮื้อ ลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนเหลืองกรอบ แล้วใส่เผือกลงไปทอด พอใกล้สุกใส่ต้นหอมและเติมน้ำซุปลงไป"หัวปลาจีนต้มบ๊วย (หม้อเล็ก 170 บาท)" นำปลาจีนสดมาเรียงไว้ในหม้อหยวนโล้ ใส่น้ำซุป ใส่บ๊วยกับทิโป้วหรือปลาตาเดียวทอด เพื่อเพิ่มความหวานของน้ำซุป จากนั้นใส่ถ่านต้มจากในหม้อเลย รสชาติจะออกเปรี้ยวอมหวานนิดๆ"ทะเลผัดผงกะหรี่ (ราดข้าว 60 บาท)" "เนื้อปลาจีนนึ่งซีอิ๊ว" เนื้อปลาเด้ง หอมขิงซอยกับต้นหอม ซึ่งสามารถดับกลิ่นปลาได้เป็นอย่างดี "หมูสะเต๊ะ" ใช้หมูสันนอกหมักสูตรดั้งเดิมของครอบครัวมาทานอาหารเหลาราคาสบายกระเป๋ากันได้ที่ "ร้านหัวปลาหม้อไฟ ส.วังใหม่" อยู่ที่ ถ.เจริญนคร ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16.00-23.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-5329-9124

  • ฉ่อยเป็ดย่าง ตำนานความอร่อยย่านพุทธมณฑลสาย 2

    อีกหนึ่งตำนานความอร่อยย่านพุทธมณฑลสาย 2 "ร้านฉ่อยเป็ดย่าง" ร้านอร่อยริมทางที่การันตีด้วยรางวัลบิบ กูร์มองด์ จากมิชลินไกด์ ถึง 3 ปีซ้อน ด้วยสูตรความอร่อยที่ส่งต่อมากว่า 60 ปี กับหนังเป็ดกรอบๆ เนื้อฉ่ำ"ร้านฉ่อยเป็ดย่าง" นอกจากเป็ดย่างที่เป็นสินค้าหลักแล้ว ยังมีทั้งหมูแดง หมูกรอบ และเมนูเส้นต่างๆ เช่น ลูกชิ้นปลา ฮือก้วย ลูกชิ้นกุ้ง ซึ่งทางร้านทำเองทั้งหมด รับรองว่าทุกเมนูใช้วัตถุดิบสด ใหม่ สะอาดแน่นอนอาหารของที่ร้านเป็นสไตล์จีนกวางตุ้ง โดยให้ความสำคัญกับวัตถุดิบตั้งแต่การคัดเลือกขนาดของเป็ด การหมักเครื่องเทศตามสูตรของทางร้าน และเทคนิคการใช้ไฟในการย่าง ทำให้เป็ดย่างออกมาหนังกรอบ เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ตามแบบฉบับของฉ่อยเป็ดย่าง และราดด้วยน้ำซอสสูตรลับของทางร้านเริ่มด้วยเมนูขายดีของทางร้าน "ข้าวหน้าเป็ดย่าง (45 บาท)" เมนูนี้เลือกใช้เป็นเป็ดเชอร์รี่คัดไซส์มาอย่างดี เพราะเป็ดเชอร์รี่จะมีมันที่กำลังดี และเนื้อแน่นกว่าสายพันธุ์อื่น "ก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำข้นเป็ดย่าง (50 บาท)" น้ำต้มยำรสจัดจ้าน ทานคู่กับเส้นบะหมี่ที่เป็นเส้นเล็กสไตล์ฮ่อง ตัวเส้นนุ่มหนึบหนับกำลังดี"บะหมี่เกี๊ยวเป็ดย่าง หมูกรอบ (85 บาท)" มาทานเป็ดย่างอร่อยๆ กันได้ที่ "ร้านฉ่อยเป็ดย่าง" อยู่ถนนพุทธมณฑล สาย 2 อยู่ก่อนถึงปั๊มเชลล์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.30-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-5264-2226

  • แป๊ะโจ๊กหม้อทองเหลือง 38 ปี

    "ร้านแป๊ะโจ๊กหม้อทองเหลือง 38 ปี" ร้านโจ๊กเจ้าดังย่านบางโพ การันตีความอร่อยด้วยรางวัลบิบ กูร์มองด์ 2021 เอกลักษณ์อยู่ที่เนื้อโจ๊กที่เนียนนุ่มในหม้อทองเหลือง ด้วยสูตรลับความอร่อยจากอากงที่ส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น เคล็บลับความอร่อยของตัวโจ๊กคือการใช้ข้าวหอมมะลิอย่างดีทั้งเมล็ด แช่น้ำทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง และต้มน้ำซุปทิ้งไว้ 1 คืนจนออกมาเป็นหัวโจ๊ก โดยตอนเช้าจะเอาหัวโจ๊กมาผสมกับน้ำซุปเคี่ยวใหม่ ใช้หม้อทองเหลืองต้มหม้อต่อหม้อ รับรองว่าร้อนยันคำสุดท้าย"โจ๊กปลากะพง (60 บาท/ ใส่ไข่ 70 บาท)""โจ๊กหมูและกระดูกอ่อน ไข่ระเบิด (70 บาท)" ที่เรียกว่าไข่ระเบิดเพราะทางร้านจะตีไข่ลงไปผสมกับเนื้อโจ๊ก ทำให้เนื้อโจ๊กเนียนๆ  ผสมกับไข่แดงนวลๆ"กระเพาะปลาน้ำแดงเห็ดหอม (70 บาท)" แน่นไปด้วยไข่นกกระทา และกระเพาะปลาไซส์ใหญ่ส่งตรงจากเยาวราช"ข้าวต้มแห้งทะเล (80 บาท)" เมนูนี้จะนำเครื่องทะเล ไข่ไก่ และเครื่องข้าวต้มมาผัดจนเข้ากัน ก่อนจะนำไปโปะลงบนข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำซุป และเต้าเจี้ยวบด น้ำจิ้มซีฟู้ดให้เอาไว้ตัดเลี่ยนด้วยมาทานโจ๊กร้อนๆ เนื้อเนียนๆ กันได้ที่ "ร้านแป๊ะโจ๊กหม้อทองเหลือง 38 ปี"  อยู่หน้าปากซอยประชาราษฎร์ สาย 1 ซอย 20 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-2586-8852

  • นวลนาง ร้านผลไม้ดองสุดแซ่บ

    ยั่วน้ำลายกับความแซ่บของเครื่องจิ้มและผลไม้เด็ดๆ จาก "ร้านนวลนาง" ที่เหมือนยกสวนผลไม้มาเอาใจสายแซ่บที่ย่านดินแดง พร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ดกว่า 10 แบบ ทั้งน้ำปลาหวานกุ้งจัมโบ้ ปลาร้าโหน่ง ข้าวคั่วหอม กะปิหวาน กะปิแห้ง น้ำปลาหวานผสมกะปิแห้ง พริกเกลือ และปลาร้าแจ่วบอง เป็นต้น รับประกันความแซ่บนอกจากน้ำจิ้มเด็ดๆ แล้วผลไม้ที่ใช้ก็เป็นผลไม้พื้นบ้านของทางอีสาน โดยจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ตะคร้อ ส้มสร้อย ซึ่งหายากมากๆ ต้องเป็นคนพื้นบ้านเท่านั้นจึงจะได้ทานกัน แต่ที่ร้านนวลนางนำมาให้คนทั่วไปได้ลิ้มรสกัน และอีกหนึ่งไฮไลท์ของผลไม้คือ กระท้อนลูกใหญ่ไซส์จัมโบ้ที่ทางร้านคัดไซส์ขนาด 8 ขีดถึง 1 กิโลกรัม เป็นกระท้อนพันธุ์ปุยฝ้าย เนื้อจะฟู นุ่ม หวาน และเปรี้ยวน้อยมากเริ่มด้วยเมนูเด็ดซิกเนเจอร์ของร้าน "กระท้อนทรงเครื่องสูตรโบราณ (150 บาท)""กระท้อนน้ำปลาหวานกุ้งจัมโบ้ (150 บาท)" มีทั้งกุ้งไซส์ใหญ่ กะปิใช้อย่างดี มีกลิ่นหอม และใส่หอมมาเยอะมากๆ แต่เมนูกระท้อนจะมีแค่ช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมเท่านั้น"สละน้ำปลาหวานกุ้งจัมโบ้ (150 บาท)" สละสามารถสั่งทานได้ตลอดทั้งปี ราดด้วยน้ำปลาหวานกุ้งจัมโบ้ที่ใส่พริกมาทุกชนิด ทั้งพริกป่น พริกขี้หนูสวน พริกจินดา"ตะลิงปลิงและกะปิหวาน (100 บาท)" ทางร้านใช้กะปิอย่างดี เคี่ยวกับน้ำตาลปี๊บและพริกป่น จนเนื้อนวล เข้มข้น โดยตะลิงปลิงที่นี่จะมีขายตลอดทั้งปีอีกเมนูทีมีขายทั้งปีคือ "มะม่วงเบาและกะปิแห้ง (120 บาท)" ทางร้านจะขายมะม่วงหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ในช่วงนี้จะเป็น โชคอนันต์และน้ำดอกไม้แชร์พิกัดความแซ่บกับ "ร้านนวลนาง" อยู่ ซ.เปรมสมบัติ ดินแดง ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 09-9929-6665

  • ก๋วยเตี๋ยวเรือสามแซ่บ สูตรโบราณจากอยุธยา

    "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือสามแซ่บ" กับก๋วยเตี๋ยวเรือเผ็ดพ่นไฟที่น้ำซุปหอมเครื่องยาจีน สูตรโบราณจากอยุธยาที่ปรุงมาจัดจ้านเผ็ดซี๊ดถึงใจก๋วยเตี๋ยวเรือของที่ร้านเป็นสูตรโบราณจากอยุธยา ก๋วยเตี๋ยวเรือจะอร่อยต้องอยู่ที่พริก โดยทางร้านจะคั่วพริกเองทุกวันให้ได้ความเผ็ด หอม กินแล้วไม่ขมปากไม่ขมลิ้น เป็นความเผ็ดระดับพ่นไฟ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวของทางร้านยังใช้เครื่องหอมยาจีนถึง 8 ชนิด เคี่ยวกับกระดูกหมูกว่า 2 ชั่วโมง และที่ขาดไม่ได้น้ำซุปสูตรของทางร้านจะใส่กะทิเพื่อเพิ่มความมัน หอม เข้มข้นอีกด้วย"หม้อไฟสามแซ่บ (139 บาท)" ก๋วยเตี๋ยวเรือในหม้อไฟไซส์ใหญ่ เลือกไส้ได้ 2 แบบ (เส้นเล็กและเส้นหมี่) จัดเต็มในหม้อไฟ มีทั้งหมูหมัก ตับแป้ง และลูกชิ้นหมู"ก๋วยเตี๋ยวเรือ (ธรรมดา 40 บาท/ พิเศษ 50 บาท)" "รวมลวกจิ้ม (85 บาท)" รวมมาทั้งสะโพกหมูหมัก ตับหมู ลูกชิ้น เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มพริกคั่วที่รสชาติเผ็ดร้อนไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวเลยทีเดียว"เส้นบะหมีน่เหลืองสามแซ่บแห้ง ((ธรรมดา 40 บาท/ พิเศษ 50 บาท)" "ยำกากหมูเจียงฮาย (35 บาท)" คือการเอาหมูทอดเจียงฮาย คลุกกับน้ำยำพริกคั่ว เป็นเมนูทานเล่นที่เพลินมากๆ มาแซ่บกับก๋วยเตี๋ยวเรือแบบนี้ได้ที่ "ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือสามแซ่บ" ศรีนครินทร์ 40 ซ.สุภาพงษ์ 3 แยก 6 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.30-21.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-1425-6545

  • ปากปลาร้า ส้มตำแซ่บนัวย่านรัชดา

    "ปากปลาร้า" ร้านส้มตำน้องใหม่ย่านรัชดา แค่ชื่อก็การันตีเลยว่าปลาร้านัวแน่นอน ที่สำคัญมีหลายเมนูไม่ได้หากินง่ายๆ สายอาหารอีสานเตรียมมาแซ่บกันได้เลยร้านปากปลาร้าทีเด็ดก็ต้องยกให้กับปลาร้าที่ปรุงเอง สะอาด ไม่เหม็น ไม่คาว ใช้ปลากระดี่ น้ำปลาอย่างดี ใส่สมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ เคล็บลับที่สุดคือใช้ใบน้อยหน่าดับกลิ่น ทำให้น้ำปลาร้าของร้านไม่เหมือนที่ไหน "อภิมหาตำปากปลาร้า (1,111 บาท)" เป็นชุดที่รวบรวมของอร่อยไว้ในถาดเดียว ทั้งส้มตำ, แกง, แซลมอน, ปลานิลทอด, หอยแครง, หอยแมลงภู่, หอยโข่ง และคอหมู่ย่าง ซึ่งส้มตำสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นตำไทย, ตำลาว หรือตำหลวงพระบาง ส่วนแกงก็สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแกงเห็ดหรือแกงหน่อไม้"ตำอะโวคาโด (79 บาท)" ตำมาแบบตำไทย หอมพริก หอมถั่ว"ตำซั่วทะเลไข่เยี่ยวม้า (129 บาท)" จัดเครื่องมาแน่นๆ ทั้งกุ้ง หมึก เป็นตำซั่วใส่ขนมจีน นัวปลาร้า เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่เยี่ยวม้า"ตำด้องแด้ง กุ้งดิบ หอยแครง (79 บาท)" เมนูนี้ใส่ทั้งกะหล่ำ ผักกระเฉด ถั่วงอก เสิร์ฟมาพร้อมกุ้งดิบและหอยแครงลวกคออาหารอีสานแซ่บๆ ปลาร้านัวๆ ต้องมาชิมกันที่ "ร้านปากปลาร้า" ซ.รัชดาภิเษก 7 แยก 15 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 น. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-1659-6669

  • ปากหม้อปารีส ร้านปากหม้อญวนชื่อดังจากสกลนคร

    ใครที่คิดถึงความนุ่มละมุนของปากหม้อญวนชื่อดังของจังหวัดสกลนคร "ร้านปากหม้อปารีส" ที่ตอนนี้ส่งตรงความอร่อยมาถึงกรุงเทพฯ แล้ว ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่ย่านพระโขนงนี่เอง ความพิเศษของปากหม้อที่ร้านอยู่ที่แป้งปากหม้อเหนียวนุ่ม กับน้ำจิ้มสูตรลับของครอบครัว ใครที่ได้กินรับรองต้องกลับไปซ้ำแน่นอนที่มาของชื่อร้าน 'ปากหม้อปารีส' เกิดจากตอนที่สาขาแรกที่สกลนครยังไม่มีชื่อร้าน ลูกค้ามาทานก็ไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไร บังเอิญร้านตั้งอยู่หน้าโรงหนังปารีส จึงกลายเป็นชื่อปาหม้อปารีสตั้งแต่ตอนนั้นมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งเปิดขายปากหม้อมากว่า 26 ปีแล้วความพิเศษของปากหม้อที่ร้านคือแป้งที่เหนียวนุ่มมากซึ่งทางร้านจะโม่ข้าวเอง โดยต้องแช่ข้าวก่อน 1 คืนแล้วค่อยมาโม่ จะทำให้แป้งมีความเหนียวนุ่มมาก รับรองว่าไม่เหมือนที่อื่น ส่วนตัวไส้ หมูจะคัดพิเศษเป็นสูตรมันน้อย เมื่อเอามาผัดแล้วจะเก็บได้เป็นอาทิตย์ซึ่งทางร้านไม่ได้ใส่สารกันเสียหรือสารกันบูดเลย แต่อยู่ที่วิธีการทำไส้ไม่ให้ชื้นเกินไปจึงเก็บได้นาน ส่วนตัวน้ำจิ้มนั้นทางร้านคิดสูตรขึ้นมาเอง ตั้งแต่การต้มน้ำตาลซึ่งใช้เวลานานมากกว่าจะเคี่ยวน้ำตาลให้ได้แต่ละที ตัวน้ำจิ้มจะมีทุกรสชาติ ทั้งหวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ดอยู่ในตัว รับรองว่าเข้ากันได้ดีกับตัวปากหม้อแน่นอน"ปากหม้อธรรมดา (60 บาท)" แป้งบาง เหนียวนุ่ม มาทั้งหมด 4 ตัว ไส้คือหมูสับกับหมูยอ แต่ทีเด็ดคือน้ำจิ้มที่ราดลงไปฉ่ำๆ"ปากหม้อไข่ดาว (65 บาท)" อันนี้ห่อมาชิ้นเดียวแต่มีความพิเศษคือใส่ไข่ลงไป โดยไข่แดงจะเป็นยางมะตูม ทำให้ปากหม้อมีความนัวๆ มันๆ รสชาติกลมกล่อมจากไข่แดงยิ่งทำให้อร่อยขึ้นไปอีกเอาใจสายแซ่บกับเมนู "ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อต้มยำ (65 บาท)" ใส่หมูยอกับหมูเด้ง ทางร้านจะปรุงใหม่ชามต่อชาม รสชาติกลมกล่อมแบบไทยๆ"ปากหม้อข้าวเกรียบกรอบ (80 บาท/ ใส่ไข่ 90 บาท)" ตัวข้าวเกรียบกรอบโรยงามาหอมมาก ซึ่งตัวข้าวเกรียบส่งตรงมาจากสกลนครเลยใครที่คิดถึงปากหม้อปารีสตามมาทานกันได้ที่ "ร้านปากหม้อปารีส" ถนนสุขุมวิท 71 ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.30-19.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สอบถามเพิ่มเติม โทร. 08-9939-9115

  • เหล่าเฮงลูกชิ้นปลา สาขาพุทธมณฑลสาย 3

    "เหล่าเฮงลูกชิ้นปลา สาขาพุทธมณฑลสาย 3" ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาสูตรต้นตำรับที่เปิดบริการมาแล้วกว่า 10 ปี ไฮไลต์ของร้านจะเน้นความสดใหม่ของลูกชิ้นปลา เพราะทางร้านมีโรงงานผลิตเองทั้งหมด ทำสดใหม่ทุกวัน และมีการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี ส่งตรงจากเยาวราชแท้ ๆ ทั้งเส้นบะหมี่เป๊าะ ตั้งไฉ่ และจิ๊กโฉ่ว เพื่อความเป็นออริจินัล แบบก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเยาวราชมากยิ่งขึ้นในส่วนของเมนูอาหารทางร้านมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว ของทานเล่น ลวกจิ๋มต่าง ๆ รวมถึงเครื่องดื่มในราคาย่อมเยาว์ สำหรับใครที่ติดใจในรสชาติและความสดใหม่ของลูกชิ้นร้านนี้ ทางร้านยังมีบริการจับเซตชุดลูกชิ้นต่าง ๆ ให้กลับไปทานที่บ้านได้อย่างจุใจอีกด้วยTop list เมนูขายดี ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่เย็นตาโฟ ความพิเศษอยู่ที่ซอสเย็นตาโฟ ที่มีพริกขี้หนูปั่นผสมเพื่อให้ได้ความเผ็ดร้อน ทานพร้อมกับลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นปลารักบี้ทอด ฮื่อก๊วย เต้าหู้ทอดและเผือกทอด เรียกได้ว่าอร่อยครบจบในจานเดียวเมนูต่อไปบะหมี่แห้ง เมนูซิกเนเจอร์สูตรเด็ดต้นตำรับจากเยาวราช ใช้เส้นบะหมี่เป๊าะเพิ่มรสชาติด้วยการคลุกเคล้ากับซอสจิ๊กโฉ่ว เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุปใสร้อน ๆนอกจากนี้ยังมีเมนูทานเล่นกินเพลิน ๆ หลายเมนู เช่น ลูกชิ้นกุ้งทอด สีเหลืองกรอบนอกนุ่มใน เนื้อกุ้งเต็ม ๆ คำ และเผือกทอด ที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านทานคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยสูตรเด็ดที่ทางร้านเคี่ยวเอง ทานคู่กันแล้วอร่อยฟินสุด ๆ"ร้านเหล่าเฮงลูกชิ้นปลา สาขาพุทธมณฑลสาย 3" ตั้งอยู่ที่ ถนนพุทธมณฑลสาย 3 มุ่งหน้าเพชรเกษม ไฟแดงที่ 4 ตรงจุดยูเทิร์น ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-17.00 น.สอบถามเพิ่มเติมโทร. 09-0892-3341 

  • Ginprik Thailand - กินพริก ร้านอาหารไทยจัดจ้านถึงเครื่อง พุทธมณฑลสาย3

    "ร้านกินพริก" ร้านอาหารไทยสุดฮอตในโซเชียลที่ไม่ได้มีดีแค่อาหารเผ็ด แต่ยังจัดจ้านร้อนแรงด้วยเครื่องเทศ และมีอาหารครอบคลุมเกือบทุกภาค โดยเชฟจะดึงจุดเด่นของอาหารแต่ละภาคมาผสมผสานกันไว้อย่างลงตัว บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์ Modern Loft ทำให้บรรยากาศเหมือนดูชิลเหมือนมาทานอาหารบ้านเพื่อน ที่มาของชื่อร้านกินพริก หมายถึงการให้เครื่องเทศเยอะ เน้นเรื่องความอร่อยในหนึ่งคำที่เต็มไปด้วยเครื่องแกง โดยทางร้านคัดเลือกเชฟที่มีประสบการณ์การทำร้านอาหารไทยมาทั่วทุกภูมิภาค เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสูตรอาหารพื้นบ้านจากคนในพื้นที่ คงคอนเซ็ปต์ทำเครื่องแกงจานต่อจานให้รสชาติเข้าถึงแบบเต็มคำTop list อาหารที่มาแล้วต้องทาน เริ่มจากเมนูอีสานที่เรียกว่า "ไก่ใต้น้ำ" เมนูหาทานยาก ใช้ไก่ส่วนสะโพกนึ่งกับเครื่องเทศ ด้วยเทคนิคแบบอีสานคือการนำน้ำไว้ด้านบน ซึ้งจะทำให้เนื้อไก่นุ่มและฉ่ำ หอมกลิ่นใบกะเพรา ราคา (160.-) มาต่อกันที่เมนูทางใต้ "ผัดสามเหม็น" ที่ใส่ทั้งสะตอ ชะอมและกระเทียมโทน ผัดกับวุ้นเส้นและกุ้งสด โดยทริคของที่ร้านจะเน้นผัดแห้ง ๆ เพื่อให้ได้กลิ่นคั่วกระทะแบบโบราณ ราคา (180.-)มาต่อกันที่ "แกงคั่วใบชะพลู" เป็นเมนูที่ทางร้านได้สูตรพิเศษจากคนท้องถิ่น เน้นเครื่องแกงโขลกละเอียด ใส่กรรเชียงปูกับเนื้อปูหน้าอก เพื่อเพิ่มเทคเจอร์ให้กับความเข้มข้นของน้ำแกง เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่อร่อยเด็ดเข้มข้นสุด ๆ ราคา (420.-)ที่สุดของความแซ่บต้องยกให้ "ยำคอหมูปลาร้าไข่เค็ม" เป็นเมนูน้องใหม่ของทางร้าน ใช้เทคนิคบ่างคอหมูจนหอม คลุกเคล้ากับน้ำยำสูตรเด็ดที่ใส่ไข่แดงเค็มนึ่งลงไปผสม และเพิ่มความหอมแซ่บนัวด้วยน้ำปลาร้าทำให้น้ำยำกลมกล่อมยิ่งขึ้น ราคา (160.-)มาต่อกันที่เมนูเด็ดของทางร้าน "พะโล้โบราณ" ถ้าใครอยากทานต้องรีบโทรถามก่อนเนื่องจากทางร้านใช้เวลาทำหลายวันและแต่ละรอบมีปริมานจำกัด เคล็ดลับคือร้านจะทำเครื่องพะโล้เอง โขลกสามเกลอ เคี่ยวน้ำตาลให้เปลี่ยนสี ซึ่งเป็นสูตรโบราณ และใส่ไข่เป็ดเพื่อเพิ่มความหนึบและนัวให้รสชาติกลมกล่อม ราคา (175.-)"แกงเหลืองปลากะพง" อีกหนึ่งเมนูที่ห้ามพลาด  ทางร้านจะเลือกใช้เป็นเครื่องแกงสูตรจังหวัดกระบี่ ที่จะเน้นรสชาติเผ็ดนำ ที่จะทำให้รู้สึกถึงความถึงเครื่องเหมือนรสชาติแกงเหลืองออริจินิลทางภาคใต้จริง ๆ ราคา  (220.-)ร้านกินพริก ตั้งอยู่ที่ ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เยื้องโรงเรียนสารสาสน์วิเทศธนบุรี  ร้านเปิด 11.00-22.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : 09-8978-6555

Follow us on INSTAGRAM